ความโหดร้ายของโชคชะตา

4173 Words
เสียงกระแทกของประตูที่ถูกเปิดออกดังก้องในความมืด มีนาเกาะอยู่ในมุมห้อง ขณะมือของพวกเขายื่นออกมาจับเธอไว้ เธอรู้สึกถึงแรงกดดันและความกลัวที่กัดกินทุกส่วนของร่างกาย ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะพังทลาย “ทำไมต้องทำแบบนี้!” มีนาตะโกนออกมาเสียงสั่นเครือ แต่คำพูดของเธอกลับถูกกลบด้วยเสียงฝีเท้าของพวกเขาที่ดังขึ้นใกล้เข้ามา มือที่แข็งแกร่งจับข้อมือของเธออย่างแน่นหนา การดิ้นรนของเธอทำได้เพียงแค่พยายามจะหลุดออก แต่การต่อสู้ของเธอกลับไม่มีทางชนะ “เงียบ!” เสียงของผู้นำกลุ่มดังก้องเข้ามาในหูของเธอ มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็นและอำนาจ ความรู้สึกของการถูกจับกุมและไม่สามารถหนีได้ทำให้หัวใจของมีนาคล้ายจะหยุดเต้น เธอได้ยินเสียงเหล็กดังกระทบกัน การเปิดและปิดประตู และเสียงกระซิบของคำสั่งที่ถูกส่งผ่านความมืด ท่ามกลางความโกลาหลนี้ มีนาเริ่มรู้สึกว่าความหวังของเธอกำลังจะหมดไป เมื่อประตูปิดลงอีกครั้ง มีนาพยายามสงบสติและหาทางออก แต่ความรู้สึกของความกลัวที่แผ่ขยายออกมานั้นทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกจมอยู่ในความมืดมิดที่ไม่รู้ว่าจะมีทางรอดหรือไม่ ภายในรถมินิบัส ถุงคลุมหัวที่ถูกดึงลงมาปิดบังทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้มีนาหายใจไม่สะดวก ความมืดมิดที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้เธอไม่สามารถเห็นอะไรเลย สัมผัสของถุงที่หนาทึบและยืดหยุ่นทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกพันธนาการในความมืดที่ไร้ขอบเขต “ปล่อยฉันเถอะ!” เสียงของเธอดังออกมาผ่านทางผ้าที่คลุมอยู่ แต่เสียงของเธอถูกรบกวนด้วยความรู้สึกของความมืดและการขาดอากาศที่เพิ่มขึ้น ทุกๆ วินาทีที่ผ่านไปเหมือนจะยืดเยื้อยาวนานอย่างไม่สิ้นสุด มือของเธอพยายามขยับเพื่อดึงถุงออก แต่การเคลื่อนไหวของเธอกลับไม่มีทางทำให้ถุงหลุดออกไป ความรู้สึกของการถูกปิดกั้นทำให้เธอเริ่มรู้สึกถึงความเครียดที่เพิ่มมากขึ้น “ใคร? คุณจะทำอะไรกับฉัน?” เธอตะโกนด้วยเสียงที่สั่นเครือ แต่คำถามของเธอกลับไม่มีการตอบรับ อากาศที่ผ่านทางถุงยังคงหนาแน่นและทำให้การหายใจของเธอไม่สะดวก เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและแสนยาวนาน มีนารู้สึกถึงความสับสนและความกลัวที่กัดกินใจ ความรู้สึกที่เหมือนเวลาไม่มีการเคลื่อนไหว ความมืดที่เต็มไปด้วยความเงียบสงัดทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในหลุมอากาศที่ไม่รู้จะหลุดพ้นไปได้อย่างไร ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวของรถ ความรู้สึกของการถูกโยนไปมาทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็วขึ้น การไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหนและไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปทำให้เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลาย เมื่อรถหยุดและประตูเปิดออก มีนาได้ยินเสียงของฝีเท้ากระทบพื้นและเสียงที่พูดคุยกันอย่างไม่ชัดเจน เธอพยายามรวบรวมความกล้าและสติ แต่ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ในความมืดมิดและเงียบสงัด “พวกแกต้องการอะไร?” มีนาตะโกนออกไปด้วยความวิตกกังวล “ต้องการเงินเหรอ? พ่อฉันมีเงิน! โทรหาพ่อฉัน! เขาจะจ่ายเงินให้พวกแก!” เสียงของเธอเต็มไปด้วยความหวังและความเครียด ความพยายามในการเรียกร้องให้พวกเขาติดต่อพ่อของเธอนั้นเป็นความหวังสุดท้ายที่เธอมี แต่เสียงของเธอกลับสะท้อนในความมืดและเงียบสงัดของห้อง “ปล่อยฉันไปเถอะ!” เธอร้องขอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉันจะทำตามที่พวกแกต้องการทุกอย่าง! ขอแค่ปล่อยฉันไป!” เธอพยายามรวบรวมความกล้าและความสงบในการพูด แต่คำร้องของเธอกลับไม่มีการตอบรับ สิ่งที่เธอได้รับคือความเงียบที่กดดันและทำให้รู้สึกถึงการโดดเดี่ยวที่เพิ่มมากขึ้น มีนาตื่นขึ้นมาจากการหลับลึกโดยรู้สึกถึงความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าที่แผ่ไปทั่วร่างกาย ความมืดยังคงอยู่รอบตัวเธอ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมา เธอก็เริ่มรู้สึกถึงความจริงของสถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่ เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ในกรงขังไม้ที่มืดทึบ เสียงไม้ครูดและการเคลื่อนไหวที่เบาบางรอบตัวทำให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียว เธอลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆ สถานที่ที่เป็นกรงขังซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ และแข็งแรง กรงขังที่มีนาอยู่เต็มไปด้วยเฉลยที่นอนอยู่ในมุมต่างๆ พวกเขามีท่าทางที่เหนื่อยล้าและสิ้นหวัง เหล่าผู้ที่ถูกขังรวมตัวอยู่ในพื้นที่จำกัดทำให้บรรยากาศรู้สึกหนักหน่วงและน่าสะพรึงกลัว มีนาเงยหน้าขึ้นและพยายามสังเกตสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย เธอเห็นแสงสลัวๆ ที่ลอดผ่านช่องกรงไม้ บางครั้งเสียงกระซิบและการเคลื่อนไหวของเฉลยที่มีอาการคล้ายๆ กันทำให้เธอรู้สึกถึงความเศร้าและความท้อแท้ที่ปกคลุมอยู่ในที่แห่งนี้ “นี่มันที่ไหน?” มีนาถามออกไปเสียงแผ่วเบา การถามคำถามนั้นเป็นเพียงความพยายามในการหาทางออกจากสถานการณ์ที่ไม่มีความหวัง เธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังและความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้น เมื่อเธอเริ่มหันไปหาผู้ที่นอนอยู่รอบๆ เธอพบว่ามีคนบางคนเงยหน้าขึ้นมาและมองเธอด้วยความสงสัยและความเห็นใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมาก่อน “เธอก็มาอยู่ที่นี่แล้ว” หนึ่งในผู้ที่ถูกขังพูดขึ้นด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและความผิดหวัง “เหมือนกับพวกเรา” เสียงของเขาเป็นการยืนยันถึงความจริงที่มีนาเพิ่งรู้สึกได้—เธอเป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มคนที่ถูกขังอยู่ในกรงนี้ และสถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่นั้นมีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยความยากลำบาก แสงอาทิตย์เริ่มแทรกผ่านช่องกรงไม้ สาดส่องเข้าสู่พื้นที่ที่เต็มไปด้วยความเศร้าและความท้อแท้ ความสว่างของยามเช้าตัดกับความมืดที่เกาะอยู่ในใจของมีนา เธอรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเห็นความสว่างที่ส่องเข้ามาในกรงขัง เธอเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจที่กดทับอยู่ในตัวเอง น้ำตาเริ่มไหลลงมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ เธอไม่สามารถยับยั้งความเศร้าและความหวาดกลัวที่ท่วมท้นหัวใจของเธอ “พ่อ… ช่วยหนูด้วย…” เธอพูดเบาๆ กับตัวเองในขณะที่น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ความคิดถึงพ่อของเธอทำให้ความรู้สึกของเธอทวีความรุนแรงมากขึ้น เสียงร้องไห้ของมีนาในความสะลัวของยามเช้าดูเหมือนจะกลายเป็นความหวังที่ห่างไกล เธอรู้ว่าพ่อของเธอคงไม่มีทางรู้ว่าลูกสาวของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ แต่ความคิดถึงพ่อทำให้เธอรู้สึกถึงการถูกทิ้งอยู่ในที่ที่ไม่สามารถหนีได้ “พ่อ… ทำไมพ่อไม่มาที่นี่?” เธอร้องไห้ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความรู้สึกของการถูกทิ้งและการไม่รู้ว่าจะไปหันหน้าไปทางไหนทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ น้ำตาของเธอไหลลงมาจนเปื้อนใบหน้า และเสียงสะอื้นของเธอก็เงียบลงในความเงียบของห้อง เมื่อการร้องไห้ของเธอหยุดลง ในขณะที่มีนานั่งร้องไห้อยู่ในมุมของกรงขังไม้ สาวชาวบ้านที่นอนอยู่ในอีกมุมหนึ่งของกรงขังเริ่มขยับตัวอย่างลุกลี้ลุกลน เธอแสดงออกถึงความวิตกกังวลอย่างชัดเจน และดูเหมือนจะพยายามเข้ามาใกล้มีนาอย่างระมัดระวัง “คุณ!” เสียงของสาวชาวบ้านนั้นเบาและเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย เธอค่อยๆ เข้ามาหามีนาและยกมือขึ้นมาห้ามไม่ให้มีนาพูดเสียงดัง “อย่าเสียงดัง! เดี๋ยวพวกมันจะกลับมาทำร้ายเรา!” สาวชาวบ้านมีท่าทางที่เหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความกลัว ดวงตาของเธอจับจ้องไปรอบๆ อย่างไม่สบายใจเพื่อให้แน่ใจว่าความเงียบสงบยังคงอยู่ในกรงขัง เธอเข้ามาใกล้จนมีนาแทบจะสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเธอ “พวกมัน...” สาวชาวบ้านกระซิบเสียงแผ่ว “พวกมันจะกลับมาอีกไม่นาน พวกมันไม่ชอบเสียงดัง คุณต้องพยายามเงียบไว้ อย่าให้พวกมันได้ยินเรา” น้ำเสียงของสาวชาวบ้านเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความกลัว การพูดถึง "พวกมัน" ที่จะกลับมาทำให้มีนารู้สึกถึงความอันตรายที่คืบคลานเข้ามาใกล้ เธอพยักหน้าและพยายามกลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองให้เบาที่สุด “ฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นใคร แต่ฟังฉันเถอะ” สาวชาวบ้านกล่าวเสียงแผ่ว “เราต้องอดทนและหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ พวกมันจะกลับมาเร็วๆ นี้” แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในกรงขังไม้ ทำให้ความมืดที่แผ่ปกคลุมเริ่มจางหายไป ความสว่างของยามเช้าส่งแสงผ่านช่องกรงไม้เผยให้เห็นภาพของตลาดที่คึกคักภายนอก เมื่อมีนาเปิดตามองออกไป ภาพที่เห็นทำให้เธอรู้สึกถึงความตกตะลึงและความสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน กรงขังที่เธออยู่ตั้งอยู่ท่ามกลางตลาดที่คึกคักในขุนเขา มีชาวบ้านที่มานั่งขายของป่านานาชนิดเรียงรายอยู่รอบๆ ตลาดนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและสีสัน มีพ่อค้าแม่ค้าที่ตะโกนเรียกลูกค้าและเสนอขายสินค้าท้องถิ่น เช่น สมุนไพรป่า ผลไม้แปลกๆ และเครื่องมือการเกษตรที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เสียงพูดคุยของชาวบ้านผสมกับเสียงการแลกเปลี่ยนสินค้าทำให้บรรยากาศมีความคึกคักและเต็มไปด้วยชีวิต ขณะที่มีนามองออกไปจากกรงขัง เธอเห็นผู้คนเดินผ่านไปมา ชาวบ้านที่มีท่าทางสุขสบายและใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่สนใจกรงขังที่ตั้งอยู่กลางตลาด ในขณะที่พวกเขาต่างยุ่งอยู่กับการซื้อขายและพูดคุยกัน “ทำไมไม่มีใครช่วยเรา?” มีนาพูดกับตัวเองเสียงเบา เมื่อเห็นภาพที่ขัดแย้งกันระหว่างความปกติของชีวิตภายนอกและความทุกข์ทรมานที่เธอกำลังเผชิญอยู่ในกรงขัง สาวชาวบ้านที่นั่งอยู่ใกล้ๆ หันมามองมีนาและกล่าวเสียงแผ่ว “พวกเขาอาจกลัวที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพวกมัน” หัวหน้าโจร: ยืนอยู่บนแท่นกลางสนามประมูล ตะโกนเสียงดัง "ฟังให้ดีๆ ทุกคน! ตอนนี้ถึงเวลาของจริงแล้ว! มาๆ กันเถอะ!" เสียงฝูงชน: ส่งเสียงฮือฮาและกระซิบกันในฝูงชน "มาดูสิ! ของดีๆ มาแล้ว!" หัวหน้าโจร: ตะโกนเสียงดัง "เราจะเริ่มการประมูลเดี๋ยวนี้แหละ! ของที่เรามีวันนี้มีค่าสูงลิบ! ไม่ควรพลาด!" มีนา: ยืนอยู่ในมุมมืดของกรงขัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก "ประมูล? ฉันต้องถูกประมูลด้วยเหรอ?" หัวหน้าโจร: ตะโกนอีกครั้ง "มาๆ ทุกคน! อย่าช้า! ของที่เรามีวันนี้มันเด็ดจริงๆ! เสียงตะโกนของพ่อค้าและเสียงตบมือจากผู้ที่ชนะการประมูลดังลั่น ตลาดเริ่มมีความคึกคักอย่างผิดปกติ พร้อมกับเสียงร้องไห้และการขอความช่วยเหลือที่แทรกซ้อนอยู่ในความวุ่นวาย มีนาสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดในอากาศเมื่อชาวบ้านในกรงขังทยอยถูกลากออกไปทีละคน การประมูลเริ่มขึ้นและเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากผู้ถูกจับกลายเป็นเพลงประสานกับเสียงการประมูล “ปล่อยฉันไป!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น “อย่าทำร้ายฉัน!” เสียงคำขอความช่วยเหลือที่เจือด้วยความสิ้นหวังนั้นมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวที่โกลาหลของสมุนโจร มีผู้คนมากมายรายล้อมอยู่รอบๆตลาดที่เข้ามาดูการประมูล พวกเขาหมายตาสิ้นค้าที่ว่าที่อยู่ในกรงไม้และการเลือกซื้อที่ไร้ความปรานี “ช่วยฉันด้วย!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ถูกลากออกไปดังขึ้น “ไม่! อย่า!” การกระทำของพวกเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย สมุนโจรบางคนไม่ลังเลที่จะใช้กำลังในการควบคุมผู้ที่ต้านทาน การจับตัวและลากออกไปอย่างรุนแรงทำให้มีนารู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ท่วมท้น สาวชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ มีนาพยายามพูดเสียงต่ำ แต่ไม่สามารถปกปิดความวิตกกังวลของเธอได้ “พวกมันจะไม่หยุดจนกว่าทุกคนจะถูกขายออกไปหมด ถ้าพวกมันเห็นเราพูดเสียงดังหรือเคลื่อนไหว…” เธอหยุดพูดเมื่อเสียงดังขึ้นจากการประมูลอีกครั้ง เสียงของพวกมันชัดเจนและดุดัน “หุบปาก!” เสียงของสมุนโจรคนหนึ่งตะโกน “ใครทำเสียงดังจะเชือดทั้งซะให้หมด!” มีนาได้ยินเสียงปืนและเสียงแหลมของวัตถุต่างๆ ถูกทุบกระแทกลงบนพื้นอย่างไม่ปราณี สถานการณ์ในกรงขังนั้นเต็มไปด้วยความโหดร้ายและความไร้ความปรานี เมื่อเสียงของคนที่ถูกซื้อไปจางลงและกลายเป็นความเงียบสงัดในกรงขัง มีนา: น้ำตาไหลและเสียงสั่น "ไม่! ฉันไม่ต้องการ! ขอร้องเถอะ... อย่าทำกับฉันแบบนี้ ติดต่อพ่อฉัน พ่อฉันมีเงิน" หัวหน้าโจร: ยิ้มอย่างร้ายกาจ "ขอร้อง? ฮ่าฮ่า! ที่นี่ไม่มีที่ให้ขอร้องหรอก เธอจะต้องดูว่าใครจะจ่ายมากที่สุด!" หัวหน้าโจร: ตะโกนสุดเสียง "เริ่มการประมูลเลย! ใครจะเป็นคนเสนอราคาสูงสุด? มาดูกัน!" “เงียบ!” หัวหน้าโจรตะโกนด้วยเสียงที่ดังก้องไปทั่วตลาด เสียงของเขาดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือเสียงอื่นๆ ทำให้ทุกคนต้องหยุดฟัง หัวหน้าใจรที่ยืนอยู่ร้องตะโกนเพื่อให้ทุกคนหยุดพูด เพื่อให้ความเงียบปกคลุม ก่อนที่เขาจะพูดต่อด้วยความมั่นใจ “วันนี้เรามีของดีสุดพิเศษ! สาวน้อยคนเมืองแสนสวย และที่สำคัญบริสุทธ์อยู่—เธอคือของที่ดีที่สุดที่เรามี!” หัวหน้าโจรชี้ไปที่กรงขังที่มีนาอยู่ ความรู้สึกของความพอใจและความเหี้ยมโหดของมันแสดงออกชัดเจน เมื่อเห็นความหวาดกลัวและความสิ้นหวังบนใบหน้าของมีนา “วันนี้จะเริ่มที่ห้าหมื่น!” เขาตะโกนด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ใครสนใจซื้อสาวสวยนี้ ขอให้เสนอราคาสูงที่สุด!” เสียงการประมูลเริ่มต้นขึ้นทันที เสียงตะโกนของผู้ซื้อดังขึ้นในตลาด พวกเขาตั้งใจฟังการประกาศของหัวหน้าโจรและเตรียมตัวสำหรับการประมูล “ห้าหมื่น!” เสียงของผู้ซื้อคนหนึ่งดังขึ้นในทันที หัวหน้าโจรยิ้มเย้ยหยันและพยักหน้า “ใครจะให้สูงกว่านี้อีก!” เสียงประมูลเริ่มรุนแรงขึ้น เสียงของผู้ซื้อที่เสนอราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มสร้างความตึงเครียดในตลาด มีนาเฝ้าดูอย่างสิ้นหวังเมื่อเห็นตัวเลขราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ความหวาดกลัวในใจของเธอเพิ่มขึ้นเมื่อเสียงการประมูลดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงของเธอที่ขอความช่วยเหลือกลายเป็นเพียงเสียงที่แทรกอยู่ในความวุ่นวายของตลาด “ปล่อยฉันไปเถอะ!” มีนาร้องไห้และขอความช่วยเหลือ “ฉันจะให้ทุกอย่าง!” แต่เสียงของเธอกลับถูกกลบด้วยเสียงประมูลและเสียงหัวเราะชั่วร้ายของพ่อค้าที่สนใจในการซื้อเธอ ทันใดนั้น เสียงทุ้มและทรงพลังจากผู้ที่ยืนอยู่ในมุมมืดของตลาดดังก้องขึ้น “สองแสน!” เสียงของเสือเข้ม ดังก้องไปทั่วตลาด เสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและความน่ากลัว เมื่อเขายื่นเสนอราคาที่สูงจนทุกคนต้องหันไปมอง หัวหน้าโจรมองไปยังที่มาของเสียงด้วยความสนใจและอารมณ์ที่เปลี่ยนไป “สองแสน!” เขาตะโกนด้วยความประหลาดใจและเคารพในข้อเสนอ “ใครจะท้าทายราคานี้? เสือเข้มเสนอราคาสูงเกินจะตามได้!” เสียงประมูลเงียบลงในทันที การเสนอราคาสูงของเสือเข้มทำให้ตลาดตกอยู่ในความเงียบงัน เสือเข้มยืนอยู่ในมุมมืดของตลาด ตั้งแต่เช้ามืด เขาได้เห็นมีนาผ่านช่องกรง และความงามของเธอทำให้เขาต้องการเธออย่างมาก “เอาละนะ นับ หนึ่ง สอง!” “ห้าแสน!” เสียงของพรายรพีดังขึ้นอย่างทรงพลังและเต็มไปด้วยอำนาจ ในช่วงเวลาแห่งความเงียบที่ตามมา ความรู้สึกของความเยือกเย็นและความดุดันเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อพ่อพรายรพีปรากฏตัวจากเงามืดของตลาด ร่างสูงใหญ่ของพรายรพีเดินออกมาจากมุมมืด ชุดเสื้อผ้าของเขาดูหม่นหมอง แต่สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง รอยสักยันต์ที่ปกคลุมร่างกายของเขาเป็นเครื่องหมายของอำนาจและความน่าสะพรึงกลัว ดวงตาของเขาคือสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงความหนาวเย็น พรายรพียืนกอดอกด้วยท่าทางที่แสดงถึงความมั่นใจและความท้าทาย ข้อมือที่ถือดาบยาวของเขาดูแข็งแกร่ง เสียงเหล็กกระทบกันจากการหมุนดาบในมือของเขาเป็นเสียงที่ทำให้ตลาดเงียบลง จ้อย: ยืนอยู่ข้างๆ พรายรพี ดูเหมือนจะตกใจ "นาย นายจะเริ่มที่ห้าแสนเลยเหรอ?" พรายรพี: ยิ้มเยาะ "แค่ห้าแสนเอง ไอ้จ้อย ข้าจะเริ่มที่ราคานี้แค่เพื่อให้ไอ้เข้มมันรู้ว่ามันไม่อาจมาเทียบกับเราได้ ข้าจะสนุกกับการเห็นมันพยายามเอาชนะเรา" จ้อย: หัวเราะเบาๆ "ฮ่าฮ่า เข้าใจแล้วนาย ขนาดราคาแค่ห้าแสน ยังต้องการทำให้ไอ้เข้มมันเดือดร้อน" เสียงฝูงชน: ส่งเสียงตื่นเต้นและคึกคัก เข้ม: เดินเข้ามาอย่างโกรธเกรี้ยว "ไอ้รพี! แกกล้าทำแบบนี้กับข้าหรอ?! ห้าแสน? แกจะเล่นอะไรกับข้าหะ?" พรายรพี: หันไปมองเข้มด้วยความเย็นชา เข้ม: กร้าวเสียง "ไอ้รพี! แกคิดว่าจะแย่งของ ของข้าเหรอ เข้ม: เดินเข้ามาพร้อมความโกรธ "ไอ้รพี! แกกล้าเหยียบย่ำข้าแบบนี้ได้ยังไง? ห้าแสนเหรอ? แกคิดว่าแกจะขัดขวางข้าได้ด้วยราคานี้?" พรายรพี: ยิ้มอย่างสะใจ เข้ม: ขมวดคิ้วและโกรธจัด "ไอ้รพี! ข้าจะให้ราคาสูงกว่านี้! แกอย่าหวังว่าจะขัดขวางข้าได้ง่ายๆ!" สมุนของเข้ม: กระซิบเข้าที่หูของเข้ม "พี่เข้ม พอเถอะ เรามีเงินไม่พอจะให้สูงกว่านี้ตอนนี้จริงๆ" เข้ม: หันไปมองสมุนด้วยความไม่พอใจ "ห๊ะ อะไรนะ? เราไม่มีเงินได้ไงวะ?" สมุนของเข้ม: ตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความวิตกกังวล "นายใหญ่จำกัดเงินพี่เข้มไว้ตอนนี้ ลืมแล้วเหรอ?" เข้ม: พ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด "เชี่ย! ข้าลืมไปจริงๆ.. เมื่อเสียงของพรายรพีดังก้องไปทั่วตลาด เสือเข้มก็ยอมแพ้และเลิกเสนอราคา ความเงียบที่ปกคลุมตลาดนั้นเผยให้เห็นความมั่นใจของพรายรพีที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย หัวหน้าโจรมองไปที่พรายรพีด้วยความเคารพและความหวาดกลัว “ห้าแสน! “การประมูลเสร็จสิ้นแล้ว!” พรายรพีเดินไปยังโต๊ะประมูลพร้อมกับดวงตาที่แข็งแกร่งและอำนาจ เขาไม่แสดงอาการใดๆ ที่เกี่ยวกับความตื่นเต้นหรือความพอใจในการชนะ เมื่อชนะเข้มด้วยความสะใจ พรายรพีหันหลังและเดินออกไปจากตลาดอย่างไม่รีบร้อน ความสง่างามและความดุดันของเขาสะท้อนออกมาในทุกย่างก้าว เขาไม่แม้แต่จะหันไปมองที่มีนา หรือสนใจสิ่งที่เขาเพิ่งประมูลได้ การเดินออกไปของพรายรพีทำให้ตลาดตกอยู่ในความเงียบงัน ความรู้สึกของความตกใจและความหวาดกลัวยังคงอยู่ในอากาศ เขาไม่แสดงออกถึงความรู้สึกหรือความสนใจในสิ่งที่เขาได้มาครอบครอง ความเย็นชาและความเถื่อนของเขายิ่งทำให้ผู้คนละแวกนั้นรู้สึกหนาวเย็นไปตามๆกัน มีนายังคงอยู่ในกรงขังไม้ ร่างกายของเธอสั่นสะท้านด้วยความกลัวและความสิ้นหวัง เมื่อเห็นพรายรพีเดินออกไปโดยไม่สนใจเธอเลย ความรู้สึกของการถูกทอดทิ้งและความอันตรายที่ยังคงอยู่ในชีวิตของเธอทำให้เธอรู้สึกถึงความสิ้นหวังอย่างมาก คืนที่ท้องฟ้ามืดครึ้มและเต็มไปด้วยหมอก พรายรพีกลับมาถึงกระท่อมที่อยู่บนยอดเขาในช่วงดึกของคืน เขาเดินด้วยความมั่นใจตามเส้นทางที่คุ้นเคย ร่างของเขากระทบกับแสงจันทร์ที่สาดส่องผ่านต้นไม้หนาทึบ เสียงฝีเท้าของเขาดังสะท้อนในความเงียบของป่า เมื่อพรายรพีเข้ามาถึงกระท่อม เขาเปิดประตูเข้าไป ภายในกระท่อมเป็นที่เงียบสงัดและมืดครึ้ม ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในกระท่อม เสียงเคลื่อนไหวเบาๆ ดังขึ้นจากมุมหนึ่งของกระท่อม การเคลื่อนไหวนี้ ทำให้พรายรพีหยุดเดินและตึงเครียด ร่างกายของเขาตื่นตัวอย่างรวดเร็ว “ใครอยู่ที่นี่?” พรายรพีถามด้วยเสียงต่ำและดุดัน เขาชะงักหูและมองไปรอบๆ สถานที่นั้น ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นสิ่งใดนอกจากเงามืดที่คุ้นเคย แต่เสียงเคลื่อนไหวที่ยังคงดำเนินต่อไปนั้นชัดเจนและดังกังวานในความเงียบ พรายรพีเดินไปที่มุมของห้องอย่างระมัดระวัง มือของเขากุมดาบยาวคู่ใจไว้ในมือแน่น แต่เขาก็ไม่เห็นใคร นอกจากความเงียบสงัดที่ครอบคลุม เสียงเคลื่อนไหวเริ่มชัดเจนขึ้น—ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงของสิ่งของที่เคลื่อนที่หรือบางสิ่งที่พยายามซ่อนตัว ในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า “ออกมาเดี๋ยวนี้!” พรายรพีตะโกนอีกครั้งด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ เมื่อเสียงกุกกักดังขึ้นอีกครั้งในความมืดของกระท่อม พรายรพีไม่รอช้า ร่างสูงใหญ่ของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วในความสลัว เขากระโจนเข้าไปหาผู้ที่เขาคิดว่าอาจจะเป็นภัยคุกคาม ร่างของเขาบิดตัวเพื่อควบคุมความเร็วและแรงในการกระโจน พรายรพีเงื้อดาบขนาดใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะ ดวงตาของเขากวาดมองหาทิศทางที่มาจากเสียง แต่ก่อนที่ดาบของเขาจะถึงร่างตะคุ่มนั้น เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นอย่างกระทันหัน ความหวาดกลัวในเสียงนั้นทำให้พรายรพีหยุดชะงัก เขาหยุดกลางอากาศและหันไปยังต้นเสียง พรายรพี: มองไปที่มีนาด้วยสายตาที่สงสัยและไม่พอใจ "เธอเป็นใคร? มาที่นี่ได้ยังไง?" มีนา: ตอบด้วยเสียงที่สั่น "ก..ก็ หัวหน้าโจรส่งฉันมาที่นี่... บอกว่าคุณคือนายคนใหม่ของฉัน" พรายรพี: ยิ้มอย่างเยาะเย้ย "อ้อ มีนา: พยักหน้าอย่างสับสนและหวาดกลัว "ใช่ค่ะ... เขาบอกว่าฉันต้องมาที่นี่และทำตามคำสั่งของคุณ" พรายรพี: มองไปที่มีนาด้วยความเย็นชา มีนา: เสียงสั่นและเริ่มร้องไห้ "ฉันขออยู่ที่นี่ด้วยได้ไหมคะ? ขอให้ฉันอยู่ที่นี่ก่อน... ฉันไม่รู้จะทำอย่างไร" มีนาถูกพาตัวมาจากตลาดมืดโดยหัวหน้าโจรที่ว่านั่นก็คือจ้อยลูกน้องพ่อพรายรพีนั่นเอง จ้อยได้บอกกับมีนาอย่างทารุณว่าเขาคือหัวหน้าโจรที่มีอำนาจและเงื่อนไขที่ไม่มีทางหนีได้ เขาเตือนมีนาว่า หากเธอพยายามหนีออกไปจากกระท่อมนี้โดยไม่มีพ่อพรายรพีอยู่ด้วย เธอจะตกไปเป็นเมียของทุกคนในรังโจรที่อยู่ใกล้ๆ “ถ้าเธอคิดจะออกไปจากที่นี่” จ้อยกล่าวเสียงแข็ง “เธอจะต้องกลายเป็นของเล่นของพวกเรา ไม่มีใครจะมาช่วยเธอจากที่นี่ได้” คำพูดเหล่านี้ทำให้มีนาตกอยู่ในความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เมื่อจ้อยพามาส่งที่กระท่อม เมื่อสายตาของพรายรพีปรับตัวได้ในความมืด พรายรพีก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่สั่นเทาอยู่มุมนึงของกระท่อม เธออยู่ในสภาพที่แทบจะไม่สามารถรู้ได้ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ร่างของเธอเต็มไปด้วยฝุ่น ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยคราบโคลนที่แห้งกรัง เส้นผมยุ่งเหยิงและมีเศษดินติดอยู่ ชุดที่เธอสวมใส่ถูกฉีกขาดและเลอะเทอะด้วยสิ่งสกปรก พรายรพี: ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "เอ๋า... ถ้าอยากอยู่ที่นี่ก็อยู่ไปเถอะ แต่สภาพของเธอเป็นแบบนี้ ฉันคงต้องให้เธอไปอาบน้ำก่อน" มีนา: มองพรายรพีด้วยความรู้สึกผสมผสานของความโล่งใจและความวิตก "จริงเหรอคะ? ขอบคุณค่ะ" พรายรพี: พยักหน้า "ใช่ แล้วไปอาบน้ำให้สะอาด แล้วค่อยมาพบฉันหลังจากนั้น ฉันจะตัดสินใจต่อไปว่าเธอจะต้องทำอย่างไร" หลังจากที่จ้อยส่งมีนาไปยังกระท่อม เขาก็เดินออกไปอย่างเงียบๆ ร่างของเขาหายไปในความมืดและความเงียบของคืน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ความคิดของเขากำลังหมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จที่เขาได้รับ เขาเชื่อมั่นว่าแผนของเขาเริ่มบรรลุผลตามที่เขาต้องการ "คราวนี้ละเว้ย นายกูจะได้มีเมียกับเขาเสียที" จ้อยคิดในใจพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ เสียงหัวเราะชอบใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD