บทที่ 1 ความเจ็บปวด

1455 Words
หวี้ หว่อ หวี้ หว่อ เสียงสัญญาณฉุกเฉินที่ระดังระงมไปทั่วทั้งซอย และจุดสิ้นสุดหยุดอยู่ที่ลานจอดรถใต้คอนโดขนาดกลางที่มีผู้เช่าซื้อทั้งที่เป็นพนักงานบริษัท นักศึกษา คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่สนใจเสียงสัญญาณรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่มารับผู้ป่วยฉุกเฉินในภาวะวิกฤต ปกติคอนโดแห่งนี้จะไม่มีรถพยาบาลวิ่งเข้ามา นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นผู้คนที่ยังคงอยู่ในคอนโดแห่งนี้ต่างให้ความสนใจว่าใครเป็นอะไร มีเหตุด่วนอะไร บางคนออกมายืนรอดูอยู่หน้าห้องที่มีเจ้าหน้าที่พยาบาล เข็นรถเข็นผ่านไปยังห้องพักห้องหนึ่ง ผ่านไปไม่นานประตูบานนั้นก็เปิดกว้างออกมาพร้อมกับรถเข็นที่มีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยาง มีคนนอนอยู่บนรถเข็นคันนั้น บุรุษพยาบาลสองคนช่วยกันเข็นอย่างเร่งรีบพยาบาลสาวเดินตามมาติดๆ นอกจากนั้นยังมีหญิงสาวสวยผมยาวสลวยร่างบางวิ่งตามมา เสียงร้องไห้คร่ำครวญตลอดเวลา ทุกคนต่างมีใบหน้าที่กังวลอย่างเห็นได้ชัด "ขอทางหน่อยครับ อย่าขวางทางครับ" บุรุษพยาบาลตะโกนบอกผู้คนแถวนั้นหลบให้พ้นทางรถเข็นที่มีผู้ป่วยวิกฤตที่มีใบหน้าซีดเซียว หลับตานิ่งสนิทร่างกายไม่มีการกระดุกกระดิกหรือร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดใดๆ ผู้คนต่างให้ความสนใจว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพากันออกมาดูเหตุการณ์ เสียงพูดคุยดังระงมด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่พยายามช่วยเหลือผู้ป่วย "นินินแกจะต้องไม่เป็นอะไร แกต้องอยู่กับฉัน" เสียงหญิงสาวอีกคนที่พยายามวิ่งตามให้ทันรถเข็นคันนั้นไป พร้อมร้องเรียกชื่อจนกระทั่งรถเข็นลงมาถึงชั้นล่างบริเวณที่รถพยาบาลจอดอยู่ "เปิดประตูด่วน คนป่วยอยู่ในภาวะวิกฤตขอเครื่องช่วยหายใจและรีบไปให้ถึงโรงพยาบาลด่วนที่สุด เปิดไซเรนขอทางด่วน" เสียงบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงมาบอกเพื่อนอีกคนที่ยืนรออยู่ท้ายรถเพื่อรอช่วยยกรถเข็นขึ้นบนรถตู้ "คุณเป็นอะไรกับผู้ป่วยครับ" บุรุษพยาบาลอีกคนหันมาถามหญิงสาวที่วิ่งร้องไห้ตามมา "ฉันเป็นเพื่อนของคนเจ็บค่ะ เป็นคนที่โทรตามรถให้มารับคนเจ็บเองค่ะ" หญิงสาวคนนั้นตอบออกไปทั้งน้ำตาและเสียงที่สั่นเครือ "คุณรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเพื่อนคุณนั่งไปกับรถพยาบาลด้วยได้เลยนะครับ" ทุกอย่างทำอย่างเร่งรีบและรวดเร็ว เพราะหญิงสาวที่นอนอยู่บนรถเข็นนั้นหายใจรวยริน ชีพจรเต้นอ่อนลงทุกทีชีวิตของหญิงสาวคนนั้นกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ระหว่างความเป็นกับความตายหากช้าแม้แต่เสี้ยวนาทีชีวิตของหญิงสาวคนนั้นอาจจะไม่รอด ทุกคนกำลังพยายามช่วยชีวิตของหญิงสาวอย่างเต็มที่ รถพยาบาลทะยานสู่ท้องถนนด้วยความรวดเร็ว รถทุกคันที่วิ่งขวักไขว่อยู่บนท้องถนนต่างหลบหลีกทางให้รถได้ขับไปบนถนนอย่างคล่องตัว "คุณพอจะรู้สาเหตุที่คนเจ็บทานยานอนหลับเกินขนาดไหมคะ เธอเคยมีประวัติการใช้ยานี้หรือมีภาวะความเครียดอะไรหรือเปล่า เคยเป็นโรคซึมเศร้าอะไรเคยรักษาที่ไหนไหมคะ" เสียงพยาบาลสาวซักประวัติของคนเจ็บจากเพื่อนของเธอขณะนั่งอยู่บนรถพยาบาลด้วยกันเพื่อความรวดเร็วในการรักษา เมื่อไปถึงโรงพยาบาลจะได้ทำรักษาได้ทันท่วงทีโดยไม่เสียเวลา "เพื่อนของฉันไม่เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนค่ะไม่เคยใช้ยานอนหลับ ก่อนหน้านี้เธอก็ยังสดใสเป็นปกติหรืออาจเพราะเธอผิดหวังเรื่องความรักเมื่อไม่นานมานี้หรือเปล่าหนูก็ไม่แน่ใจ อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ เธอเพิ่งถูกหักอกมาไม่นานนี้เธออาจจะเครียดเลยกินยานอนหลับ" เพื่อนของหญิงสาวนั่งคิดทบทวนเรื่องราวของเพื่อนช่วงที่ผ่านมาและเล่าให้พยาบาลฟัง รถพยาบาลเลี้ยวเข้ามาจอดทางเข้าห้องฉุกเฉินรถเข็นคนเจ็บถูกเข็นลงอย่างรวดเร็ว พยาบาลหลายคนที่เตรียมการรอรับคนป่วยเข้ามาช่วยกันเข็นเข้าไปในห้อง โดยมีคุณหมอที่สวมชุดกราวน์ตามเข้าไปติดๆประตูห้องฉุกเฉินถูกปิดลง พร้อมกับการรอคอยด้วยความหวัง "นินินแกต้องไม่ตายเพราะผู้ชายเลวๆ ผู้ชายใจโลเลคนนั้นเด็ดขาด แกต้องปลอดภัยอยู่กับฉันขอร้อง ได้โปรดกลับมาอย่าไปเจ็บปวดและเสียใจกับคนเลว" หญิงสาวตัวเล็กเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกระสับกระส่าย พร่ำเพ้ออ้อนวอนขอให้เพื่อนเธอรอดชีวิตและกลับมาหาเธออย่างปลอดภัย น้ำตาของเธอยังคงรินไหลอยู่ตลอดเวลาด้วยความกลัวว่าเพื่อนเธอจะไม่รอด เพราะนินินหายใจรวยรินและมีใบหน้าที่ซีดมาก หลับนิ่งเหมือนคนที่ไม่อยากตื่นขึ้นมาบนโลกใบนี้ "ญาดา!นินินเป็นยังไงบ้างลูก นินินปลอดภัยแล้วใช่ไหม" ญาดาหันไปมองตามเสียงเรียก มีผู้หญิงผู้ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาหาเธอ และถามข่าวลูกสาวตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ใบหน้ามีความเครียดและกังวลอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาที่คลออยู่รอบดวงตา "นินินยังไม่ออกมาจากห้องนั้นเลยค่ะแม่ หนูก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้างหนูรอคุณหมอออกมาพร้อมข่าวของนินินที่ปลอดภัยแล้ว" ญาดาเองก็ให้คำตอบกับคนเป็นแม่ไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าข้างในห้องนั้นเพื่อนของเธอเป็นยังไงบ้าง คงเจ็บปวดเสียใจทั้งตัวและหัวใจ หวังว่าเพื่อนคงเธอจะมีกำลังใจและต่อสู้กับความเจ็บปวดพวกนั้น และกลับมาเธอพ่อกับแม่ของเธออย่างปลอดภัย ญาดาได้แต่ภาวนาให้สิ่งศักดิ์ช่วยชีวิตเพื่อนของเธอ "ทำไมนินินถึงทำอย่างนี้ล่ะหนูญาดา นินินมีปัญหาอะไรทำไมถึงไม่เล่าให้พ่อกับแม่ฟังจะได้ช่วยกันแก้ปัญหา" พ่อของนินินอยากรู้เรื่องราวสาเหตุที่ลูกสาวของเขาต้องกินยานอนหลับเกินขนาด เขาไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวของเขามีปัญหาอะไร ลูกไม่เคยมาปรึกษาและเล่าปัญหาของตัวเองให้คนเป็นพ่อกับแม่ฟัง "เอาไว้ให้นินินปลอดภัยแล้วเล่าให้พ่อกับแม่ฟังเองนะคะ หนูเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเกิดจากอะไร" ญาดาเองก็ยังไม่อยากตอบคำถามที่เธอไม่แน่ใจ กลัวจะทำให้พ่อแม่ของนินินต้องเป็นทุกข์กับเรื่องนี้ แค่นี้ทุกคนต่างเจ็บปวดเสียใจมากแล้วเธอไม่อยากย้ำซ้ำตรงแผลให้มันแย่ขึ้นมากกว่าเดิม เสียงพูดคุยเงียบลงเมื่อทุกคนเข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้าว่าตอนนี้ควรให้ความสำคัญกับคนที่อยู่ข้างใน จดจ่อรอฟังข่าวดีหวังให้คนในนั้นกลับออกมาด้วยความปลอดภัย ผ่านไปนานหลายชั่วโมงกับการเฝ้ารอคอย เสียงเปิดประตูห้องนั้นออกมาพร้อมด้วยคุณหมอที่สวมชุดกราวน์เดินออกมาจากข้างในห้องนั้น "คุณหมอครับลูกสาวผมเป็นยังไงบ้างครับเธอปลอดภัยแล้วใช่ไหมครับ" ทุกคนเดินกรูเข้าไปหาคุณหมอพ่อของนินินรีบถามอาการลูกสาวขึ้นด้วยความเป็นห่วงกังวล "ลูกสาวของคุณลุงปลอดภัยแล้วนะครับ ดีที่มาถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลาตอนนี้หมอได้ทำการล้างท้องคนไข้ปลอดภัยดีแล้วครับ อีกเดี๋ยวเราจะเข็นคนป่วยไปที่ห้องพักฟื้น ถ้าร่างกายและจิตใจของคนป่วยฟื้นตัวได้เร็วไม่นานคงได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน หมอขอตรวจและดูอาการหลังจากนี้ประเมินเสร็จหมอจะแจ้งญาติคนป่วยให้ทราบนะครับ ตอนนี้สบายใจได้แล้วครับรอตามคนป่วยไปที่ห้องพักฟื้นได้เลยนะครับ" คุณหมอบอกอาการขั้นตอนต่างๆที่จะต้องทำต่อจากนี้ให้ทุกคนฟัง "ขอบคุณหมอมากนะคะที่ช่วยชีวิตลูกสาวฉัน" แม่ของนินินยกมือไหว้กล่าวขอบคุณหมอคนนั้นด้วยน้ำตาแห่งความดีใจที่ลูกสาวของเธอปลอดภัยแล้ว เธอดีใจมากจนทำอะไรไม่ถูก "ไม่เป็นไรครับมันเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วที่ต้องช่วยให้คนป่วยปลอดภัย ถ้าไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวไปดูคนไข้คนอื่นก่อนนะครับ" คุณหมอคนนั้นเดินไปตรวจคนไข้อีกห้อง สามคนที่กำลังรอเตียงคนไข้เข็นออกมา พ่อกับแม่ของนินินอยากเห็นลูกสาวตัวเองกับตา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD