EP5.2 ll ผู้ชายชื่อลิงค์ [2]

1581 Words
“น่ารำคาญจริงว่ะ มาถามว่าเสาร์ที่แล้วอยู่ที่ไหน ใครมันจะไปจำได้วะ” ไลท์สบถหงุดหงิด แต่มันก็เป็นเหตุผลที่เข้าที เพราะถ้าถามฉันว่าวันอื่นฉันทำอะไร อยู่ส่วนไหนของโลก ฉันก็จำไม่ได้หรอก นอกซะจากวันนั้นจะมีอะไรสำคัญจริงๆ “บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ไง ทำไมต้องเข้าใจอะไรยากๆ” ไลท์บ่นยาวมากโดยที่ไม่สนว่าไอ้พวกนั้นมันจะเขม่นเขาแค่ไหน ให้ตาย ฉันจะพลอยโดนฆ่าไปด้วยอีกคนมั้ยเนี่ย... “มีอะไรอีกมั้ย ฉันกับแฟนจะไปกินข้าว” “ไม่มีหรอก ฉันก็แค่อยากจะเข้ามาทักทาย ฉันชื่อลิ้งค์นะ” คนตัวสูงระบายยิ้มเป็นมิตรแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันน่ากลัว เขายื่นมือออกมาราวกับจะให้ฉันจับมือเขา ทว่าเขาก็ยื่นมือมาเก้อ เพราะฉันได้แต่หลบหลังไลท์ด้วยความพรั่นพรึง ไม่รู้ว่าถ้าฉันจับมือเขากลับแล้วเขาจะจับฉันทุ่มรึเปล่า ฉันไม่อยากจะเสี่ยงเลยเหอะ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พวกฉันจะไปล่ะ” ไลท์ตัดบทแล้วคว้าตัวฉันแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ “เดี๋ยวฉันจะไลน์ไปหาเธอ ตอบด้วยล่ะ” “ถ้านายอยากให้แฟนฉันตอบ ก็โอนเงินมาก่อนนะ ฉันคิดประโยคละร้อย” อีตาไลท์ยังคงมีความหาเงินไม่เลิก เก็บเล็กเก็บน้อย เก็บทุกอย่างและฉันไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือเล่นด้วย “มีเลขบัญชีรึยัง?” ผู้ชายที่ชื่อลิ้งค์หัวเราะในลำคอแล้วไหวไหล่ไม่ใส่ใจไลท์ ก่อนที่เขากับเพื่อนจะเดินไปทางอื่นและทิ้งให้ฉันอยู่กับตัวอันตรายสองคน พอพวกนั้นไปแล้วสถานการณ์ก็ไม่ได้ต่างจากเก่ามากนัก เพราะฉันรู้สึกว่าจะอยู่กับใครมันก็น่ากลัวไปซะหมด “เอาเถอะ ยังไงฉันก็ได้เงินจากมันมาแล้ว มีเงินเลี้ยงข้าวเธอไปได้อีกตั้งหลายมื้อ” อีตานี่พูดโดยไม่อายการกระทำของตัวเองสักกะนิด ฉันอึ้งเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรในตอนที่เขาหยิบเงินมานับแล้วทำหน้าปริ่มเปรมอยู่ครู่นึง “นายทำแบบนี้กับแฟนนายที่เคยคบกันทุกคนเหรอ?” ฉันถามด้วยความสงสัย พอเห็นพฤติกรรมเขาแล้วอยากจะรู้วิธีการอบรมสั่งสอนของครอบครัวเขาจริงๆ “ไม่เห็นเป็นไร เราได้เงิน และมันก็ได้ไลน์ และต่อให้มันจะได้ไลน์เธอไป เธอก็แค่ไม่ตอบมันก็จบ” นั่นไม่ใช่ประเด็นมั้ง... “เธอมีปัญหาอะไรรึไง แฟนกันก็ต้องช่วยกันสิ” “ปะ เปล่า” ฉันปฏิเสธหน้าแหย ที่จริงฉันก็มีปัญหากับตรรกะเขานั่นแหละแต่ขืนฉันพูดมากไปกว่านี้ ฉันกลัวว่าหมอนี่จะต่อยฉันน่ะสิ ;_; “อยากกินไร” เขาถามขึ้นมาห้วนๆ และกวาดสายตาไปรอบๆ บริเวณที่มีทั้งอาหารและของขายละลานตาเต็มไปหมด แต่เขาคงลืมไปมั้งว่าฉันเพิ่งจะกินข้าวมาจากบ้าน ฉันจะยัดทะนานอาหารอย่างอื่นเข้าไปไหวได้ไง “ฉันยังอิ่มอยู่เลย” “นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะฉันเชื่อว่าเธอยังสามารถกินได้อีก” เขาพูดเสียงเรียบแถมไม่รู้เอาความมั่นใจผิดๆ นั่นมาจากไหน ฉันอิ่มก็คืออิ่มโว้ย! กะเพาะฉันไม่ใช่หลุมดำนะจะได้กินแบบอันลิมิตน่ะ! “และฉันไม่สนว่าเธอจะอิ่มอยู่หรือไม่ เพราะฉันจะพาเธอไปกินบิงซู” 85% ไลท์สรุปและลากฉันไปตามจุดหมายที่เขาต้องการทำให้ฉันปวดหัวตุบๆ คราวหลังถ้าจะถามแล้วไม่ต้องการคำตอบก็ไม่ต้องถามฉันหรอก ไอ้เวรเอ๊ย! ฉันได้แต่สบถในใจ ส่วนสิ่งที่แสดงออกไปก็คือรอยยิ้มแหยๆ ไลท์พาฉันมาที่ร้านบิงซูจริงๆ จนได้แถมยังสั่งบิงซูหน้าสตอเบอรี่แบบที่ขัดกับหนังหน้าเขามาอีก “ร้านนี้อร่อย” เขาว่าแล้วยื่นช้อนให้ “เธออยากให้ฉันป้อนมั้ย?” “มะ ไม่เป็นไร” ฉันยิ้มแห้งปฏิเสธแต่... “ฉันคิดว่าเธออยากให้ฉันป้อน” ตาเขาดุขึ้นมาในทันใดที่เขาพูดจบ คำของเขาเป็นดังประกาศิตที่ฉันมิอาจขัดขืน น้ำตาฉันเกือบไหลตอนที่เขาจ้องมา ฮือ ฉันจะโดนฆ่ามั้ยเนี่ย เพราะไอ้น้ำหอมบ้าๆ นั่นแท้ๆ ฉันเลยตกระกำลำบากอยู่กับคนประหลาดแบบนี้ได้! “เธอชอบสตอเบอรี่มั้ย?” “กะ ก็อร่อยดีนะ” “ดี งั้นก็แดก... เอ๊ย ไม่สิ รับประทานเข้าไปซะ” เขาว่าก่อนจะตักสตอเบอรี่คำเท่าควายยื่นมาตรงหน้าฉันพร้อมจดจ้องจนฉันเกร็ง เขาป้อนสตอเบอรี่ให้ฉันก็จริงแต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนเขากำลังหยิบยื่นยาพิษให้ฉันเลย ฮือๆ แม่จ๋า ;_; “อ้าปากกว้างๆ เอาให้กว้างเท่าขาของเธอ” อ๊ากกกกกก ฉันอยากจะหยิบเก้าอี้ฟาดหัวเขาจริงๆ เขาทุเรศและลามปามฉันมากแต่ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากอ้าปากและหน้าแดงเพราะอับอายในสิ่งที่หมอนั่นพูดชวนคิด “อ้ากว้างกว่านี้ เธออ้าแค่นี้ฉันจะยัดสตอเบอรี่เข้าปากเธอได้ไงล่ะ” เขาดุแล้วจิ๊จ๊ะหงุดหงิด ฉันอ้าจนปากจะแหกออกจากกันแล้วเขายังบอกว่ามันไม่กว้างพออีกเหรอ “มันได้แค่นี้” ฉันหุบปากก่อนจะบ่นอุบอิบให้เขาเห็นใจฉันมั่ง ถ้ามันลำบากขนาดนั้นฉันกินเองก็ได้ “จริงเหรอ” เขาอมยิ้มชั่วๆ “จริงสิ” “ไหน ลองอ้าใหม่สิ” “ฉันกินเองก็ได้นะ” “ฉันบอกว่าฉันจะป้อนก็คือฉันจะป้อน” เขาเสียงขรึมแล้วจ้องฉันเหมือนจะงับหัวฉันเข้าไป ฉันก็เลยได้แต่หุบปากและเชื่อฟังเขา “อ้าปากเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้ฉันหงุดหงิด” โอ๊ย! เขาต่างหากที่ทำให้ฉันหงุดหงิด! แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เพราะความขี้ขลาดของตัวเอง บ้าบอชะมัด! ฉันอ้าปากอีกรอบตามที่เขาสั่งและอีตานั่นก็กวนประสาทฉันด้วยการดึงช้อนกลับแล้วหัวเราะเลวๆ “เธอเหมือนปลาที่นอนพะงาบๆ ที่อยู่บนชายหาดเลยว่ะ” “นี่!” ฉันย่นคิ้วเผลอขึ้นเสียงใส่คนตัวสูงก่อนที่จะนึกขึ้นได้แล้วหดตัวเล็กลีบลงเช่นเคย ให้ตาย หมอนี่มันกวนประสาทฉันจริงๆ ฉันจะเขี่ยเขาออกจากชีวิตฉันได้ไงวะ! “ฉันล้อเล่น ทำเป็นดุ อ่ะๆ ฉันจะป้อนเธอจริงๆ แล้ว อ้าปากสิ” ฉันกัดฟันกรอด ถ้าเขายังแกล้งฉันอีกรอบ ฉันจะฆ่าเขาด้วยการเอาเก้าอี้ฟาดร้อยทีแล้วหนีไป... ที่ไหนล่ะ ฉันก็คงจะอ้าปากกินลมต่อไปแบบนี้ตามคำสั่งเขานั่นแหละ หน้าเขาดุจะตาย ใครจะกล้าขัด ฉันอ้าปากอีกรอบและคิดว่าเขาคงจะกวนตีนฉันอีก หากแต่คราวนี้ไม่ใช่ เขายื่นช้อนเข้ามาเกือบจะแตะริมฝีปากของฉันก่อนจะชักมันกลับ เสี้ยววินาทีนั้นเขาก็ดึงฉันเข้าไปและ... ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างมันไวมาก ริมฝีปากฉันร้อนฉ่าเพียงแวบเดียวและมันก็เย็นชื้นเมื่อสัมผัสกับอะไรบางอย่าง หน้าฉันร้อนวาบและใจหล่นไปที่ตาตุ่ม ด้านหน้าคือนัยน์ตาสีดำสนิทที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวทุกครั้งที่จ้องมัน ตึก... เสียงหัวใจฉันมันดังสะท้อนอยู่ในหูตอนที่ริมฝีปากของเราเสียดสีกัน ตึก ตัก มันดังขึ้นอีกเมื่อฉันเริ่มรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น และอะไรกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในโพรงปากของฉัน! พลั่ก!! ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อตั้งสติได้ในตอนที่รับรู้ว่าไลท์กำลังทำเรื่องบ้าๆ อยู่! ใจฉันเต้นถี่ มือข้างนึงรีบผลักเขาออก ในใจก่นด่าไปแล้วหลายประโยค เขาทำแบบนี้กลางที่สาธารณะได้ไง แล้วฉันกับเขาเพิ่งเจอกันก็จะพุ่งมาขโมยจูบฉันนี่นะ!! ทุเรศเอ๊ย! ไร้ความสุภาพบุรุษที่สุด! ฉันก็รู้แหละว่าเขาไม่ใช่คนดีนักแต่... แม่งเอ๊ย! แม่งเอ๊ยยยยยยย! ฉันสบถในใจแล้วทำหน้าตื่นตะลึงพร้อมจ้องเขาด้วยใบหน้าโกรธ คนตัวสูงทำหน้าไม่สะทกสะท้านก่อนจะยิ้มกวนประสาทเมื่อเห็นฉันไม่พอใจ “ทำอะไร” ฉันกัดฟันข่มอารมณ์โกรธ เพราะฉันรู้ว่าฉันสู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว ยังดีที่ตรงนี้ไม่เป็นจุดสังเกตและคงไม่มีใครทันเห็นการกระทำห่ามๆ นี่! “ก็ป้อนไง” “...” ฉันจ้องเขาตาถลึงแล้วขยับเก้าอี้ถอยหลังด้วยความหวาดระแวง นี่มันแค่เริ่มต้น เขาต้องคิดอะไรเลวๆ อยู่ในหัวแน่ เขาหัวเราะแล้วตักบิงซูสตอเบอรี่นั่นเข้าปากหน้าตาเฉย ไร้ซึ่งความสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำก่อนจะตอบฉันมาแค่ประโยคนึง “ฉันไม่ได้พูดอะไรผิดนี่... ฉันบอกเธอเหรอว่าฉันจะป้อนอะไร?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD