10 ไม่เชื่อฟัง

1676 Words
คำเตือน! เนื้อหาในตอนนี้มีฉากการใช้รุนแรงในทางที่ผิด/ไม่เหมาะสม นักเขียนไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในชีวิตจริง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ ตึก ตึก อลินญารีบวิ่งหน้าตาตื่นกลับมายังห้องเรียนที่ตัวเองดูแล ทว่าก็ต้องชะงักไปเมื่อเจอเข้ากับรุ่นพี่สาวที่ยืนมองหน้าเธออยู่ มือบางรีบซ่อนสิ่งของสีแดงที่อยู่ในมือ สร้างความรู้สึกสงสัยให้แก่ทับทิมเป็นอย่างมาก "วิ่งหนีอะไรมากันล่ะเรา" "ค คะ? เปล่าค่ะ อลินไม่ได้หนีอะไร" "งั้นเหรอ" ทับทิมถามโดยที่ยังคงปรายตาพยายามมองไปยังสิ่งของที่อยู่ด้านหลังคนตัวเล็ก "อะ เอ่อ...เดี๋ยวอลินขอตัวก่อนนะคะ" ว่าแล้ว สองเท้าบางก็รีบสาวเท้าเดินออกไปทันที ทับทิมก็ยืนมองตามนิ่งไม่ได้พูดอะไร ซึ่งใช้เวลาไม่นาน อลินญาก็เดินกลับมาด้วยท่าทีปกติ เธอได้จัดการทิ้งสิ่งของในมือตอนแรกไปแล้ว "เอาเอกสารไปให้คุณเพทายมา เป็นไงบ้าง" เรียวปากสวยของทับทิมเอ่ยถามรุ่นน้องตัวเล็ก ขณะที่ทั้งสองเริ่มที่จะดูแลเด็ก ๆ ต่อ "คะ...อ๋อ ก็ไม่มีอะไรนะคะ แค่เอาเอกสารไปส่ง" เจ้าของใบหน้าเรียวใสยิ้มตอบกลับเสียงหวาน "อ่า...พี่ถามอะไรหน่อยสิ" "คะ?" "การจะเข้าไปห้องทำงานของคุณเพทายเนี่ย...ทำยังไงได้บ้างเหรอ" "??" อลินญาทำหน้างงมองหน้ารุ่นพี่คนสนิท "เอ่อ...พอดีพี่แค่สงสัยน่ะ ดูคุณดวงจิตหวงทางไปห้องนั้นยังไงไม่รู้" "อ๋อ น่าจะเพราะคุณเพทายค่อนข้างอยากได้ความเป็นส่วนตัวน่ะค่ะ ส่วนการเข้าห้องทำงานของคุณเพทายได้..." "...อันนี้อลินไม่แน่ใจเลยค่ะ รู้แค่ว่าคนที่เข้าได้จะต้องได้รับการอนุญาตก่อนเสมอ หลัก ๆ ที่อลินเห็นก็น่าจะมีแค่คุณดวงจิต กับป้าน้อยนะคะ" "ป้าน้อยเหรอ" "ค่ะ ป้าที่เป็นคนทำความสะอาดห้องให้คุณเพทายก่อนที่คุณเขาจะเข้ามา...หรือบางทีก็หลังจาก..." แล้วอลินญาก็เงียบไม่กล้าพูดต่อ ซึ่งทับทิมในตอนนี้ก็ไม่ได้สนใจในท่าทีพวกนั้น "แปลว่า ก่อนคุณเพทายเข้ามา เขาจะแจ้งบอกคุณดวงจิตเพื่อให้ป้าน้อยไปทำความสะอาดไว้ก่อนใช่ไหม" ทับทิมถาม "ใช่ค่ะ ประมาณนั้น" เจ้าของใบหน้าใสจิ้มลิ้มยิ้มหวานตาหยีตอบกลับอย่างคนที่ไม่รู้อะไร ผิดกับร่างสวยหุ่นดีอีกคนที่ค่อย ๆ ลอบยิ้มออกมากับข้อมูลใหม่ที่ได้รู้ หลายวันต่อมา... @บริษัท "มันมาหรือยัง" เสียงเพทายเอ่ยถามอนุชิตที่ยืนอยู่ขณะที่กำลังนั่งเซ็นเอกสารตรงหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ "ยังครับ" ลูกน้องสนิทตอบ ทำเอาคนที่นั่งอยู่กำปากกาในมืออย่างแรงจนมันหักคามือ บ่งบอกได้ถึงแรงอารมณ์ของชายหนุ่มที่มี "ไปเอาตัวมันมา" "คุณเพทาย..." "ในเมื่อมันกล้าที่จะต่อต้านคำสั่งของฉัน ฉันก็จะจัดการมันด้วยตัวเอง" สิ้นเสียงเย็นยะเยือกของคนเป็นเจ้านายเอ่ย อนุชิตก็ลังเลที่จะทำตามที่ชายหนุ่มบอก ทว่าเมื่อถูกสายตาคมกริบเลื่อนเข้ามามอง อนุชิตก็ได้แต่ก้มหน้ารับคำทำตามที่อีกคนบอก โดยใช้เวลาไม่นาน... "เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้...คุณแพทริคอยู่ในห้องนั้นแล้วครับ" อนุชิตเอ่ยรายงานร่างสูงที่นั่งอยู่ เพทายที่ได้ยินก็นิ่งค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานด้วยสีหน้ายากจะคาดเดาในความคิดของรองประธานหนุ่มทว่าแววตากลับเต็มไปด้วยความชวนขนลุกบอกไม่ถูก "ไปที่นั่น" ปากหนาบอกพลางเดินนำออกไป อนุชิตที่ไม่อาจจะคัดค้านหรือทำอะไรได้ก็ได้แต่เดินตามเจ้านายตัวเองไปยังรถหรูที่จอดรออยู่ด้านนอกบริษัท พรึบ เสียงบรรดาชายฉกรรจ์ที่ยืนเฝ้าอยู่บริเวณหน้าห้องใต้ดินต่างก้มคำนับแสดงความเคารพต่อคนที่เข้ามาใหม่ เพทายก็นิ่งแสดงสีหน้าราบเรียบ "เปิดประตู" สิ้นเสียงคนเป็นเจ้านายบอก คนที่ยืนเฝ้าก็รีบเปิดประตูทันที ทำให้สองเท้าหนักค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้าไปภายในห้องที่มีร่างสูงของใครบางคนนอนอยู่ "อือ..." เสียงแพทริคที่นอนอยู่กับพื้นค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกเจ็บบริเวณท้ายทอย ดวงตาคมสะลึมสะลือเบลอไปหมดก่อนจะปรับชัดขึ้น ซึ่งทันทีที่เริ่มได้สติ แพทริคก็มองไปเห็นท่าทางคุ้นเคยของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า "..." ชายหนุ่มชะงักก่อนจะมองไปยังรอบ ๆ ห้องที่ตัวเองนอนอยู่ และมันคือห้องดำที่เป็นเหมือนนรกสำหรับเขา ตึก ตึก เสียงเพทายค่อย ๆ สาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาน้องชายต่างแม่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง มือแกร่งยกขึ้นปลดคลายเนกไทที่สวมใส่อยู่ออก รวมถึงแว่นตาราคาแพงที่ใส่อยู่ โยนทิ้งลงพื้นอย่างแรง เผยให้เห็นสายตาคมกริบมีความดุดันอยู่ในนัยน์ตา เท้าหนักเหยียบลงไปบนแว่นตาที่อยู่บนพื้นจนมันแตกหัก "ฉันบอกให้แกไปทำงานไม่ใช่เหรอ" ปากหนาถาม แพทริคก็นิ่งไม่ตอบ โดยวันนี้เป็นวันที่เพทายให้เขาไปหาเพื่อที่จะเข้ารับตำแหน่งงาน แต่ด้วยความที่แพทริคมัวแต่ยุ่งกับธุระส่วนตัว ทำให้เขาไม่ได้ไปตามที่คนเป็นพี่บอก "แกอยากลองดีกับฉันมากใช่ไหม" เสียงทุ้มยังคงถามด้วยน้ำเสียงกดต่ำชวนขนลุก ทว่าคนเป็นน้องก็เอาแต่นอนนิ่ง ทำให้มือหนาเอื้อมลงไปกระชากร่างสูงตรงหน้าขึ้นมา ผลัวะ!! เพทายไม่รอช้าที่จะปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าหล่อดูดีของน้องชายเข้าอย่างจัง ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังระเบิดอารมณ์ด้วยการใช้กำลังใส่คนเป็นน้องไม่ยั้งหลังจากที่อีกคนไม่เชื่อฟังคำสั่งเขา ทั้งที่รู้ดีว่าเขาเป็นยังไง "ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหม...ว่าแกจะแข็งข้อกับพ่อยังไงก็ได้ แต่ไม่ใช่กับฉัน" พูดจบ เพทายก็ทั้งปล่อยหมัดและเตะเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างจังทุกท่วงท่า จนแพทริคกระอักเลือดออกมา เรียวปากหนาเต็มไปด้วยคราบเลือด "คุณเพทายครับ..." อนุชิตพยายามเอ่ยห้าม แต่ก็ต้องก้มหน้างุดไปกับสายตาคมของคนเป็นเจ้านายที่มองมา พลั่ก! ขาแกร่งเตะอัดเข้าไปยังหน้าท้องแน่นของร่างสูงที่นอนขดตัวด้วยความเจ็บและจุกด้วยสีหน้าเรียบนิ่งนัยน์ตาคมนั้นน่ากลัวซะยิ่งกว่าอะไร "แค่ก..." เสียงแพทริคสำลักเลือดออกมา ทว่าก็ไม่ได้ทำให้เพทายรู้สึกสงสารหรือเห็นใจน้องชายแม้แต่น้อย เขารู้สึกโกรธที่แพทริคกล้ามาลองดีท้าทายเขา ทั้งที่เขาพยายามผลักดันน้องในเวลาที่เหมาะสมแล้ว เขายอมแบกรับทุกอย่างอยู่คนเดียว ไม่เคยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นเพราะต้องทำงาน เรียนรู้งานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เพทายไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างเช่นคนทั่วไป เขาแบกรับทุกอย่างเองหมด เพื่อให้แพทริคได้ใช้ชีวิตในแบบที่ควรได้ใช้ เขาเสียสละโดยที่ไม่ปริปากบอกใคร ทว่าสิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือการที่น้องชายต่างแม่เพียงคนเดียวที่มี เชื่อฟังและพร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน เขาขอเพียงแค่นี้ แต่ดูเหมือนว่า...แพทริคจะไม่ให้ความร่วมมืออะไรกับเขาซะเลย "อย่าปล่อยมัน จนกว่าฉันจะออกคำสั่ง" เพทายหันไปเอ่ยบอกลูกน้องที่เป็นคนเฝ้า พร้อมกับทำท่าจะเดินออกไป ทว่า... "อย่า..." แพทริคพยายามขยับเรียวปากหนาบอกพี่ เพทายก็นิ่งหันมองไปยังคนที่นอนอยู่ "...ไม่อยากอยู่ที่นี่" แพทริคบอกด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน ห้องมืดนี่เป็นห้องที่เขาเกลียดมันมากที่สุด เพราะมันเป็นห้องที่พ่อของเขาใช้ขังแม่ของเขาหลังจากที่จับได้เรื่องชู้ "..." เพทายยืนมองท่าทีน้องชายแววตาเรียบ "ขอร้อง..." แม้ว่าคนเป็นน้องจะพยายามเอ่ยขอแค่ไหน ทว่าเพทายก็ยังคงไม่แสดงท่าทีใด ๆ ออกมา ดวงตาคมเอาแต่จ้องมองไปที่น้องชายตัวเองนิ่ง ก่อนจะหันไปเอ่ยบอกลูกน้อง "อย่าให้ใครเข้ามาที่นี่" พูดจบ สองเท้าหนักก็เดินออกไปในทันที ทิ้งให้แพทริคได้แต่นอนพึมพำเอ่ยด้วยสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดและบาดแผลตามลำตัวและใบหน้า "อยะ อย่า..." ปึง! ทันทีที่ประตูปิดลง รองประธานหนุ่มก็เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันไปเอ่ยบอกกับลูกน้องคนสนิท "ให้คนคอยจับตาดูมันให้ดี อย่าลืมส่งข้าวส่งน้ำ ถ้ามีอะไร โทรรายงานฉันอยู่ตลอด" "ครับ" อนุชิตรับคำพร้อมกับหันไปสั่งหัวหน้าชายฉกรรจ์ต่อ โดยหลังจากที่จัดการสั่งทุกอย่างเสร็จ สองคนก็พากันเดินตรงไปยังรถสีดำเงาที่จอดอยู่ คนขับรีบเดินลงมาเปิดประตูให้แก่คนเป็นเจ้านาย เพทายก็เดินเข้าไปนั่งภายในรถด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเต็มไปด้วยท่าทีสุขุมพลางหันไปเอ่ยบอกลูกน้องคนสนิท "พรุ่งนี้มีนัดกับเจย์เดนใช่ไหม" "ครับ" "ให้มันไปเจอที่มูลนิธิ" "พรุ่งนี้คุณเพทายจะไปที่มูลนิธิเหรอครับ" "อืม" เจ้าของใบหน้าหล่อพยักหน้าตอบอนุชิตจึงพยักหน้ารับคำสั่งจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบอกดวงจิตว่ารองประธานหนุ่มจะเข้าไปในวันพรุ่งนี้ ซึ่งเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย รถหรูก็ถูกขับออกไปยังเพนต์เฮาส์ราคาแพงทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD