อ๊ากกกก หมอนี่เหมือนสบตาแล้วรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่เลย ฉันยิ้มแหยและพยักหน้ารับเบาๆ อย่างจำใจ
คิดยังไงก็คิดไม่ออก นอกจากจะทำให้น้ำหอมนั่นหมดฤทธิ์... แต่ถ้ามันหมดฤทธิ์แล้วเขาจำทุกอย่างได้ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะฆ่าฉันรึเปล่า ทางไหนก็น่ากลัวทั้งนั้น แกล้งเออออเป็นแฟนกับเขาไป ฉันก็คงบ้าตายเข้าสักวัน แถมรังสีความหื่นของหมอนั่นก็ไม่ใช่น้อย ฉันสัมผัสได้เลยว่าเขาชอบมองด้วยท่าทีกรุ้มกริ่มไม่น่าไว้วางใจ เอะอะจะเข้าโรงแรม เอะอะจะนอนด้วย น่ากลัวมากๆ
ฮือ ชะตาชีวิตของฉันเข้าขั้นวิกฤตแล้วสินะ นี่ถ้าเขาไม่บังอาจมาขวาง ฉันก็รักกับพี่ไวไปแล้ว
ฉันขึ้นไปบนห้องและควานหาชุดที่มันปกปิดทุกอย่างได้ ฉันคิดว่าเขาน่าจะมีคู่อริมากและการที่ฉันกับเขาเราเดินไปด้วยกัน มันคงสุ่มเสี่ยงที่จะถูกจำหน้าและตามมาฆ่าฉัน!
หมวก!
แมส!
แว่นตาดำ!
ชุดวอร์มพร้อมวิ่ง!
และที่สำคัญ รองเท้าผ้าใบไนกี้ที่มีไว้สำหรับวิ่งโดยเฉพาะ ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ฉันจะโกยแน่บโดยไม่สนหมูสนหมาใดๆ ทั้งสิ้น มันอาจจะดูเว่อร์ แต่ดูจากเหตุการณ์ที่เราเจอกันครั้งแรกที่อีตานั่นไล่กระทืบชาวบ้าน มันก็ไม่เกินไปเท่าไหร่นะ ถ้าฉันจะแต่งตัวแบบนี้
“เป็นดารารึไง ปิดหน้าขนาดนี้ ทำไมเธอไม่ใส่หน้ากากซะเลยล่ะ” ไลท์ค่อนขอดในตอนที่ฉันเดินลงบันได ฉันไม่สนว่าเขาจะพูดอะไร ฉันทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยในชีวิตฉัน
“ฉันค่อนข้างจะขี้อายน่ะ”
“ประสาทรึไง มานี่” คนตัวสูงพ่นลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะดึงหมวกของฉันออก ฉันสะดุ้งและพยายามเอื้อมมือไปดึงมันคืน หลังจากนั้นแว่นของฉันก็ถูกถอดออก ตามด้วยแมสปิดหน้าที่นิ้วชี้ข้างขวาของเขาสะกิดลง
กร๊อบ!
ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไร ไลท์ก็หักกรอบแว่นตาดำฉันดังกร๊อบ รวมทั้งโยนแมสฉันตกลงสู่พื้นและใช้เท้าเหยียบมันเพื่อไม่ให้ฉันก้มลงเก็บเอามาใช้ได้อีก
“เป็นแฟนฉันไม่มีอะไรต้องอาย” เขาว่าด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความเคร่งขรึม สิ่งที่เขาทำเป็นเหตุให้ฉันอึ้งกิมกี่ ไอ้อายก็ส่วนนึง แต่กลัวตายน่ะ 99.9999999% “แล้วนี่มันชุดบ้าอะไรของเธอเนี่ย ฉันจะพาเธอไปเที่ยว ไม่ใช่พาเธอไปวิ่ง เปลี่ยนเดี๋ยวนี้!”
“แต่ว่า...”
“จะเปลี่ยนเอง หรือจะให้เปลี่ยนให้?”
“ปะ เปลี่ยนเอง”
พระ พระ พระ!
ฉันจะบ้าตายแล้วนะ ฮือ ;_;
@แหล่งท่องเที่ยวไนท์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง
มันบ้ามาก
ในที่สุด สวรรค์ก็ไม่เข้าข้างฉัน แถมนรกยังซ้ำเติมให้ฉันมาเดินตัวลีบกับไลท์อยู่ที่นี่ในชุดเดรสน่ารักที่เขาเลือก มันดูเหมาะสำหรับการมาเที่ยวมาก แต่ดูไม่เหมาะกับการวิ่งหนีเลยจริงๆ เขาหน้าตาเบิกบานส่วนฉันน่ะเหรอ... ไม่ร้องไห้ก็บุญแล้ว
กึก
ฉันชะงักเมื่อหางตาสบกับอะไรบางอย่าง ลางสังหรณ์ก็ร้องเตือนดังขึ้นทุกๆ ครั้งที่ฉันก้าวเท้าไปข้างหน้า ไม่รู้ทำไมฉันถึงขยับเข้าไปเบียดผู้ชายข้างๆ ทั้งที่เขาเป็นตัวอันตรายอันดับหนึ่ง
“มีอะไร นึกอยากจะจู๋จี๋กับฉันขึ้นมาเหรอ?” คนมั่นหน้ากระตุกยิ้มชั่วก่อนที่ฉันจะส่ายหัวพร้อมสีหน้าไม่สู้ดีนัก
ฉันเป็นคนช่างสังเกตและเซ้นส์ไว... ตอนแรกฉันคิดว่าฉันคงกลัวมากไปเอง แต่มันไม่ใช่ ฉันเห็นเงาและท่าทีประหลาดๆ ของคนสองสามคนด้านหลัง และนั่นทำให้ฉันไม่วางใจเอาซะเลย
“ไลท์”
“หืม?”
“มีคนเดินตามพวกเรามา”
เอาละไง ฉันวิ่งเลยดีมั้ย... พวกนั้นเป็นใครก็ไม่รู้
หนึ่งคน สองคน สามคน สี่คน ห้าคน... มากกว่าหกคน
ฮือ ฉันว่าแล้วไง! ว่าคนอย่างหมอนี่ต้องมีคู่อริแน่นอน ฉันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ใจสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ฉันไม่ค่อยตกอยู่ในสถานการณ์น่ากลัวแบบนี้
“ใจเย็น ฉันจัดการเอง” เขาหมุนตัวกลับและดึงฉันหลบอยู่ด้านหลังของเขา นัยน์ตาดุน่ากลัวนั่นเปล่งประกายหาเรื่องแบบสุดๆ ฉันคิดว่าไลท์เองก็คงรู้ตัวอยู่แล้วแต่เขาไม่ได้เอ่ยปากออกมาจนกระทั่งฉันพูด คนตัวสูงจับจ้องไปที่ผู้ชายคนนึง เขาตัวสูงกว่าร้อยแปดสิบ ตาของเขาเรียวเล็กและคมกริบ จมูกไม่โด่งนัก สวมเสื้อกันหนาวแขนยาวสีดำสนิทและกางเกงยีนส์ขาดๆ
“ตามมาทำไม” ไลท์มองด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร ฉันหดตัวลีบเล็กอยู่ด้านหลัง เพราะหลังจากที่ผู้ชายคนนั้นก้าวขึ้นมาข้างหน้า ก็มีพวกอีกสี่ห้าคนเดินออกมาจากฝูงชนด้วย
ฉันก็ไม่อะไรหรอกนะ แต่ฉันไม่คิดว่าไลท์จะชนะทั้งที่ยังมีฉันพ่วงด้วยอย่างงี้หรอก
คนถูกถามยิ้มก่อนจะเหลือบสายตามามองหน้าฉันที่หลบอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีแปลกๆ ฉันถึงกับสะดุ้งเล็กๆ เพราะสังหรณ์ใจไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เขาคงไม่ได้หมายตาจะฆ่าฉันพร้อมหมอนี่ใช่มั้ยเนี่ย ;_;
ไม่เอานะ ฉันไม่เกี่ยว ถ้าเขาจะตายก็ให้เขาตายไปคนเดียวสิ ;_;
“เป็นพวกไอ้ไวเหรอ...?” ไลท์ย่นคิ้ว “หรือเป็นพวกไหน ฉันคู่อริเยอะด้วยสิ จำไม่ได้หรอกนะ ถ้าไม่แนะนำตัว”
“คู่อริ...?” คนถูกถามหัวเราะนิดๆ “โทษทีนะ ฉันไม่ได้มีปัญหากับนายหรอก”
ฟู่ว
ฉันถึงกับถอนหายใจโล่งอกในตอนที่หมอนั่นพูดจบ อย่างน้อย ไลท์ก็ไม่ได้โดนหมายหัวอย่างที่ฉันคาด ทว่าฉันยังโล่งใจได้ไม่ถึงสามนาที อยู่ดีๆ คนตัวสูงก็ตวัดปลายนิ้วชี้มาที่ฉันพร้อมรอยยิ้มแปร่งๆ
“ฉันมีปัญหากับยัยนี่ต่างหาก”