ติ๊ด~~
เสียงกดลิฟท์ที่ดังขึ้นเมื่อฉันวิ่งมาทันฉันรีบกดลิฟท์ค้างไว้ก่อนที่มันจะพาตัวเองขึ้นไปยังชั้นบน วันนี้รถค่อนข้างจะติดมากฉันกะเวลาขับรถออกมาจากคอนโดก่อนเป็นชั่วโมง แต่การจราจรยังคราคร่ำเต็มท้องถนนรถแทบไม่ขยับตัวไปไหน เมื่อมาถึงตึกอภิรักษ์ภักดีที่ใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของครอบครัวธาร แฟนเก่าที่เป็นจุดเริ่มต้นของการมาปรากฏตัวที่นี่ของฉัน การกลับมาเผชิญหน้าครั้งนี้มันจะไม่เหมือนเหมือนเดิม ฉันที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน มันจะสร้างการจดจำที่ต่างออกไป ฉันจะไม่อ่อนแออย่างที่ผ่านมาคอยดูไปได้เลย สาวอ่อนหวานหัวอ่อนคนั้นได้ตายจากไปตั้งแต่วันที่เธอกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง การเผชิญหน้าที่หลายปีผ่านไปแล้วแต่ฉันยังไม่เลยลืมคนที่ทำให้ฉันเหมือนตายทั้งเป็น
"รอด้วยค่ะ ขอฉันไปด้วยคน" เมื่อประตูลิฟท์ถูกเปิดออกพร้อมผู้ชายตัวสูงที่ยืนข้างในด้วยท่าทางสุขุมดูเท่
อย่างลงตัว เขาหล่อสมาร์ทดูดีทุกกระเบียดนิ้ว สวมทับด้วยชุดสูทเรียบหรูสีกรม เนกไทที่ผูกเข้ากันบ่งบอกถึงรสนิยมของผู้สวมใส่ที่รังสรรค์เลือกได้อย่างลงตัว ยิ่งส่งให้ผู้ชายคนนั้นหล่อดูดีไปทุกตารางนิ้ว สร้างความตกตะลึงในการพบเจอกันครั้งแรกที่ฉันโดนความดูดีคนนี้ดึงดูดจนละสายตาหันไปมองทางอื่นไม่ได้ ตวงตากลมโตของฉันที่บรรจงแต่งแต้มอย่างลงตัวทำให้ฉันกลายเป็นสาวเฉี่ยวมั่นใจ ฉันจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร กับทรงผมที่ถูกเช็ตให้เรียบเข้ากับเสื้อผ้าราวกับนายแบบที่ถูกถอดออกมาจากนิตยสาร
"จะยืนค้างมองอีกนานไหมครับ ผมรีบไม่มีเวลามายืนรอคุณเข้ามาได้นานๆหรอกนะครับ" น้ำเสียงเย็นชาและคำพูดแกมประชดประชันนั้นทำให้ฉันหลุดออกจากภวังค์ น้ำเสียงและคำพูดที่ดูเย็นชาไร้ความรู้สึกบวกกับใบหน้าเรียบนิ่งนั้นทำให้ฉันไม่อยากจะมองเขาอีกเลย ขอให้เจอกันครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ช่างไม่เข้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเสียเหลือเกิน ฉันอยากจะถอนคำพูดที่ฉันคิดอยู่ในใจเมื่อกี้ทิ้งออกไปให้หมด
"ขอโทษค่ะ" ฉันกล่าวคำขอออกไปตามมารยาททั้งที่ใจจริงไม่อยากจะทำมันเลย หล่อแต่ไม่มีมารยาทนั่นแหละเขาเลย ปากไม่ดีมีใครเขาอยากจะมองนายนักหนาถ้าไม่ติดว่านายนั่นยืนอยู่ตรงหน้าฉันจะไม่มองให้เสียลูกตา ฉันก้าวเข้าไปในลิฟท์พร้อมกับเอื้อมมือหวังจะไปกดชั้นที่ฉันต้องการจะขึ้นไป แต่เหมือนกับว่ามันถูกกดชั้นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันเลยเดินถอยหลบไปยืนเกือบติดทางออกเพื่อไม่ต้องไปยืนใกล้ตาขี้เก็กท่าทางไม่เป็นมิตรกับผู้คน ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้างเขา หน้าตาหล่อเหลาดูดีไม่มีที่ติบริษัทนี้สงสัยเขาจะคัดพนักงานที่หน้าตาและการแต่งตัว ฉันใช้หางตาชำเรืองมองสังเกตุเพียงไม่นานต้องหันไปทางอื่นเดี๋ยวจะว่าฉันไม่มีมารยาทไปอีกคน
"คุณไม่กดชั้นที่จะขึ้นไปเหรอครับ" ผู้ชายคนที่ฉันแอบสำรวจถามขึ้นมาฉันจึงหันหน้าไปมอง
"ฉันจะขึ้นไปที่ชั้นที่คุณกดไว้ค่ะ" ฉันมองหน้าเขาและตอบคำถามสั้นๆเท่าที่จำเป็น
"คุณเพิ่งมาทำงานวันแรกเหรอครับทำไมผมไม่เคยเห็นคุณเลยชั้นนั้นจะมีแต่ผู้บริหารระดับสูงและเลขาไม่กี่คนครับ" ผู้ชายคนนั้นดูจะอัธยาศัยดีกว่าตาขี้เก็กช่างชวนคุยเสียเหลือเกิน ฉันกำลังจะตอบคำถามผู้ชายคนนั้น
"มาทำงานวันแรกก็มาเกือบสายไม่รู้จักรักษาเวลาแล้วจะทำงานได้ดีได้ยังไง ใครเป็นคนรับเข้ามาไม่คัดมืออาชีพเข้ามาทำงานเอาใครที่ไหนก็ไมรู้เมคินทร์คราวหลังคุณช่วยคัดคนที่มีคุณภาพมากกว่านี้ด้วย" ฉันแทบปรี๊ดแตกใส่ไอ้บ้าคนนั้น หล่อแล้วยังไงมารยาทสมบัติผู้ดีอยู่ที่ไหน มาตัดสินคนอื่นทั้งยังไม่เห็นเขาทำงานด้วยซ้ำ ฉันเก็บอารมณ์โกรธ อารมณ์ขุ่นมัวแทบไม่อยู่ ฉันหันขวับกลับไปมองตาขวางใส่ผู้ชายคนนั้นทันที
"ฉันมาทำงานวันนี้วันแรกค่ะ ไม่คิดว่าแถวนี้มันจะรถติดมากฉันออกมาก่อนเวลาเป็นชั่วโมงรถมันก็แทบไม่ขยับ สงสัยฉันยังไม่ชินกับถนนแถวนี้ แต่ต่อไปคงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ แล้วอีกอย่างฉันมาทำงานในตำแหน่งเลขาของคุณธารา อภิรักษ์ภักดีค่ะฉันว่าเขาคัดคนได้ถูกแล้วค่ะ เพราะความสามารถของฉันมีมากกว่าที่จะมองด้วยตาเผื่อใครจะไม่รู้" ฉันอธิบายเหตุผลให้ผู้ชายคนนั้นฟังและเป็นการบอกให้อีกคนที่ชอบตัดสินคนอื่นรู้ด้วย ไม่ต้องพูดซ้ำให้เสียเวลาแขวะเขาด้วยเล่นแรงกับฉันเกินไป ถึงแม้ฉันจะเป็นคนที่ความอดสูงมาก แต่พูดดูถูกกันอย่างนี้มีหรือฉันจะทน
"ที่แท้ก็เด็กเส้นที่ใช้อภิทธิ์ให้คนอื่นฝากเข้ามาทำงาน คงไม่ต้องถามหาคุณภาพจะคอยดูว่าเก่งจริงหรือเปล่า" ผู้ชายนี้ช่างสรรหาคำมาพูดจาแดกดันให้ฉันอารมณ์ขึ้นได้ตลอด แต่ฉันต้องเก็บอาการจะสร้างศัตรูเพิ่มไม่ได้ การมาที่นี่ฉันมีเป้าหมายงานใหญ่ที่สำคัญรอให้ฉันทำมันให้สำเร็จ ฉันไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้โดยไม่จำเป็น" ฉันสะบัดหน้าไปทางอื่นไม่อยากมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ ไม่อยากได้ยินคำพูดเสียดแทงภายใต้ใบหน้านิ่งที่ฆ่าคนตายได้ แต่ดูไปดูมาหน้าเขาก็มีส่วนคล้ายธาร คงไม่ใช่คนที่ญาดาบอกให้ฉันระวังตัวให้มากๆไม่ต้องเข้าใกล้เดี๋ยวเขาจับได้ทำให้แผนที่ฉันเข้ามาที่นี่เอาคืนธารพังไม่เป็นท่า
ติ๊ง~~
เสียงสรรค์ดังขึ้นฉันรอให้ประตูเปิดออกเพื่อจะได้ออกจากลิฟท์เมื่อมันมาถึงชั้นที่ฉันต้องการ เพราะทนความอึดอัดไม่ไหว คนอะไรปากร้ายเป็นผู้ชายเสียเปล่าแต่จิกกัดผู้หญิงเหมือนสาวสองหรือจะใช่ พอออกมา
จากลิฟท์ได้ฉันรู้สึกหายใจโล่งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายคนนั้นทำให้ฉันอึดอัดเวลาที่อยู่ใกล้ฉันไม่อยากเฉียดตัวเข้าไปอยู่ใกล้ หวังว่าเราคงอยู่คนละแผนกที่ไม่ต้องพบเจอกันทำให้ฉันอารมณ์เสีย ฉันกำลังจะเดินตรงไปหาคุณพิชชาคนที่ญาดาให้เบอร์มาแล้วให้ฉันโทรหาเธอเมื่อมาถึงที่นี่ ฉันใช้เส้นเหมือนที่ผู้ชายคนนั้นพูดจริงๆเพราะที่นี่เขาค่อนข้างคัดคน แต่พ่อของญาดาช่วยฝากให้ฉันมาเป็นเลขาของธาร ฉันจึงเดินมาที่นี่อย่างมั่นใจและศึกษาข้อมูลบริษัทนี้มาอย่างดี ฉันพร้อมรับมือกับทุกสิ่งแม้แต่เรื่องพี่ชายของธารที่ชื่อเวหา ฉันยังไม่เคยเจอหน้าเขาแต่ฉันศึกษาการทำงานของเขาว่าทำงานเนียบและเข้มมาก แล้วยังไงฉันไม่ต้องมาทำงานกับนายนั่น แต่รู้ข้อมูลศัตรูไว้ก็ดีเหมือนกัน ฉันโทรนัดกับคุณพิชชาไว้แล้วตอนที่มาถึงที่นี่ ฉันก้มสำรวจความเรียบร้อย เลือกที่จะทำให้ธารประทับใจในการเจอกันอีกครั้ง ชุดที่เลือกใส่เป็นชุดเดรสสั้นรัดรูปสีขาว สวมทับด้วยเสื้อสูทสีดำตัดดับผิวขาวๆ รองเท้าส้นสูงสีขาวพร้อมกระเป๋าใบเล็กสะพายข้าง ที่ญาดามันช่วยจัดแจงให้ทุกอย่างพร้อมทั้งสอนการแต่งตัวให้ดูดีจนคนต้องหันมอง เสื้อเข้ารูปตามส่วนเว้าส่วนโค้งกลมกลึงของฉัน ด้วยรูปร่างเพรียวที่ทำให้คนหันกลับมามองอย่างหลงใหล เพราะฉันดูแลรูปร่างมาอย่างดีไม่มีที่ติเพื่อใช้ยั่วยวนธารที่ยึดติดรูปลักษณ์ ฉันลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากจากหน้ามือเป็นหลังมือ ขณะที่ฉันจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยฉันไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเดินตามมมาข้างหลังเดินเฉียดผ่านฉันไป กลิ่นน้ำหอมที่โชยออกมาจากผู้ชายคนนั้นคิดดูแล้วคงแพงอยู่เหมือนกัน กลิ่นหอมละมุนมันยังติดอยู่ที่ปลายจมูกชวนหลงใหล
"สายแล้วยังไม่รีบไป ฉันคงต้องพิจารณาหาคนใหม่มาเป็นเลขาแทนมัวแต่ห่วงสวยเหมือนต้องการมาทำอย่างอื่นไม่ใช่มาทำงาน" ไอ้บ้านี่เมื่อไหร่จะเลิกแขวะฉันสักที ฉันเผลอไปเดินเหยียบหางเขาเมื่อไหร่กัน ถึงได้คอยจ้องแต่จะกัดฉันอยู่เรื่อยฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหรือเปล่าไม่รู้ สงสัยคงจะลืมแน่ๆถึงได้บ้าเที่ยวมาไล่กัดชาวบ้านไปทั่ว ถ้าไม่ติดว่านัดคุณพิชชาไว้กลัวจะสายไปมากกว่านี้ฉันคงเดินตามไปว่าให้เจ็บๆเหมือนกัน