กรพักตร์นั่งมองภาพข่าวตรงหน้าจอโทรศัพท์มือถือก่อนจะเหยียดยิ้มออกมา
รายละเอียดของข่าวคือคุณหมอหนุ่มเจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดังกับหญิงสาวแสนสวยเจ้าของแบรนด์ขนมชื่อดังและเจ้าของร้านอาหารที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ของประเทศ
“คชากรคุณหมอหนุ่มไฟแรงอนาคตไกลกับเพียงขวัญเจ้าของร้านอาหารที่อร่อยติดอันดับของประเทศอย่างงั้นเหรอ” กรพักตร์เหยียดยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะวางโทรศัพท์ราคาแพงลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพราะเสียงเคาะประตูจากวรจักร ลูกน้องคนสนิทดังขึ้น
วรจักรโค้งคำนับให้เจ้านายหนุ่มหลังจากอีกฝ่ายเอ่ยอนุญาตให้เข้ามาในห้องได้
“ผมไปทำตามที่เจ้านายสั่งเรียบร้อยแล้วนะครับ” ประโยคนั้นของวรจักรทำให้ริมฝีปากของกรพักตร์โค้งขึ้นคล้ายจะยิ้มคล้ายพึงพอใจกับคำตอบ
“ดีมาก” ร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรของกรพักตร์ลุกจากเก้าอี้ตัวใหญ่ในห้องทำงาน เขาอยู่ในชุดสูทเนื้อดีราคาแพง
เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าดูดีเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกทั้งเครื่องหน้าที่หล่อเหลารับกันอย่างลงตัว ทั้งปากหยักหนา คิ้วเข้มดกหนาเรียงตัวเป็นระเบียบกับจมูกโด่งเป็นสันและริมฝีปากกว้างได้รูป
ใบหน้าคมสันของกรพักตร์ทำให้ใครได้มองแล้วตรึงตาตรึงใจยิ่งนัก ยิ่งเป็นสาว ๆ แล้วยิ่งหลงเสน่ห์เขาได้ไม่ยาก
“ไปกันเถอะ เหยื่อติดกับแล้ว เราก็ควรจะเร่งสาวเบ็ดให้เร็วที่สุด” กรพักตร์เดินตรงไปขึ้นรถยนต์คันหรูราคาแพงที่จอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่
หลังจากรถยนต์จอดสนิทหน้าร้านขนมชื่อดัง เขาก็เดินเข้าไปภายในร้าน เห็นว่าวันนี้ภายในร้านอมยิ้มมีลูกค้ามากมาย
ชื่อร้านอาหารขนมชื่อดังที่ใคร ๆ ต้องแวะมาชิมหรือหอบหิ้วไปเป็นของฝากเป็นชื่อร้านที่จำง่ายชวนให้ต้องยิ้มตามเมื่อได้อ่านชื่อร้าน ร้านแยกเป็นสองฝั่งโซนขนมกับโซนอาหาร
ดูเหมือนพนักงานในร้านจะทำงานกันอย่างแข็งขัน แต่ก็เหมือนจะไม่ทันใจลูกค้าที่รอคิวกันอย่างเนืองแน่น
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” เสียงเอ่ยขอโทษและร่างที่เดินชนกับเขาอย่างจังทำให้กรพักตร์หันไปมอง เขาหรี่ตามองหญิงสาวแสนสวยที่เอ่ยขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่
กรพักตร์มองดี ๆ เขาก็จำได้ในทันทีว่าเธอคือเจ้าของร้านนามว่าเพียงขวัญ แต่เธอกลับอยู่ในชุดพนักงานเสิร์ฟไม่ต่างจากคนอื่น ๆ
ชายหนุ่มไม่ได้ทักทายเธอออกไป เขาเพียงแค่บอกว่าไม่เป็นไร ทำเหมือนไม่รู้จักเธอและเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"ขนมที่ผมสั่งเอาไว้ได้หรือยังครับ” ประโยคนั้นของลูกค้าหนุ่มที่ดูเหมือนจะดูดีและทรงเสน่ห์ที่สุดในร้านทำให้เพียงขวัญที่ได้ยินเข้า รีบเอ่ยขอตัวจากลูกค้าหลังจากเสิร์ฟขนมกับเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว หันมาสนทนากับเขาในทันที
“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ ดิฉันชื่อเพียงขวัญเป็นเจ้าของร้านอมยิ้มแห่งนี้ ขอเรียนเชิญคุณลูกค้าไปนั่งพักให้หายเหนื่อย รับเครื่องดื่มและขนมของเราก่อนนะคะ” เพียงขวัญรีบผายมือเชิญเขาไปมุมหนึ่งของร้านที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและไม่วุ่นวายเหมือนด้านนอก
“คุณมีเครื่องดื่มกับขนมอะไรแนะนำผมบ้างครับ ผมไม่ใคร่ชอบรับประทานของหวาน แต่ก็สามารถรับประทานได้ แค่ขอไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป”
“คุณกรพักตร์เดินทางมาเหนื่อย ๆ ดิฉันขอเสิร์ฟเป็นน้ำสมุนไพรเย็น ๆ จะได้สดชื่น อากาศร้อนแบบนี้ต้องดับกระหายคลายร้อนค่ะ ส่วนขนมก็เป็นพานาคอตต้ามะม่วงค่ะ ช่วงนี้เป็นฤดูของมะม่วง หวังว่าคุณจะเพลิดเพลินและสดชื่นกับขนมของเรานะคะ” เธอพูดอย่างไม่ติดขัดเหมือนเจ้าของร้านทั่วไปที่ชอบบริการลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด
กรพักตร์รับประทานทั้งเครื่องดื่มและขนมที่พนักงานของเธอยกมาเสิร์ฟ แล้วต้องเอ่ยชมว่าอร่อยจริง ๆ ขนมของเธอทำให้เขารู้สึกสดชื่นอย่างที่เธอบอกจริงๆ
“เป็นยังไงบ้างคะ” เพียงขวัญเอ่ยถาม หัวใจของเธอเต้นระทึกเพราะว่าหลังจากนี้เธอต้องเจรจาเรื่องขนมที่เขาสั่งเอาไว้นับพันกล่อง การเสิร์ฟเครื่องดื่มและขนมที่ทำให้เขาพึงพอใจอาจจะทำให้เขาใจเย็นลงได้บ้าง
แท้ที่จริงแล้วหากมีออร์เดอร์สั่งขนมเข้ามาเช่นนี้ เธอจะต้องจ้างพนักงานเพิ่ม แต่นั่นก็ต้องรอให้ผู้เป็นป้าอย่างคริสาอนุมัติเสียก่อน
เมื่อก่อนเธอจะปิดร้านทุกวันจันทร์ แต่เมื่อมีลูกค้ามากขึ้นผู้เป็นป้าของเธอก็ไม่ยอมให้ปิดร้าน อ้างว่าจะเสียลูกค้า ดังนั้นเลยทำให้ร้านขนมและร้านอาหารของเธอเปิดทั้งเดือน
เพียงขวัญเองก็ไม่อยากปิดร้าน เธออยากรับพนักงานเพิ่ม เพราะส่วนของการผลิตขนมที่มีสูตรเป๊ะ ๆ ตายตัวกับการขายหน้าร้านนั้นสามารถแยกส่วนกันได้ แต่เพราะผู้เป็นป้าอย่างคริสาไม่พอใจพนักงานคนไหนก็ไล่ออกเป็นว่าเล่น และไม่รับใครเข้าทำงานง่าย ๆ ทำให้เธอทำงานได้ยาก จะเรียกว่าท่านเป็นคนจุกจิกจู้จี้ก็ย่อมได้ ยิ่งอายุมากขึ้นคริสายิ่งขี้บ่นและเข้มงวดกับทุกเรื่อง
ก่อนเปิดร้านขนมและร้านอาหาร ซึ่งก็อยู่ร้านเดียวกัน แยกครัวฝั่งขนมและครัวฝั่งอาหารเอาไว้คนละด้าน คริสาเป็นคนออกปากอนุญาตให้เธอเปิดกิจการเป็นของตัวเองได้ แต่ท่านจะต้องเป็นคนถือหุ้นใหญ่ จะเรียกว่าท่านลงทุนให้ก็ย่อมได้ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถมีปากเสียงอะไรกับท่านได้มากไปกว่าทำตามคำสั่ง
“อร่อยมากครับ ขนมที่ผมสั่งเอาไว้หนึ่งพันกล่องสำหรับนำไปเลี้ยงเด็กกำพร้าเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”
“ขนมทั้งพันชิ้นเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ดีเลยครับ”
“แต่ว่าขอให้คุณกรพักตร์รออีกสักหน่อยได้ไหมคะ ตอนนี้กำลังแพ็กลงกล่องอยู่น่ะค่ะ เพื่อเป็นการขออภัยจากเรา ดิฉันจะมีส่วนลดพิเศษให้อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์นะคะ ไม่ทราบว่าคุณกรพักตร์จะโอเคไหมคะ” เธอเอ่ยอย่างเกรงอกเกรงใจเขาเป็นที่สุด
“อย่างนั้นเหรอครับ” กรพักตร์มองหญิงสาวนิ่ง เธอมองเขาอย่างลุ้น ๆ ดูเธอกำลังตื่นเต้นและกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย ยิ่งเขานิ่งไปก็ยิ่งทำให้เธอร้อนใจอย่างที่สุด
“คุณกรพักตร์โอเคไหมคะ ดิฉันต้องกราบขอโทษอีกครั้งนะคะ” เธอบีบมือเข้าหากันแน่น มือน้อยชื้นเหงื่อไปหมด ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้เขาอย่างขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ได้สิครับ ผมอยากเอาขนมไปทำบุญให้เด็ก ๆ ก็ต้องให้คนที่อุตส่าห์ทำขนมอร่อย ๆ ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ด้วยจริงไหมครับ” ประโยคนั้นของกรพักตร์ทำให้เพียงขวัญผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
“ดิฉันกราบขอบพระคุณในความกรุณาของคุณมาก ๆ นะคะ แล้วก็ขออภัยจริง ๆ ที่เกิดความล่าช้าขึ้น เพราะพนักงานของดิฉันไม่เพียงพอน่ะค่ะ ตอนนี้กำลังหาคนเพิ่มอยู่ค่ะ” เธอขอบคุณเขาจากใจ ถ้าเป็นลูกค้าหัวร้อนอารมณ์ร้ายเธอคงถูกเหวี่ยงวีนหรือต่อว่าไปแล้ว ดีที่เป็นคนตรงหน้า เขาดูใจเย็นและนิ่งมาก ทำให้เธอนึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย