กลิ่นอายรัก 1

1198 Words
กลิ่นอายรัก 1 คันเก๋งคันเล็กที่ถูกใช้เป็นยานพาหนะขับเคลื่อนเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบ้านหลังหนึ่งที่ไม่ไกลจากบ้านฉันมากนัก หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านจัดสรรที่บ้านในโครงการมีลักษณะคล้ายคลึงกัน มีรั้วรอบบ้านอย่างชัดเจนมีพื้นที่สนามหญ้ารอบ ๆ บ้านอย่างที่บ้านฉันจะมีสวนหน้าบ้านและข้างบ้านที่ปลูกดอกไม้ไว้ “มาแล้วเหรอคะ คุณหญิงกำลังรออยู่เลยค่ะ” เมื่อก้าวลงจากรถก็มีป้าคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้อย่างนอบน้อม ฉันยกมือไหว้ท่านก่อนจะล็อกรถเพื่อที่จะได้เดินตามเข้าไปด้านใน สงสัยใช่ไหมว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ทั้งที่ก็ไม่ใช่บ้านของฉัน ก็เพราะว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของเพื่อนสนิทแม่ฉันยังไงล่ะ ที่ต้องเข้ามาวันนี้ท่านโทรบอกฉันว่าทำขนมไว้และอยากฝากไปให้แม่ฉัน วันนี้พอเลิกงานฉันเลยแวะมาที่นี่ก่อนกลับบ้าน “น้องผิงมาแล้วเหรอลูก มาให้แม่กอดหน่อยเร็ว” ผิง หรือผิงกั่ว คือชื่อของฉันเอง เป็นชื่อที่แม่ตั้งให้ แม่บอกว่าตอนท้องท่านชอบกินแอปเปิลมาก ๆ เลยตั้งชื่อนี้ให้ฉัน แต่พอโตขึ้นฉันกลับไม่รู้สึกชอบแอปเปิลเลยสักนิดเดียว “สวัสดีค่ะคุณน้า” ฉันยกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่นับถืออีกคน ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดท่านไว้อย่างคิดถึง ถึงแม้จะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแต่ฉันก็ไม่ค่อยได้แวะมาที่นี่เลย ด้วยภาระหน้าที่หลาย ๆ อย่างยิ่งพอเรียนจบแล้วทำงานต่อเลยทุกอย่างเลยวุ่นวายไปหมด แต่ตอนนี้งานก็เริ่มโอเคขึ้นแล้วล่ะ มีเวลากลับมาแม่เร็วขึ้นแล้ว “น้าอีกแล้ว เด็กคนนี้นี่ยังไงบอกไม่จำเลย” น้ากานดาเพื่อนสนิทแม่เอ่ยดุอย่างน้อยใจ ฉันจึงต้องเอ่ยอ้อนกลับไปอย่างรู้งาน “โอ๋ ๆ ไม่งอนหนูนะคะกอดอ้อนน้ากานดาเลยนะคะ” ฉันยกแขนสวมกอดน้ากานดาอย่างที่ปากว่า คนมีอายุหัวเราะอย่างพอใจเมื่อถูกออดอ้อนจากแขกอย่างฉัน “เข้าใจอ้อนจริงนะ เอาละ นั่งรอก่อนนะลูกแม่ให้คนจัดใส่กล่องให้อยู่” “ค่ะคุณน้า” “แล้วแม่เราช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง แม่ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย” “...ยังเหมือนเดิมค่ะคุณน้า ช่วงนี้อาจจะมีอาการเหม่อบ้างแต่คุณหมอบอกว่าอาจจะเป็นเพราะปรับยา” สิ่งที่จะเอ่ยบอกกับคนตรงหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นว่ามีคนเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เป็นคนงานของบ้านที่ยกน้ำมาเสิร์ฟตามหน้าที่ “เรื่องที่แม่เคยคุยกับเราไว้ล่ะ ตกลงเถอะนะน้าเองก็เป็นห่วง...” “หนูยังไม่พร้อมค่ะ อีกอย่างหนูเองก็ไม่อยากทำแบบนี้” มองคุณน้าอย่างจริงใจ ฉันไม่ต้องการจริง ๆ ไม่อยากทำอย่างที่ท่านเสนอมาเลยแม้จะเข้าใจว่าท่านห่วงและกลัวว่าฉันจะมีอันตรายก็ตาม “แต่พ่ออยากให้แต่งนะหนูผิง” “แต่คุณน้าคะ...” มองตามเสียงไปเป็นสามีของคุณน้ากานดาที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น โดยที่ด้านหลังนั้นมีคนตัวสูงในชุดสูทสีเข้มเดินตามเข้ามา และเป็นบุคคลที่ฉันไม่อยากจะเจอมากที่สุด ไม่ว่าจะที่นี่หรือที่ทำงาน “แต่งงานกับตาเรย์ อย่างน้อยก็มีผู้ชายอยู่ด้วย” “ผมไม่แต่ง” เจ้าของชื่อเอ่ยปฏิเสธเสียงเข้มและเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปอย่างไม่สนใจไยดี ฉันเองก็อยากจะกลับบ้านแล้วเช่นเดียวกัน ฉันไม่อยากอยู่นานแล้วถูกพูดจาถากถางน้ำใจหรอกนะ “พ่อจะคุยกับพี่เขาเอง แต่เรื่องนี้จะว่าบังคับก็ได้เพราะผู้ใหญ่คุยและตกลงกันนานแล้ว ถึงเวลาแล้วที่จะทำตามสัญญา” คุณน้าเจมาร์คเอ่ยบอกเสียงจริงจัง “แต่คุณน้าคะหนู...” “แม่ขอนะลูก อีกสองปี ถ้าจะหย่าน้าเองก็จะไม่ห้ามแต่สองปีนับจากนี้ไปขอให้พี่เขาช่วยดูแลหนูนะ” “...” “มะรืนน้าจะไปเอาคำตอบที่บ้านหนูนะลูก วันนี้ก็ขับรถกลับดี ๆ” ฉันขับรถออกมาจากบ้านหลังใหญ่ได้สักพักแต่ภายในหัวเอาแต่ขบคิดไปเรื่องที่เจอก่อนหน้านี้ กระทั่งเลี้ยวรถเข้ามาจอดในบ้านตัวเองและนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในนั้นไม่ได้ลงจากรถ นานหลายสิบนาทีจู่ ๆ กระจกรถก็ถูกเคาะจนเกิดเสียง หันไปมองก็ผงะตกใจเมื่อแม่ใช้ฝ่ามือป้องกระจกส่องเข้ามาด้านใน “ถึงแล้วเหรอ?” แม่ถามเสียงหวานพร้อมกับรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้า ฉันค่อย ๆ เปิดประตูรถและลงไปยืนตรงหน้าแม่ “กลับมาแล้วค่ะ แม่หิวหรือยัง” เอ่ยถามมือก็ยื่นไปจับมือนุ่ม ๆ ของแม่ไว้ จากนั้นก็พาเดินเข้าบ้านพร้อมกับตัวเอง “ไม่หิวเลย รอลูกอยู่” “งั้นเรากินข้าวกันเลยดีไหม แม่จะได้กินยาด้วยเลย” เอ่ยบอกกับแม่ พอเห็นว่าแม่พยักหน้าขึ้นลงแรง ๆ ก็ใช้ฝ่ามือประคองแก้มนุ่มไว้กลัวว่าจะบาดเจ็บเอาได้หากยังทำแบบนั้น อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมแม่ถึงมีอาการแบบนี้ คงเพราะเกิดจากมีคนบุกเข้ามาที่บ้านเมื่อหลายปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่กลับมาเจอแม่นอนหมดสติอยู่ที่ห้องครัวพอพาไปโรงพยาบาลคุณหมอก็แจ้งว่าเพราะความตกใจกลัวทำให้แม่กลายเป็นคนที่ผิดปกติทางจิต แต่ท่านไม่ได้ทำร้ายใครนะแต่ท่านจะชอบเหม่อลอย มีความสุขเกินไป ยิ้มหัวเราะ บางครั้งก็งอแงเหมือนเด็ก ท่านสามารถสื่อสารได้แต่บางทีก็ไม่รู้เรื่อง เพราะแบบนี้ฉันเลยต้องดูแลท่านอย่างใกล้ชิด 10 กว่าปีที่ฉันอยู่ดูแลแม่ และจะยังคงดูแลต่อไป เพราะฉันมีท่านเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวแล้ว ฉันไม่สนใจเลยว่าใครจะมองยังไงแต่แม่ฉัน ฉันเองก็รัก “ผมยาวแล้ว” ก่อนนอนฉันจะเข้ามาช่วยแม่แต่งตัวหลังจากอาบน้ำและคอยส่งแม่เข้านอนจนกว่าจะหลับ แม่ยื่นมือมาพันเส้นผมฉันไว้พร้อมกับมองด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ผมหนูยาวมากเลยไม่ได้ตัดสักครั้ง” “หนูชอบถักเปียใช่ไหมลูก แม่ถักให้หนูได้ไหม?” แม่เอ่ยถาม ฉันพยักหน้าก่อนจะตอบแม่กลับไป “ได้สิคะ คิดถึงตอนที่แม่ถักผมให้ไปโรงเรียนตอนเด็ก ๆ เลย” และนั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นที่ฉันผมหยักไปทำงานในเช้าวันถัดมา ทำเอาพี่ ๆ ที่ทำงานหัวเราะอย่างเอ็นดูเมื่อรู้ที่มาที่ไปของผมทรงนี้ หัวหยิกกันเลยก็ว่าได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD