ตอนที่ 4 ปลอดภัยหรือเปล่า

1880 Words
ผ่านมาห้านาทีคนทั้งสองกลับเข้ามาอยู่ในรถอีกครั้ง ในเมื่อภารกิจครั้งนี้เสร็จเรียบร้อย ถึงกฤษณะไม่มั่นใจว่ามันจะร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ แต่อย่างน้อยแม่เขาคงได้ทราบข่าวเร็วๆ นี้แน่ว่าเขามีแฟนแล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้จะได้ไม่ต้องมายุ่ง รอวันที่เขาเอาหลานไปให้เลี้ยงอย่างเดียว ตอนไหนก็ตอนนั้น จึงได้พาพีรดากลับลงมาข้างล่างเพื่อไปส่งเธอที่บ้าน เพราะเขาเองก็อยากกลับมาพักผ่อนเต็มทน พรุ่งนี้มีสอนทั้งคาบเช้าคาบบ่ายอีกแล้ว กฤษณะค่อยๆ เคลื่อนรถออกไปช้าๆ จากนั้นจึงปรับความเร็วให้คงที่ ระหว่างนั้นยื่นมือไปเปิดเพลงเบาๆ เพื่อให้สถานการณ์ตึงเครียดเมื่อกี้ผ่อนคลายลงไป ระหว่างที่รถจอดติดไฟแดง เขาหันไปชำเลืองคนด้านข้างเล็กน้อย แน่นอนว่าพีรดายังคงอยู่ในอาการเหม่อลอยมองออกไปด้านนอกรถ แล้วหากเป็นอย่างนี้ เขาจะปล่อยให้เธอกลับไปนอนได้อย่างไรกัน เขาสบายใจว่าต่อไปคงไม่มีใครมารบกวน แล้วพีรดาล่ะ เธออาจระแวงอย่างนี้ไปตลอด จึงได้ตัดสินใจเอาเองพาเธอกลับมายังสวนสาธารณะที่เรานัดเจอกันอีกครั้ง เวลานี้ดึกแล้ว ผู้คนคงไม่มากเท่าไหร่ ระหว่างที่รถกำลังชะลอความเร็วลงจนจอดสนิท กฤษณะทำการดับเครื่องยนต์ลงไป พีรดาที่ได้สติกลับมาว่าถึงที่บ้านแล้วมองออกไปรอบๆ สถานที่ที่เพิ่งมาเมื่อไม่นาน? กำลังจะหันไปถามเขาว่าทำไมไม่ไปส่งเธอที่บ้าน หรือกลัวใครเห็นเข้าจึงได้พาเธอกลับมาที่นี่แล้วปล่อยเธอกลับเอง แต่หญิงสาวเลือกเงียบมากกว่าเมื่อเข้าใจดีแล้ว "ขอบคุณค่ะ" พีรดายกมือไหว้อาจารย์หนุ่มแล้วเปิดประตูรถลงไป กฤษณะเห็นดังนั้นก็ตามลงไปเช่นเดียวกัน รีบเดินไปคว้ามือคนที่เดินหันหลังให้เขาอย่างไว คนตัวเล็กที่ตั้งตัวไม่ทันหันกลับมาปะทะอกแกร่งด้วยความไม่ตั้งใจ จมูกเรียวเล็กชนเข้ากับแผงอกเขา ได้กลิ่นหอมๆ ของผิวกายจนเผลอสูดดมเข้าไปเต็มปอด จำได้ว่าเมื่อตอนที่อยู่ในสถานการณ์น่าหวาดกลัวไม่ได้สนใจ แต่คราวนี้มันชัดมาก ก่อนค่อยๆ ผละออกเมื่อคิดได้ว่ามันไม่เหมาะสม "โทษทีพีรดา แต่คุณจะรีบไปไหน" กฤษณะขมวดคิ้ว คลายมือหนาออกจากข้อแขนเรียวเล็กให้ "อาจารย์มาส่งหนูไม่ใช่เหรอคะ หนูก็จะกลับบ้านไง" พีรดาทำหน้างง "เดี๋ยวผมไปส่ง แต่ตอนนี้อยู่กับผมก่อน" "คะ" พีรดาอึ้งไปเล็กน้อย "ผมหมายถึงเดี๋ยวค่อยกลับ ในเมื่อสีหน้าท่าทางของคุณดูไม่ดีขนาดนี้ ผมจะปล่อยคุณกลับไปได้อย่างไรกัน" เขารีบอธิบายเสริมเมื่ออาจทำให้ผู้ฟังคิดไปไกล ทั้งที่เขาก็เคยปรามพีรดาครั้งนั้น แต่กลายมาเป็นคนพูดไม่คิดเสียเองคราวนี้ พีรดาพยักหน้าหงึกหงักพลางลูบต้นแขนตัวเองไปด้วย รู้สึกว่าคืนนี้ลมแรงมากกว่าปกตินะ "หนาวเหรอ" วูบหนึ่งหางตาที่เห็นความอวบอิ่ม รีบดึงสายตากลับมาที่ใบหน้ามีเสน่ห์อีกที ปฏิเสธไม่ได้ว่าขาวเนียนขนาดนี้ไม่อยู่ในสายตาอย่างไรไหว พีรดาส่ายหัวบอกไม่มีอะไร ทว่าเขากลับห้ามเธอเอาไว้เสียก่อน "รออยู่ตรงนี้" พีรดามองตามหลังคนที่เดินกลับไปยังรถ เห็นเขาเปิดประตูที่นั่งเบาะหลังออกแล้วถืออะไรบางอย่างติดมือกลับมา เสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้มถูกคลุมลงที่ไหล่มนแผ่วเบาพร้อมกระชับด้านหน้าไม่ให้ลมเข้า ก่อนจะคว้าเอาข้อแขนเรียวให้เดินตาม พีรดาหน้าเหวอทันที เอาอีกแล้ว.. ก็ว่าจะขัดเขาเพราะตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในหน้าที่กันแล้ว แต่เพราะเจ้าตัวที่ขายาวกว่า เขาเดินเร็วมากจนทำให้เธอต้องเร่งความเร็วตาม เดินมาหยุดอยู่ที่หนึ่ง เขาถึงค่อยๆ คลายมือออกจากข้อมือเธอ พีรดามองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ มองดูผู้คนเพียงน้อยนิดเดินผ่านไปมาไกลๆ คงไม่มีใครจำได้ ไม่ว่าเขาหรือเธอ เพราะตอนนี้เธอไม่ได้สวมหมวกของเขาแล้ว ระหว่างที่คนทั้งสองเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวยาวตัวเดียวกันเป็นเวลาห้านาทีแบบไม่มีใครพูดอะไรกัน "ดา.." กฤษณะถือวิสาสะเรียกชื่อเล่นของหญิงสาวทั้งที่เวลานี้ไม่ได้อยู่ต่อหน้าใครคนอื่น ไม่จำเป็นแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าเราก็ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนเหมือนกัน ทำไมเขาจะเรียกชื่อเล่นของเธอไม่ได้ พีรดาเม้มปากเบาๆ เมื่อได้ยินดังนั้น ยอมรับว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่กล้าหันไปมองสบตากับผู้พูด มือสองข้างวางค้ำลงไปกับม้านั่งขนาบตัว ก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความประหม่า กระทั่งเขาทำในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะทำมันก็คือ จับให้ตัวเธอหันไปเผชิญหน้ากัน สบตากับเขาตรงๆ ตัวของหญิงสาวสั่นเทาขึ้นมาอีกรอบ "ผมรู้ว่าคุณกลัว แต่คุณไม่ต้องกลัวนะ คุณมีผมอยู่ทั้งคน" พีรดาสบตากับเขาแทบไม่กะพริบราวกับต้องมนต์สะกด "คุณจะไม่เป็นอะไรทั้งนั้น ผมจะปกป้องคุณเอง" มือสองข้างที่จับต้นแขนของหญิงสาวผ่านเสื้อคลุมตัวหนาเลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าสวยมีเสน่ห์ หัวแม่มือทั้งสองข้างลูบไล้แก้มเนียนแผ่วเบา ส่งผ่านอบอุ่นให้เธอมีกำลังใจ พีรดาพยักหน้าออกมา พร้อมเปลี่ยนใบหน้าเศร้าเป็นรอยยิ้มบางๆ บ้างให้ "งั้นหนูขอกลับเลยนะคะเพราะสบายใจแล้ว" บอกแล้วทำท่าจะถอดเสื้อคลุมออกไป "เดี๋ยวผมไปส่ง" แล้วมือหนาก็เลื่อนลงไปสัมผัสกับกับมือเรียวเล็กอีกรอบ รั้งให้พีรดาเดินตามเขาไป เดินกลับไปยังทางเดิมที่ผ่านมา ระยะทางกว่าห้าสิบเมตรโดยที่คนทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกัน รถยนต์ของกฤษณะพาหญิงสาวมาส่งถึงที่หน้าหอพัก โดยมีคนที่นั่งข้างๆ บอกทางเขามาเรื่อยๆ ทั้งที่ตอนนี้รถจอดสนิทแล้ว แต่มือที่เขาถือวิสาสะไปรั้งเธอเอาไว้ยังไม่ยอมปล่อยออก เมื่อมองเห็นว่าหอพักที่หญิงสาวอยู่มันค่อนข้างน่ากลัว ดึกแบบนี้ทำไมเจ้าของหอถึงไม่เปิดไฟด้านหน้ากัน อีกอย่างไม่ใช่หอพักเล็กๆ เป็นตึกสูงถึงห้าชั้น รายได้เข้าแต่ละเดือนคงมากโข ก็น่าเจียดมาจ่ายค่าไฟได้บ้าง ไม่รู้จะงกไปไหนกัน เขาก็ว่าตัวเองสมถะแล้วนะ แต่เจ้าของหอที่นี่โคตรใจดำกว่าอีก "มีอะไรหรือเปล่าคะ" พีรดามองเขางงๆ "เดี๋ยวผมลงไปส่ง" "อย่าดีกว่าค่ะอาจารย์!" พีรดารีบห้าม เพราะหากเขาทำแบบนั้นความลับได้แตกแน่นอน ก็ในเมื่อหอพักแห่งนี้ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นนักศึกษาอยู่พักอาศัยกันทั้งนั้น ย้ำว่าเป็นนักศึกษาที่ต้องการเซฟตังค์ในกระเป๋าเช่นเธอ มองหอพักโทรมๆ ของตัวเองที่รวมทั้งผู้หญิงผู้ชายเอาไว้ด้วยกัน ทางเดินค่อนข้างคับแคบ ห้องขนาดเล็กเหมาะแก่การอยู่เพียงหนึ่งถึงสองคนเท่านั้น ค่าเช่าห้องก็เดือนละพันต้นๆ คนที่ต้องการแค่ที่หลับนอน อาบน้ำแต่งตัวไปเรียนไปทำงานจะเอาอะไรมากกัน ในเมื่อค่าเทอมของเธอแพงเอาการขนาดนั้น แพงสำหรับคนที่ไม่มีทางบ้านซัปพอร์ตอย่างเธอ "คุณน่าห่วงชีวิตตัวเองมากกว่านะดา ให้ผมลงไปส่งเถอะ" ไม่ว่าเปล่าแต่กฤษณะกลับเปิดประตูรถลงไปเลย พีรดาช็อกแล้วช็อกอีกกับการกระทำของเขา ทำให้หญิงสาวรีบเปิดประตูตามลงไปแล้วไปยืนข้างๆ กฤษณะมองหนทางที่มืดจนคิดว่ากว่าจะเดินไปถึงหน้าตึกคงมีเหยียบเศษแก้วเศษตะปูบ้างล่ะ เพราะตรงหน้าเสมือนว่ากำลังมีการก่อสร้าง กำลังจะยื่นมือกลับไปจับกับคนที่เดินตามลงมา ทว่าพีรดากลับแอบมือเอาไปไว้ด้านหลังอย่างไว คราวนี้เธอคงให้เขาทำไม่ได้จริงๆ "ดา คุณควรห่วงความปลอดภัยตัวเองมากกว่านะ" กฤษณะบอกเชิงตำหนิ "หนูเดินจนชินแล้วละค่ะ" พีรดาบอกยิ้มๆ ความปลอดภัยของเธอในตอนนี้คือการที่เขารีบกลับไปต่างหาก กฤษณะนิ่งคิดไป ก็คงจริง ก็ในเมื่อพีรดาทำงานเลิกดึกทุกวัน แต่ดูบรรยากาศตอนดึกแบบนี้สิ เงียบเชียบน่ากลัวอย่างกับตึกร้างมีผีสิง อันตรายจะมาวันไหนก็ไม่รู้ แค่คิดว่าอาจมีสักวันทำไมเขากลับรู้สึกไม่ชอบใจ เป็นห่วงนักศึกษาตัวเองขึ้นมา กฤษณะจึงได้ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแทน แล้วเปิดไปที่โหมดไฟฉายเพื่อส่องนำทาง พีรดาทำหน้าเหวอเมื่อคิดว่าเขาคงกลับขึ้นรถ แต่นั่นเดินนำไปแล้ว อยากจะบ้า! กฤษณะมองหอพักที่มีทางขึ้นอยู่ตรงกลาง เพราะฉะนั้นจะมีห้องอยู่สองฝั่งทางซ้ายขวา พอขึ้นมาถึงชั้นแรกก็โล่งใจไปบ้างที่ในทางเดินมีไฟหลอดเล็กๆ ติดอยู่ แต่ไกลมากตรงสุดทาง แถมยังมีเพียงทางละหนึ่งหลอดเท่านั้น จะงกไปไหนกัน อยากเห็นหน้าเจ้าของหอจริงๆ! เก็บมือถือตัวเองลงในกระเป๋ากางเกงอย่างเดิมแล้วหันไปพยักพเยิดหน้าให้ผู้เป็นเจ้าของห้องเดินนำไปก่อน "อาจะ..เอ่อ..คุณส่งหนูแค่นี้ก็พอแล้วค่ะ เพราะห้องหนูอยู่แค่ชั้นสองเอง" เกือบหลุดปากเรียกเขาอย่างนั้นไปแล้ว อีกอย่างคนเข้านอนกันหมดแล้ว ไม่ว่าขยับปากพูดอะไรแทบได้ยินไปหมด กฤษณะส่งสายตาดุไปให้ หลอดไฟตรงบันไดก็มีหลอดเดียวจะถึงห้องไหม พีรดาจึงได้เงียบปากลงไป แล้วเดินนำหน้าขึ้นบันไดมาก่อน ทำให้คนที่เดินตามหลังมาติดๆ เห็นภาพกระโปรงที่สั้นลึกเข้าไปอีกอย่างไม่ตั้งใจ รีบกดใบหน้าลงต่ำแล้วเปลี่ยนไปเดินข้างๆ กัน พอมาถึงที่หน้าห้องๆ หนึ่งเป็นประตูไม้สีน้ำตาล พีรดาพาเขาหยุด กฤษณะยืนมองคนตัวเล็กไขกุญแจเปิดประตูห้องเข้าไป มือเรียวเอื้อมไปเปิดไฟด้านในแล้วหันหน้ากลับมาหาเขา "ผมอยากเข้าไปสำรวจในห้องว่าปลอดภัยหรือเปล่า" กฤษณะชิงบอกก่อนเมื่อรู้ว่ากำลังจะถูกเจ้าของห้องไล่ "ปลอดภัยค่ะปลอดภัย..คะ..คุณ!" แต่เขาไม่ฟังเธอเลย เดินผ่านหน้าเธอเข้าห้องไปเฉยเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD