กลิ่นอายรัก 4

1759 Words
กลิ่นอายรัก 4 แต่สิ่งที่หลอกตัวเองก็ต้องพังทลายลงเมื่อเย็นวันหนึ่งฉันกลับมาที่บ้าน ก็เจอเข้ากับน้ากานดายืนรออยู่ข้าง ๆ กันนั้นมีกระเป๋าเสื้อผ้าของฉันวางอยู่ ในมือท่านถือตุ๊กตาตัวโปรดของฉันไว้พร้อมกับสายตาดุ ๆ ไม่มีแล้วคุณน้ากานดาที่น่ารักของฉัน “แม่มาช่วยย้ายของไปบ้านพี่เรย์จ้ะ” น้ากานดาบอกพร้อมกับรอยยิ้ม “แต่หนู...” “น้าจ้างพยาบาลมาแล้ว เขาจะเข้ามาดูแลแม่หนูแล้ว รวมถึงนัดหมอให้แล้ว” “ไปอยู่กับพี่เขาเถอะลูก ถ้าคิดถึงก็กลับมากินข้าวกับแม่ก็ได้” แม่ฉันเอ่ยเสริมฝ่ามืออุ่นยื่นมาลูบที่แก้มฉันเบา ๆ พร้อมกับมองมาอย่างให้กำลังใจ “งั้นเย็นนี้ก็กินข้าวกันก่อน เสร็จแล้วแม่จะให้พี่เขามารับที่บ้านก็แล้วกัน” “ไม่เป็นไรค่ะน้ากานดา” “น้าอะไรกัน เรียกแม่เลย หนูมาเป็นลูกแม่อีกคนแล้วนะผิง” น้ากานดาเอ่ยดุเสียงเข้ม แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรต่อ ก็มีเสียงเข้ม ๆ ดังจากทางด้านหลังพร้อมกับใบหน้าพอใจของน้ากานดา “แม่สวัสดีครับ สวัสดีครับแม่ดารา” “มาแล้วเหรอลูก งั้นมากินข้าวเย็นด้วยกันก่อนค่อยพากันกลับบ้าน” น้ากานดามองเมินเปลี่ยนเป็นชวนเราเดินเข้าไปในบ้าน ฉันไม่พูดไม่ตอบอะไรแต่มองแม่ตัวเองอย่างงอแง ฉันไม่อยากห่างจากแม่เลย ฉันอยากอยู่กับแม่ “ไม่งอแงนะลูก เอาไว้วันหยุดหนูมานอนกับแม่แบบนั้นดีไหม” “ดีค่ะ” รีบตอบโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ฉันเดินกอดแขนแม่กลับเข้ามาในบ้านชวนคุยอย่างที่เคยทำหลงลืมบุคคลอื่นที่เดินตามหลังเข้ามากระทั่งฉันทยอยแอบเอาของที่วางอยู่ที่พื้นกลับขึ้นไปเก็บบนห้องในจังหวะที่แม่และน้ากานดาเข้าห้องครัวไปเตรียมมื้อเย็น “ทำอะไร?” เสียงทุ้มที่นั่งอยู่บนโซฟาเอ่ยถาม “ไม่มีอะไรค่ะบอส” เอ่ยตอบก่อนจะยกกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองเตรียมเดินขึ้นบันได “บอส!” ฉันร้องเสียงดังเมื่อจู่ ๆ คนที่นั่งนิ่งมองฉัน ลุกขึ้นยืนเดินเข้ามาใกล้ดึงกระเป๋าออกจากมือฉันจะดีกว่านี้ถ้าเขาเอาไปส่งด้านบนไม่ใช่หิ้วออกไปนอกบ้านแบบนี้ “บอสคะ วางลงเถอะ ฉันจะเอาไปเก็บแล้วนี่ไง” “อย่าทำอะไรงี่เง่าได้ไหมมันน่ารำคาญ แม่บอกให้ย้ายก็ย้ายไปอยู่ อย่าเรียกร้องความสนใจ” “ไม่ได้เรียกร้องความสนใจเลย ที่ทำอยู่ก็เพราะไม่ได้อยากไป” “แล้วยังไง เธอไม่อยากไปแล้วคิดว่าฉันอยากจะอยู่กับเธอนักหรือไง คิดบ้าง ผู้หญิงอย่างเธอมันน่ารำคาญที่สุดเลยรู้ไหม ยอมทำตามที่ผู้ใหญ่บอกเผื่อเรื่องนี้มันจะจบลงเร็วขึ้น” “แต่...” “หุบปาก!” เสียงตะคอกที่ดังขึ้นทำให้รู้สึกตกใจกลัวจนแน่นหน้าอก เท้าที่กำลังก้าวชะงักค้างไม่ได้เดินตามออกไปแต่เลือกที่จะก้าวถอยหลังกลับเข้าบ้านเงียบ ๆ ไม่ได้พูดหรือถามอะไรต่อ มือยื่นไปหยิบกระเป๋าที่เหลืออยู่อีกใบติดมือมารวมถึงตุ๊กตาตัวโปรด ฉันรีบยกของกลับขึ้นห้องนอน เสื้อผ้าที่อยู่ในกระเป๋าเดินทางถูกนำออกมาแขวนไว้ดังเดิมจนหมดทุกตัวรวมถึงตุ๊กตาตัวโปรดที่ถูกยกไปวางไว้บนเตียงนอนอย่างที่ควรจะเป็น มื้อเย็นเราผ่านไปอย่างเรียบง่าย กินข้าวเสร็จฉันก็ถูกไล่ให้ไปบ้านอีกหลัง แน่นอนว่าวันนี้ฉันขับรถตัวเองตามเขาเข้าไปจอดที่โรงจอดรถของบ้าน เพราะพรุ่งนี้ยังต้องไปทำงาน “กลับมาแล้วเหรอคะ?” “กลับมาแล้วครับ ป้าครับนี่ผิงกั่ว นี่ป้าแม่บ้านจะคอยดูแลอาหารและทำความสะอาดบ้านให้ แต่ยังไงเธอก็ต้องทำด้วยไม่ใช่ให้แค่แม่บ้านทำ รู้ตัวด้วยว่าอยู่ในสถานะไหน” เขาสั่งเสียงเข้มก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนชั้นสอง “สวัสดีค่ะป้าหนูผิงนะคะ ถ้ามีอะไรให้หนูช่วยบอกได้เลยนะคะ” เพราะยังไงฉันก็คงไม่ต่างจากคนใช้หรอก “ไม่ได้หรอกค่ะ ป้าจะกล้าใช้หนูได้ยังไงกัน” “ใช้ได้เลยค่ะ หนูเองก็ไม่ต่างจากคนใช้หรอกค่ะ” ฉันส่งยิ้มให้ป้าแม่บ้านน้อย ๆ ก่อนจะพยายามยกกระเป๋าตัวเองขึ้นไปยังชั้นสอง ฉันมองหาห้องอื่น ๆ ที่ว่างแต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนต่อ เจ้าของบ้านก็เปิดประตูห้องนอนใหญ่ของเขาออกมา “เอาของมาเก็บ จะยืนบื้ออีกนานไหม” “แต่ฉันนอนห้องอื่นได้...” “อย่าเรื่องมากได้ไหม ถ้าแม่มาเจอจะตอบว่ายังไง หยุดสร้างปัญหาแล้วเข้ามาเก็บของฉันจะออกไปข้างนอกแล้ว” “...” ไม่ตอบ ไม่ขานรับแต่เดินเข้าใกล้ห้องนอนใหญ่นั้นเงียบ ๆ ค่อย ๆ เก็บของไว้ที่มุมเล็ก ๆ ทั้งเสื้อผ้าและของใช้ที่มีไม่เยอะ เจ้าของห้องออกจากบ้านไปแล้วเพราะฉันได้ยินเสียงรถ พอรู้ว่าได้อยู่คนเดียวก็รู้สึกหายใจหายคอโล่งขึ้นมาทันทีเลยก็ว่าได้ “อาบน้ำดีกว่า” บอกกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี ใช้เวลาสักพักใหญ่ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เจ้าของบ้านไม่อยู่แบบนี้ขอแต่งตัวชุดนอนที่ชอบใส่ได้ไหม เสื้อยืดตัวใหญ่ ๆ ไม่ใส่ชุดชั้นใน อิอิ เดี๋ยวออกไปจะไปล็อกประตูห้องด้วยเลย “กรี๊ด!!” ความตกใจฉายชัดเข้ามาในความรู้สึกเมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอกับเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ปลายเตียง ฉันจะไม่ตกใจมากขนาดนี้เลยถ้าตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในเสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงชั้นในตัวเดียวแบบนี้! “อะไร ตกใจหมด” เจ้าของห้องหันมามอง เราสบตากันนิ่ง ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนี ฉันรีบวิ่งกลับเข้าห้องน้ำปิดประตูแล้วรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่าเดิม “มานอนได้แล้ว” นานหลายสิบนาทีกว่าจะกล้าเดินออกจากห้องน้ำด้วยชุดที่เรียบร้อยขึ้น คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงก็รีบเอ่ยบอกทันที “ทำไม...” “หือ? อะไร” อีกฝ่ายทวนถาม “ก็คุณบอกว่าจะไม่อยู่ จะไปข้างนอก” “แค่ออกไปเอาของกับเพื่อนหน้าหมู่บ้าน นอนได้แล้วเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เจ้าของบ้านไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่เดินอ้อมขึ้นมาฝั่งเตียงที่เขานอนฉันได้แต่มองตามอีกฝ่ายเงียบ ๆ รอกระทั่งเขาล้มตัวลงบนเตียงนอนจึงเปิดเอาผ้าห่มในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินกลับมาที่อีกฝั่งของเตียง “ห้ามนอนโซฟา ขึ้นมานอนบนเตียงดี ๆ” “แต่...” “เหนื่อยทั้งวันแล้ว มานอนดี ๆ” เมื่อโดนดุ ฉันมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมล้มตัวนอนบนเตียงนอนฝั่งที่ว่างผ้าห่มที่อุ้มติดมือมาถูกคลายออกแล้วห่มคลุมร่างตัวเองเพิ่มความอบอุ่น แต่นอนไปสักพักก็ยังไม่รู้สึกง่วง ต่างจากคนข้าง ๆ ที่เหมือนจะหลับไปแล้วฉันตะแคงร่างพลิกหามุมที่คุ้น ที่ชอบนอนแต่ก็ยังนอนไม่หลับ ตีสองฉันหลับไปด้วยความอ่อนเพลียและก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้เพื่อปลุกตัวเองในทุกวันที่ต้องไปทำงาน ฉันปิดนาฬิกาปลุกและรีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน ไม่สิ เตรียมออกไปหาแม่ตอนเช้าก่อนออกไปทำงาน หกโมงเช้าฉันแต่งตัวเอ่ยทักทายแม่บ้านที่เตรียมมื้อเช้าอยู่แจ้งท่านว่าออกไปทำงานแล้วจากนั้นก็ออกจากบ้านทันที “คุณหนูมาแต่เช้าอีกแล้ว” ป้าแม่บ้านที่บ้านฉันเอ่ยทักอย่างตกใจที่วันนี้ก็ยังเห็นฉันมาที่บ้านตั้งแต่เช้ามืดดังเช่นหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา “หนูเป็นห่วงแม่ค่ะอยากมาดูก่อนไปทำงาน” “ช่วงนี้อารมณ์ดีขึ้นมากเลยค่ะ พยายามพิมพ์ข้อความส่งหาคุณหนูด้วย” “ดีจัง ฝากป้าดูแลด้วยนะคะมีอะไรโทรหาหนูได้เลย” “ได้ค่ะคุณหนู” ป้าแม่บ้านรับคำ “ถ้าอย่างนั้นหนูขอขึ้นไปหาแม่ก่อนนะคะ” “ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นกินมื้อเช้าพร้อมกับคุณดาราเลยไหมคะ” “กินพร้อมแม่เลยค่ะ เดี๋ยวลงมานะคะ” แม่เป็นบุคคลที่ตื่นเช้าอยู่แล้ว วันนี้เองก็เช่นเดียวกันเมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนแม่ก็พบว่าแม่นั้นตื่นและอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว เดินเข้าไปใกล้ยกแขนโอบกอดคนเป็นที่รักของตัวเองไว้ด้วยความคิดถึง “หลับฝันดีไหมคะ?” เอ่ยถามแม่เสียงหวานพร้อมกับขยับออกห่างมองสำรวจผู้เป็นแม่ “อื้อ หลับสนิทมาก ๆ เลย หนูมาทำไมแต่เช้า” แม่หรี่ตามองและถามอย่างกับรู้ว่าที่ฉันมาที่นี่เพื่ออะไร “หนูเป็นห่วงอยากกลับมาหาแม่” “แม่ไม่เป็นอะไร หนูไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าแล้วมาหาแม่แบบนี้ก็ได้” แม่บอกพร้อมกับรอยยิ้มใจดีที่ยังคงมีไว้เพื่อฉันดังเช่นตลอดมา “แต่หนูเป็นห่วง” “ถ้าอย่างนั้นก็มาหาแม่ตอนวันหยุด แต่วันไปทำงานไม่ต้องตื่นแล้วมาหาแม่แต่เช้าแล้ว มันเหนื่อย” “...” “แม่ไม่อยากให้หนูเหนื่อยแล้ว แม่เป็นห่วง” “ค่ะแม่ หนูเข้าใจแล้ว แต่ตอนนี้เราไปกินข้าวกันเถอะค่ะ” “ได้ ไปกินข้าวกัน” มื้อเช้ามีเพียงฉันและแม่นั่งกินด้วยกัน เป็นข้าวต้มหมูสับง่าย ๆ แต่อร่อยมากจนติดใจ หลังกินข้าวเสร็จฉันก็กอดหอมแม่อย่างที่ชอบทำก่อนออกไปทำงาน เพราะมัวแต่งอแงไม่ไปทำงานแม่ถึงได้ตีหน้าดุและขู่ว่าจะไม่ยอมให้เข้าบ้านหากฉันไม่ยอมไปทำงานเสียที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD