Married แต่งแล้ว (อย่า) รัก 11
กระทั่งถึงวันงาน พิธีเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้ามืดฉันมีทีมช่างแต่งหน้าเข้ามาแต่งหน้าทำผมให้ เราตักบาตรด้วยกันหมายถึงฉันกับคุณจอมทัพนั่นแหละ พอถึงฤกษ์ก็ทำตามพิธีต่าง ๆ รวมถึงการจดทะเบียนสมรสที่มีเจ้าหน้าที่ออกมาทำให้ที่หน้าพิธี และเพิ่งจะรู้ว่าครอบครัวของป้านิรนั้นมีคนนับหน้าถือตาอยู่มาก รวมถึงเกรงใจครอบครัวของป้านิรมากเช่นเดียวกัน
ถึงแม้จะไม่อยากแต่งแต่เราก็ไม่ได้ทำให้ผู้ใหญ่ขายหน้า เวลาเดินขอบคุณแขกเรายังคงยิ้มแย้มและมีช่างภาพตามถ่ายรูปเก็บไว้ให้ตั้งแต่ช่วงเช้ามืด
พรีเวดดิ้งก็มีนะ เราถ่ายช่วงวันที่สิบวันที่เพื่อนเดินทางมาหา พอวันนี้สิบสองก็มีรูปจัดวางไว้อย่างสวยงาม หลังพิธีเข้าห้องหอช่วงเช้าเสร็จสิ้นฉันก็หลับยาวแทบจะทันที หลังเสร็จพิธีเช้าที่บ้านและมาส่งเข้าห้องหอที่บ้านคุณจอมทัพ เมื่อทำตามพิธีช่วงเช้าและพิธีส่งตัวเข้าห้องพอเสร็จสิ้นทั้งคุณย่าและเพื่อน ๆ ฉันก็กลับไปพักที่บ้านเตรียมออกมาร่วมงานฉลองมงคลสมรสตอนเย็น
บ่ายสามทีมช่างแต่งหน้าทำผมชุดเดิมมารอที่ห้องรับแขกที่อยู่ข้าง ๆ ห้องหอ ฉันที่หลับอยู่ก็ถูกเจ้าของห้องปลุกให้ไปอาบน้ำเตรียมแต่งหน้าแต่งตัวเพราะงานจะเริ่มในช่วงเวลาห้าโมงเย็นที่สนามหญ้าข้างบ้าน มีเพียงแค่แขกคนสนิทและผู้ที่มีหน้าตาในสังคม
ฉันนั่งหลับตานิ่ง ๆ ให้พี่ ๆ แต่งหน้าทำผมให้ เพื่อน ๆ ฉันเองก็มาที่บ้านแล้วพร้อมกับคุณย่าและพี่ส้มที่ต้องตามมาดูแลคุณย่า
“หลับไหมเนี่ย” เสียงหนึ่งดังขึ้นคล้ายกับเจ้าของเสียงนั้นจะหลุดหัวเราะเล็กน้อยแต่ว่าฉันลืมตาไม่ขึ้นเลย ง่วงอะ หลับไปเลยได้ไหม
“...”
“หิวข้าวไหม?”
“...”
“น่าเอ็นดูจัง นั่งหลับไปแล้วมั้งพี่ว่า”
“อา เขาพูดอะไรไหมครับ แบบอยากกินอะไรไหม”
“ไม่นะคะ มาถึงก็นั่งหลับตานิ่งไปเลย”
“อา ครับ เสร็จแล้วเรียกผมนะเดี๋ยวจะพาไปนอนพักก่อน”
“ได้ค่ะ น่ารักจังนะเนี่ย พวกพี่ก็ลุ้นกันไปสิ เจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าร้านสวนทางกันไปมา แต่พอเห็นวันนี้แล้วเหมาะสมกันมากเลยล่ะ”
“ขอบคุณครับพี่ เสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับนะครับ กินข้าวด้วยกันก่อนนะ”
“ได้จ้ะ”
ฉันรู้สึกตัวตื่นอีกทีก็ตอนที่ถูกปลุกให้ไปเปลี่ยนชุดงานเลี้ยงตอนเย็น ชุดแต่งงานสีขาวความยาวคลุมเข่าช่วงบริเวณแขนเป็นลูกไม้ซีทรูด้านหลังโชว์ทั้งแผ่นหลัง เมื่อลงมาถึงห้องรับแขกของบ้านก็เจอกับคุณย่านั่งอยู่บนโซฟาฉันรีบเข้าไปกอดอ้อนท่านทันที คุณย่าดูสดใสแล้วมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิมมาก
“คุณย่าแต่งตัวสวยจังเลย ถ่ายรูปกับหนูหน่อยสิคะ” เอ่ยบอกคุณย่ามือก็ยื่นโทรศัพท์ให้ประกายดาวช่วยถ่ายรูปให้ฉันกับคุณย่าหลายสิบรูป
“หลานสาวย่าสวยที่สุดเลย”
“ขอบคุณนะคะ คุณย่าของหนูก็สวยที่สุดเหมือนกันยิ้มสวย ๆ เลยนะคะ”
“กินอะไรก่อนไหมพลอย แกต้องเดินขอบคุณแขกด้วยนะ” อาริสาเอ่ยบอกกับฉัน ฉันพยักหน้าส่งให้เพื่อนแล้วชวนคุย แต่พอมีเจ้าของบ้านเดินเข้ามาฉันก็เงียบเสียงไปทันที แต่กินอาหารรองท้องเล็กน้อยก็ต้องออกไปต้อนรับแขกที่มาร่วมงานตอนเย็น
ยืนส่งแขกเข้าไปนั่งที่โต๊ะกระทั่งแขกเข้าไปนั่งใกล้หมดก็เริ่มงานเลี้ยงกันไป แต่เรากลับต้องชะงักค้างเมื่อจู่ ๆ ก็มีคนที่กำลังสวมชุดดำเข้ามาภายในงาน ทั้งชุดและสิ่งที่เธอถือมาทำให้แขกมองอย่างตกใจพร้อมกับซุบซิบเสียงดัง
“เพลงพลิน” คนข้าง ๆ พึมพำชื่อหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบา และให้เดาก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นที่สวมชุดดำเข้ามาภายในงาน
“ไง ไม่คิดจะเชิญกันหน่อยเหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามคนข้างฉันก่อนจะโยนพวงหรีดที่ถือมาลงบนพื้นตรงหน้า ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาของคนอื่น ๆ
“ใครอยู่แถวนี้มาลากผู้หญิงคนนี้ออกไป” เสียงป้านิรสั่งคนงานที่อยู่รอบ ๆ ด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“กรี๊ด!! ปล่อยฉันนะ!”
“แกคิดว่าทัพจะชอบแกจริง ๆ เหรอ ขนาดชุดแต่งงานที่แกสวมอยู่ยังเป็นฉันที่ได้ลองสวมก่อนแกเลย”
“...”
“เขายอมแต่งงานกับแกก็เพราะมีของแลกเปลี่ยน อย่าคิดว่าเขาจะรักแก”
“...”
“เพราะคนที่เขารักคือฉัน” ผู้หญิงคนนั้นตะโกนเสียงดังขณะที่ถูกลากออกจากงาน ป้านิรและลุงขุนช่วยคุยกับแขกและเชิญให้กินข้าวกันต่อ ส่วนฉันค่อย ๆ เดินออกห่างจากคุณจอมทัพอย่างไม่สบายใจ ก็พอจะรู้เรื่องราวทุกอย่างมาบ้างแต่เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉันเหมือนตัวร้ายในละครเลย ตัวร้ายที่ไปทำลายความรักของพวกเขาทั้งสองคน
“เป็นแฟนเก่า เลิกนานแล้วเลิกเกือบสิบปีแล้ว”
“...” คุณจอมทัพรีบจับมือฉันไว้และเอ่ยอธิบาย แต่ฉันไม่อยากจะมองหน้าหรือได้ยินเสียงเขาจึงเลือกที่จะค่อย ๆ ดึงมือออกห่างแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ คุณย่าและเพื่อน ๆ ของตัวเองที่มองมาอย่างเป็นห่วง
“ไหวไหม?” พิรัชเอ่ยถามเสียงเบา
“อื้อ กินข้าวเถอะ เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้มาฉลองกัน” เอ่ยบอกเพื่อน ๆ หวังให้สนุกกับงานเลี้ยงตรงหน้ามากกว่ากังวลใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ทีแรกก็นึกว่าจะดีแล้วดูแลแกได้ แต่เห็นแบบนี้แล้วตัดสินใจละไม่หวังจะฝากให้เขาดูแลแกแล้วล่ะ”
“เออ ก็นึกว่าจะดี”
“ไม่ยอมเคลียร์คนของตัว เห็นแก่ตัว” ประกายดาวมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใกล้อย่างชิงชัง คุณจอมทัพทำหน้าฉงนเมื่อถูกเพื่อนฉันเมินทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังชวนคุยกันอยู่อย่างปกติ
“คุณเจ้าบ่าวของงาน พอดีว่าเก้าอี้เต็มหมดแล้วน่ะครับ” พิรัชเอ่ยบอกยามเห็นคุณจอมทัพเดินเข้ามายืนชิดเก้าอี้ที่ฉันนั่งอยู่ คล้ายกับกำลังมองหาที่นั่ง
“อา ครับ อยากได้อะไรเพิ่มเติมบอกเลยนะครับ”
“...” เพื่อน ๆ ฉันเงียบ คุณย่าเองก็มองอย่างให้กำลังใจ
“มีอะไรเรียกได้นะ ผมนั่งกับเพื่อนโต๊ะข้าง ๆ” ก่อนเดินออกห่างเขาโน้มหน้าเข้ามากระซิบบอก ฉันไม่ได้ตอบรับมือก็ยื่นไปตักอาหารมากินต่อ คุณจอมทัพเดินไปนั่งที่เก้าอี้ว่างที่โต๊ะข้าง ๆ ฉันนั่งคุยกับเพื่อนเรื่องงานบ้างและเรื่องทั่วไปบ้างแต่สิ่งที่ไม่คุยเลยคือเรื่องงานแต่งงานวันนี้