บทนำ

1324 Words
ปฐมบท               ไร่ปานสิงค์               “นี่คือราชาวดีนะภูมิ ต่อไปนี้น้องจะมาเป็นน้องสาวของภูมินะลูก สองคนเป็นพี่น้องกันภูมิต้องรักและดูแลน้องให้ดีในฐานะพี่ชายรู้ไหมครับ” ทุกๆ คำบอกเล่าของมารดาส่งผลต่อเด็กชายวัยแปดขวบที่กำลังจดจ้องมองไปยังเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่กำลังยืนหลบหลังของท่านให้ต้องพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น รอยยิ้มของเขาเหมือนกับแสงแดดยามเช้า ที่มันสะท้อนลงกลางใจเด็กหญิงเมื่อเห็น             “สวัสดีครับน้องพรีม พี่ชื่อภูมินะครับ…” เสียงอ่อนโยนที่ร้องบอกพร้อมกับสองมือที่เอื้อมไปสัมผัสปลายผมสีดำสนิททำให้เด็กสาวที่กำลังหวาดกลัวต่อทุกสิ่งแปลกใหม่ตรงหน้ายิ้มออกก่อนจะยอมส่งมือไปให้ ‘พี่ชาย’ ต่างสายเลือดของตนเอง ภาพของสองพี่น้องสร้างความสุขล้นแก่คุณหญิงวารีเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็น นางคิดไม่ผิดเลยจริงๆ ที่รับเอาตัว ‘ราชาวดี’ มาจากบ้านเด็กกำพร้า เพราะเด็กน้อยสามารถเข้ากันกับทุกคนภายในไร่ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าตอนแรกๆ   อาจจะหวาดกลัวไปบ้างแต่ท่านก็เชื่อว่าเวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง             นางกับสามีมีโอกาสได้ไปเลี้ยงอาหารที่นั่นจนได้พบกับเด็กน้อยที่นั่งขดตัวอยู่ในมุมมืดตามลำพัง เมื่อไถ่ถามเจ้าหน้าที่จึงได้ทราบว่าราชาวดีถูกนำมาทิ้งเอาไว้ที่นั่นตั้งแต่แรกเกิด เด็กน้อยไม่เคยได้สัมผัสถึงความรักของพ่อและแม่มาก่อนในชีวิต อีกทั้งยังมีนิสัยพูดน้อยชอบเก็บตัวจึงทำให้เธอเข้ากับเพื่อนคนอื่นไม่ค่อยได้อย่างที่ควร             ยิ่งเมื่อได้เห็นก็ยิ่งสะท้อนหัวใจของคนที่อยากมีลูกสาวใจแทบขาดแต่ก็มีไม่ได้เพราะมดลูกเสื่อมซะก่อนที่นางและสามีจะสมดั่งใจ นางจึงกลับมาปรึกษาสามีเรื่องจะรับเด็กสาวมาเลี้ยงเป็นลูกซึ่งคุณไตรภพก็ยอมตามใจภรรยาด้วยเห็นว่าอีกฝ่ายอยากมีลูกสาว นั่นจึงทำให้สองสามีภรรยาตัดสินใจกลับไปบ้านเด็กกำพร้าอีกครั้งก่อนจะทำเรื่องขอรับเลี้ยงดูเด็กหญิงราชาวดีจนทุกอย่างผ่านพ้นได้ด้วยดี             และวันนี้ก็เป็นวันแรกที่เด็กสาวต้องย้ายมาอยู่ในไร่ ปานสิงค์ ไร่กุหลาบชื่อดังที่กินพื้นพี่เป็นพันๆ ไร่สุดลูกหูลูกตา ทุกๆ คนต่างตื่นเต้นกับการมาของเด็กน้อยไม่เว้นแต่ภูมินทร์ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของทั้งคู่  ที่ดูมีความสุขมากกว่าใครที่ได้น้องสาว             “กุหลาบสีสวยจังเลยค่ะ” ราชาวดีเอ่ยขึ้นเมื่อพี่ชายยื่นเอากุหลาบสีแดงหนึ่งดอกที่เตรียมไว้ออกมาพร้อมทั้งยื่นส่งมันให้กับเธอ             “นี่! พี่ให้น้องพรีมครับ อยากไปดูทางนู้นไหมมีกุหลาบสวยๆ เยอะเลยนะ” เด็กสาวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มสดใสแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันกลับไปหาบุคคลอีกสองคนที่อยู่ไม่ไหลเพื่อขออนุญาตท่านทั้งสอง             “ไปสิจ๊ะพรีม ดูแลน้องด้วยนะลูกภูมิ”             “ได้ครับคุณแม่ ภูมิสัญญาว่าจะดูแลน้องพรีมเอง คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ”คนเป็นพ่อและแม่ยิ้มรับก่อนจะจ้องมองเด็กทั้งสองที่จูงมือเดินหายไปไกลอย่างมีความสุขที่เด็กทั้งสองคนดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดเอาไว้ ด้านภูมินทร์เองก็ดูท่าจะรักน้อง             “ขอบคุณมากนะคะคุณพี่ที่อนุญาตให้ยัยพรีมมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา รีมีความสุขมากเลยค่ะ” คุณวารีเอ่ยขอบคุณสามีที่ไม่ว่านางจะต้องการสิ่งใดคุณไตรภพก็ไม่เคยที่จะขัดใจเลยสักครั้งแถมยังคอยให้การสนับสนุนในทุกๆ สิ่งเรื่อยมาจนนางรักและเทิดทูนสามีคนนี้เหนือสิ่งอื่นใดในโลก นอกจากสามีแล้วก็ยังมีภูมินทร์ลูกชายอีกคนที่นางรักและอยากมอบสิ่งดีๆให้เขาไม่เว้นแม้แต่น้องสาวคนใหม่ที่ดูเหมือนจะกลายเป็นที่รักของใครๆ โดยง่าย             “ผมทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของคุณ ลูกๆ ดูเข้ากันได้ดีนะคุณหญิงว่าไหม ตาภูมิเองก็ดูเหมือนจะดีใจที่ได้น้องสาวซะด้วยสิ” คุณไตรภพออกความคิดเห็นไปตามความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า ภาพของลูกชายที่กำลังจูงมือน้องสาวคนใหม่เดินเล่นนั้นทำให้เขาและภรรยามีความสุขที่เด็กสองคนดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีมากกว่าที่คิดไว้ เพราะว่านั่นมันคือสิ่งเดียวที่เขาและภรรยาค่อนข้างเป็นกังวลทีเดียว             “นั่นสิคะ เห็นได้แบบนี้รีก็ค่อยเบาใจหน่อย ถ้าพรุ่งนี้ตายไปก็คงไม่มีห่วงอะไรแล้วแล้วละค่ะคุณพี่” ใครเลยจะคิดว่าหลังจากประโยคนี้สิ้นสุดเพียงแค่หนึ่งวันจะเกิดเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นกับคนทั้งคู่ เรื่องบางอย่างที่มันได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่             จุดเปลี่ยนที่คงไม่มีวันหวนกลับมาเป็นดั่งเดิมได้อีกต่อไป… 15 ปีต่อมา             ไร่ปานสิงค์ กำลังวุ่นวายกับงานครบรอบ ‘วันตาย’ ของอดีตเจ้าของไร่ทั้งสองคนที่มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุทำให้ภูมินทร์ลูกชายจำต้องขึ้นมาเป็นเจ้าของคนใหม่สืบต่อผู้เป็นพ่อ เขาต้องเรียนรู้ทุกๆ สิ่งในวัยเพียงแปดขวบเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้ใครต่อใครต่างพากันตกใจก็คือเขากลับทำมันได้ดีจนทำให้ไร่สามารถเจริญเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้ อีกทั้งความสามารถในการปกครองคนชายหนุ่มก็ทำมันได้ดีจนกลายเป็นที่ยอมรับของคนงานชายหญิงที่ต่างพากันยกย่องในความเที่ยงธรรมของเขาที่ต่างมอบให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน             “พระมาแล้วค่ะคุณภูมิ จะให้ป้าไปตามคุณพรีมเลยไหมคะ” นางชื่น แม่บ้านวัยชราถามก่อนจะมองไปยังห้องนอนของคุณหนูคนเล็กของไร่   ที่จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมออกมาจากห้องนอนของตัวเอง             “ไม่ต้องหรอกครับป้าชื่น เดี๋ยวผมไปตามเอง” ภูมินทร์ว่าตอบก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากบ้านไปเพราะเขารู้ดีว่าในวันนี้ของทุกปี ราชาวดี  น้องสาวตัวแสบของตัวเองมักจะหายไปอยู่ที่ๆ หนึ่งอยู่เสมอ             ใช้เวลาไม่นานเขามาก็ถึงเนินเขาที่อยู่ท้ายไร่ ซึ่งตอนนี้มีร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบสี่กำลังนั่งอยู่หน้าหลุมศพของพ่อกับแม่ตามลำพัง เสียงเหยียบใบไม้จากด้านหลังทำให้เธอต้องหันมามอง “พี่ภูมิ” ราชาวดีเอ่ยเรียกพี่ชายทั้งน้ำตาก่อนจะโผเข้ากอดอีกฝ่ายเมื่อภูมินทร์เดินเข้ามาหา ไม่มีเลยสักปีที่ทั้งสองจะทำใจกับเหตุการณ์ในวันนั้นได้ เธอจำได้ว่าหลังจากที่ได้เช้ามาอยู่ในไร่แค่หนึ่งวันพ่อและแม่บุญธรรมก็มาด่วนจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนตร์ หญิงสาวโทษว่าทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอที่เป็นตัวซวยของครอบครัว “อย่าร้องสิพรีม คุณพ่อกับคุณแม่จะว่าเอาได้ว่าพี่ดูแลเราไม่ดี วันนี้เป็นวันสำคัญของพวกท่าน พี่ว่าท่านคงอยากเห็นพรีมยิ้มมากกว่า พี่เองก็อยากเห็นพรีมยิ้มด้วยเหมือนกัน” หญิงสาวรับคำด้วยรอยยิ้มแสนหวาน   ก่อนจะหันไปมองหลุมศพผู้มีพระคุณอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD