ฉันรู้สึกตัวตื่นหลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนฉันรัวๆ แต่ฉันก็รวบหมอนปิดหูฉันทั้งสองข้างก่อนจะหลับตานอนต่อ วันนี้มันคือวันหยุดของฉันไง มันคือวันหยุดของฉัน T^T
“ ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง ~ ”
“ ชาติจะเรืองดำรง ก็เพราะเราทั้งหลาย ~ ”
ฮืออออ ไม่นะ !
ฉันทั้งคลุมโปงทั้งเอาหมอนมาปิดหู แต่แม่ของฉันก็ไม่หยุดความพยายามที่จะปลุกฉัน เพราะแม่เดินมานั่งลงที่เตียงฉันพร้อมกับร้องเพลง ตื่นเถิดชาวไทย ที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่เด็กยันโต ทุกครั้งที่ฉันนอนยังไม่ตื่น แม่จะเอาเพลงนี้มาร้องปลุกฉัน และมันก็ได้ผลไง T^T
เพลงนี้มันหลอนหูฉันตั้งแต่เรียนอนุบาลยันมหาลัยเลยละ T^T
“ แม่ ~ วันนี้มันคือวันหยุดของหนูนะ แล้วนาน ๆ ทีหนูถึงจะกลับมานอนบ้านด้วย... ” ฉันพูดด้วยความงอแงก่อนจะค่อยๆ ลืมตามองแม่ พร้อมกับหลับตาลงต่อ
ให้ตายเถอะ !! ฉันยังไม่อยากตื่นไปไหนตอนนี้เลย
ความสุขของฉันคือการนอนอยู่บนเตียงโง่ๆ โดยที่ไม่ขยับตัวไปไหนอะ
“ แม่รู้ แต่วันนี้ป้าดาเขาให้พี่ขุนมารับหนูไปลองชุดนะลูก...”
“ ห๊า !! ” ฉันเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอัตโนมัติก่อนจะมองแม่ด้วยความตกใจ
“ พี่เขาใกล้จะถึงแล้ว แล้วหนูยังไม่ตื่นอาบน้ำแต่งตัวเลย....”
“ แต่แม่ หนูไปเองได้...”
“ ได้ยังไงละ มีคู่หมั้นแล้วก็ต้องให้คู่หมั้นพาไปสิลูก....”
“ แต่แม่...แม่ก็รู้ว่าหนูกับพี่ขุนเราไม่ได้รู้สึกอะไรกันอะ นี่มัน 2022 แล้วนะแม่ การคลุมถุงชนมันควรจะหมดไปได้แล้วนะ”ฉันพูดไปตามความรู้สึกที่คิด ฉันคิดแบบนี้มาตั้งหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่ฉันรู้ว่าฉันกับพี่ขุนเราถูกจับคู่กัน และแถมครอบครัวทั้งสองฝ่ายยังจะให้หมั้นกันหลังจากที่ฉันเรียนจบอีก....
การคลุมถุงชนมันควรจะหมดไปได้แล้ว ต่อให้มีฝ่ายนึงฝ่ายใดรู้สึกพิเศษกับอีกฝ่าย แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้สึกตอบมันก็เหมือนเป็นการบังคับจิตใจเขา ให้ต้องมาฝืนหมั้นฝืนแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รักตั้งแต่แรก
ชีวิตคู่คงจะหาความสุขไม่ได้หรอก
และการที่ผู้ชายที่การศึกษา หน้าตาดี ภูมิฐานดี และยังรักชีวิตโสดอยู่ต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รักเพียงเพราะคำสัญญาของแม่ที่สัญญากับเพื่อนรักไว้ แถมผู้หญิงที่ต้องแต่งงานด้วยยังอ้วนเป็นหมูตอน พี่ขุนเองก็คงจะไม่ยินดีหรือสมัครใจหรอก
“ อยู่ด้วยกันไป เดี๋ยวก็รักกันเองแหละลูก...”
“ หนูดูตอนแม่กับพ่อสิ ตอนแต่งงานกันพ่อก็ไม่ได้รักแม่นะ...แล้วดูตอนนี้สิ แม่ไปไหนได้ที่ไหน พ่อเราหวงแม่อย่างกับอะไร....”
“ ก็แม่ทั้งสวยทั้งนิสัยดีนิ ยังไงพ่อก็ต้องรักแม่อยู่แล้ว...แต่แม่ดูหนูดิ อ้วนก็อ้วน สวยก็ไม่สวย ไม่ใช่สเป็คพี่เขาเลยสักนิด...คนเราเวลามองก็จะมองกันที่ภายนอกก่อนอยู่แล้วอะ....”
“อีฟ อีฟเชื่อแม่นะ...ความน่ารักของอีฟ ความเป็นอีฟ จะทำให้เจ้าขุนเขาเปิดใจรับอีฟแน่นอนลูก...”
“ แต่แม่...ความเป็นไปได้มันแทบจะ....”
“ ไปอาบน้ำได้แล้วหมูตอนของแม่....” แม่พูดก่อนจะตีก้นฉันเบาๆ แล้วดันตัวฉันให้ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ....
ฉันหน้ามุ่ยทันทีที่แม่พูดตัดบทไปซะอย่างนั้นแถมยังไม่ยอมฟังฉันอีก...ฉันยืนหันหลังพิงประตูห้องน้ำ ก่อนจะหลับตาอย่างคิดไม่ตก...ตั้งแต่ฉันกับพี่ขุนรู้ว่าทั้งฉัน และพี่เขาเราต่างก็ถูกหมั้นหมายกันไว้โดยผู้ใหญ่...ฉันกับพี่ขุนก็ทำตัวกันแทบจะไม่ถูก แต่ก่อนพี่ขุนเขาจะชอบแหย่ชอบแกล้งฉัน พอวันที่พี่เขารู้ว่าฉันกับพี่เขาเราถูกหมั้นหมายกัน พี่เขาก็เปลี่ยนไปเลย....
เปลี่ยนไปจนฉันรู้สึกแย่มากๆ
พี่เขากลายเป็นคนพูดน้อย เวลาเจอกันก็ไม่แหย่ฉันเหมือนเคย...เขาดูนิ่งไปเลย...แต่เวลาอยู่กับคนอื่นพี่เขาก็ยังเหมือนเดิมนะ แต่เหมือนเดิมกับคนอื่นอะ ไม่ได้เหมือนเดิมกับฉันไง....
ยิ่งเวลาเจอกันเป็นกลุ่มใหญ่ พี่เขาก็ดูแปลกไปมากๆ
เฮ้อออ ! ฉันควรจะทำยังไงดีนะ...
ฉันเลิกคิดก่อนจะรีบอาบน้ำแต่งตัว....พอฉันทำอะไรเสร็จ..ฉันก็เดินลงบันไดมาที่ฉันล่างก่อนจะพาตัวเองไปที่ห้องรับแขก และก็เห็นว่าร่างสูงกำลังนั่งคุยกับแม่เพื่อรอฉันอยู่...
“ น้องลงมาพอดีเลย...” แม่หันมาเห็นฉันก่อนจะพูดพร้อมกับหันไปยิ้มให้พี่ขุน พี่ขุนเองก็ยิ้มให้แม่ฉันนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินมาหาฉัน
“ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวพาอีฟไปก่อนนะครับ..”
“ แต่อีฟยังไมได้กินข้าวเลยนะ...” ฉันพูดโพล่งขึ้นไป เพราะฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย แถมยังรู้สึกหิวขึ้นมาแล้วด้วย...
เรื่องอื่นฉันพอยอมได้แต่เรื่องกินฉันไม่สามารถยอมได้ T^T
“ เดี๋ยวพี่พาไปกิน...” พี่ขุนหันมาพูดกับฉัน
ฉันจะไม่อะไรหรอก..ถ้าปลายน้ำเสียงพี่เขาไม่ดูเหวี่ยงๆ อะ....
“ ฝากน้องด้วยนะขุน...”
“ ครับ...” พี่ขุนพูดแค่นั้นก่อนจะยกมือสวัสดีเพื่อลาแม่ฉัน ก่อนที่พี่เขาจะเลื่อนมือมาจับมือฉันไว้...
และพอเดินมาถึงหน้าบ้านพี่เขาก็ปล่อยมือฉันทันที...
โคตรจะรู้สึไม่ดีเลยวะ....
ในรถ...
ระหว่างที่ฉันนั่งรถมากับพี่เขาก็ไม่มีบทสนทนาใดๆ ออกมาจากปากพี่เขาหรือปากฉัน ภายในรถตกอยู่ในความเงียบ และมันก็เงียบจนฉันได้ยินเสียงลมหายใจของฉันและก็พี่เขา....ฉันนั่งลูบมือตัวเองไปมาอย่างคิดไม่ตก และก็รู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ตอนนี้
และนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งที่พี่เขาเงียบใส่ฉัน เวลาที่ฉันต้องไปไหนมาไหนกับพี่ขุนเพราะผู้ใหญ่สั่ง แล้วพอขึ้นรถมาทั้งฉันและพี่ขุนเราก็ต่างตกอยู่ในความอึดอัดกันทั้งคู่แบบนี้....
และอีกอย่างเรื่องระหว่างฉันกับพี่ขุนก็ยังเป็นความลับอยู่ในกลุ่มฉันไม่มีใครรู้เลยว่าฉันกับพี่ขุนเราโดนจับเป็นคู่หมั้นกัน
“ พี่ขุน...” ฉันตัดสินใจพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“ ว่าไง...”
“ เรื่องระหว่างเราที่แม่ของพี่กับแม่ของอีฟตกลงกันอะ...พี่ไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้...”
“…………….”
“ เดี๋ยวอีฟจะไปคุยกับแม่เอง พี่ก็ไปคุยกับแม่พี่ว่าเราทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกอะไรกันแบบนั้น
" อีฟรู้ว่าพี่เองก็อึดอัด อีฟก็ด้วย อีฟเข้าใจการที่พี่ต้องถูกบังคับให้มาดูแลอีฟเพราะแม่พี่สั่งมันอึดอัดมากแค่ไหน"
" คิดมาก..."
" อีฟมั่นใจว่าอีฟไม่ได้คิดมากแต่อีฟรับรู้ถึงการเปลี่ยนไปของพี่"
“……………”
“ อีฟก็ไม่ได้รู้สึกยินดีหรือดีใจเลยที่เราจะต้องมาโดนจับคู่กันแบบนี้...และอีฟก็รู้ว่าพี่ก็หวงชีวิตโสดของพี่แค่ไหน...”
“……………”
“ อีฟรู้นะว่าสเปคสาวของพี่มันสูงแค่ไหน พี่เองก็อายที่จะต้องมาเดินคู่กับยัยอ้วนแบบอีฟ...อีฟรู้ว่ามันน่าอายแค่ไหนที่เวลาคนอื่นเขามองเราทั้งคู่เวลาเดินด้วยกัน...” พอพูดไปแบบนั้น ฉันก็รู้สึกอย่างร้องไห้ขึ้นมาทันที
แค่เพราะฉันอ้วนมันก็มีข้อจำกันหลายๆ อย่าง ฉันอยากมีความมั่นใจ อยากทำอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องสนว่าคนอื่นจะมองยังไง แต่ฉันก็ทำไม่ได้ นิสัยคนเราไม่เหมือนกัน คนรูปร่างอ้วนบางคนอาจจะมีความมั่นใจ แต่สำหรับฉันมันไม่เหมือนกัน ฉันเป็นคนพูดเก่ง เอาตรงๆ ก็ดีแค่ปากแหละ ปากฉันไม่แคร์ ไม่สนใจ แต่จริงๆ ในใจฉัน ฉันมันก็แค่คนขี้ขลาดที่ขาดความมั่นใจในรูปร่าง และน่าตาตัวเอง
“ คิดอะไรแบบนั้น...” ฉันหันไปมองพี่ขุนทันทีเมื่อได้ยินพี่เขาพูดแบบนั้น และที่ทำให้ฉันเริ่มใจชื้นขึ้นมาก็เพราะพี่เขาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงติดเล่นนิดๆ เหมือนแต่ก่อน
" ก็พี่เปลี่ยนไป..."
“ พี่แค่ไม่รู้จะทำตัวยังไง จู่ๆ น้องที่เคยแกล้งตลอดกลายมาเป็นคู่หมั้น มันก็แปลกๆ... ”
“ พี่ยอมรับว่าพี่ไม่ได้รู้สึกกับเราเกินคำว่าน้องเลยอะ...พอเจอแบบนั้นเข้าไปก็ทำตัวไม่ถูกว่ะ...และเรื่องหมั้นพี่ก็คิดอยู่ว่าพี่จะคุยกับแม่ของพี่...”
“ เพราะเราทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกัน และการที่พี่จะรักเราในแบบอื่นมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยว่ะ และเราเองก็คงไม่ได้รักพี่อะ เพราะเราก็รู้สันดานของพี่ถูกไหม...”
“ อืม อีฟรู้....” ฉันพูดก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ในใจมันก็จุกแหละเพราะสิ่งที่พี่ขุนพูดมันก็จริงในส่วนของพี่เขา แต่ส่วนของฉันมันไม่ใช่เพราะฉันแอบชอบพี่เขามาตั้งนานแล้ว...
ตอนที่ฉันรู้ว่าฉันกับพี่เขาเราเป็นคู่หมั้นกัน แวบแรกในใจคือดีใจจนเนื้อเต้น แต่พอเห็นพี่ขุนความดีใจมันก็หายไปเพราะฉันก็มาคิดได้ว่าการที่คนเราถูกบังคับให้หมั้นกับคนที่ไม่ได้รักมันแย่แค่ไหน
“ เป็นไรอะ ? ร้องไห้หรอ....” พี่ขุนถามด้วยน้ำเสียงตกใจก่อนจะตบไฟเลี้ยวจอดข้างทางทันที
“………..” ฉันเบือนหน้าออกไปอีกทางก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาตัวเองออก
หงุดหงิดตัวเองเป็นบ้าที่จู่ๆ ก็เกิดบ่อน้ำตาตื้นขึ้นมาซะอย่างนั้น
“ อีฟ...อีฟหันหน้ามาหาพี่...”
“ ไม่พี่ขุน อีฟไม่ได้เป็นไรแล้ว อึก !...”
“ อีฟ.. ” พี่ขุนพูดก่อนจะรั้งหน้าฉันให้กลับไปหาพี่เขา ฉันพยายามกลั้นน้ำตากลั้นสะอื้นแต่ยิ่งเห็นท่าทางพี่เขาที่ดูเหมือนจะห่วงฉันมันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้
ที่ฉันร้องไห้เพราะตอนแรกฉันรู้สึกอึดอัดที่พี่เขาเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้ฉันร้องไห้เพราะอะไรฉันก็บอกไม่ถูก มันเหมือนว่าก่อนหน้านี้ฉันอึดอัด อึดอัดมากๆ แล้วพอวันนี้พี่เขากลับมาพูดดีกับฉันกลับมาทำเหมือนเดิมกับฉัน มันเหมือนได้ยกความรู้สึกอะไรไม่รู้ออกไปจากใจ
“ ฟังพี่...พี่ขอโทษ พี่ไม่เคยรังเกียจอีฟ ไม่เคยคิดแบบนั้น พี่คิดว่าถ้าพี่รักใครสักคนมันต้องเป็นรักที่เกิดจากความรู้สึกที่พี่รักจริงๆ หรือแม้แต่จะแต่งงาน พี่ก็อยากแต่งกับคนที่พี่รักเขา และเขาก็รักพี่...แต่ตอนนี้พี่ยังไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น ”
“ พี่สนุกกับชีวิตตอนนี้ รักชีวิตตอนนี้ของตัวเองมากๆ ”
“ และที่สำคัญที่สุด พี่รู้สึกกับอีฟแบบน้องสาวคนนั้น และพี่ก็คิดว่าอีฟก็น่าจะรู้สึกแบบนั้น...”
“ หรือเราจะมารักผู้ชายอย่างพี่อะ...” พี่ขุนถามพร้อมกับสบตาฉันอย่างต้องการคำตอบ ฉันเองก็ทำหน้าไม่ถูกไม่รู้จะตอบยังไง
“ บ้าสิ อีฟจะรักพี่ยังไงไหว รู้ไส้ขนาดนั้นอะ...”
“ เออเห็นปะ...แล้วสรุปร้องไห้ไม ? ”
“ อีฟจะเป็นประจำเดือน...” ฉันพูดก่อนจะเอาหน้าตัวเองออกมาจากมือพี่เขา แต่พี่ขุนก็ไม่วายจับหน้าฉันไว้ทั้งสองข้างอีก
และแถมพี่เขายังบีบแก้มฉันจนปากยู่ไปหมดแล้ว
“ พี่ขอโทษถ้าทำให้รู้สึกแย่แบบนั้น พี่ไม่เคยคิดแบบนั้นเลยจริงๆ พี่รักอีฟเหมือนอีฟเป็นน้องสาวพี่คนนึง...”พอได้ยินพี่ขุนพูดออกมาแบบนั้นต่อมน้ำตาฉันก็ทำงานอีกรอบทันที
อย่า อย่าไหลออกมานะ อย่าเชียวนะ
แหมะ
แต่เหมือนคำร้องขอของฉันจะไม่เป็นผล เพราะน้ำตาฉันมันค่อยๆ ไหลออกมาและสุดท้ายก็หยดลงไปโดนมือพี่ขุนที่ประคองแก้มฉันอยู่ ฉันผละหน้าตัวเองออกจากมือพี่เขาอีกรอบก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาตัวเอง แต่ยิ่งเช็ดมันออกเท่าไหร่ น้ำตามันก็บยิ่งไหลเพิ่มและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วย
“ มานี่มา...” พี่ขุนพูดแค่นั้นก่อนจะดึงตัวฉันเข้าไปกอดไว้พร้อมกับลูบหัวฉันเบาๆ ยิ่งพี่เขาทำแบบนั้น ฉันก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
ที่ฉันร้องไห้ เป็นเพราะฉันทั้งเสียใจและก็ดีใจ ฉันเสียใจทั้งๆ ที่ฉันรู้คำตอบอยู่แล้วว่าพี่เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉัน แต่ที่ฉันดีใจเพราะอย่างน้อยๆ ฉันก็ได้เป็นคนสำคัญของพี่เขาในฐานะน้องสาวคนนึง
" โอ๋ๆ ไออ้วนของพี่ พี่ขอโทษนะ " พี่ขุนพูดพร้อมกับลูบหัวฉันไปมาอย่างต้องการปลอบประโลมฉัน และฉันแม่งก็ร้องไห้หนักกว่าเดิมอีกไง
" ฮึกก ฮืออ ฮึก ! "
“ เอาจริงปะ ตอนนี้เหมือนพี่กำลังกอดแม่อยู่เลยอะ...”
“ พี่ขุน ! ”
ป๊าบ !!
ฉันรีบผละออกจากอกพี่ขุนก่อนจะฟาดมือลงที่ไหล่พี่เขาอย่างแรง จากที่ร้องๆ อยู่คือจบเลย พูดออกมาทีนึงคือหมดเลย ( ̄□ ̄)
“ เลิกร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวพี่พาไปกินของหวาน...”
“ เลี้ยงด้วย...”
“ ได้เลยครับนายหญิง...” พี่ขุนพูดพร้อมกับโยกหัวฉันไปมาเบาๆ ก่อนจะรีบออกรถไปยังจุดหมายที่พี่เขาจะพาฉันไป...ตลอดทางฉันนั่งคิดถึงเรื่องของฉันกับพี่เขามาตลอด ฉันไม่รู้ว่ามันออกมาเป็นรูปแบบนี้ได้ยังไง แต่ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องคุยกับแม่เรื่องการหมั้นหมายของฉันกับพี่เขาว่าควรจะยกเลิกไป เพราะพี่เขากับฉันเราไม่ได้รักกัน
มันเป็นแค่ฉันที่รักพี่เขาฝ่ายเดียว