5

1538 Words
“เอาแบบนี้ไหมคะ ฉันไปทำกับข้าวให้คุณกินเอง” “คุณไม่ต้องรีบกลับบ้านไปทำกับข้าวให้ครอบครัวเหรอครับ” “ไม่ต้องรีบมากหรอกค่ะ คนที่บ้านของฉันเขากินอาหารกันช้าน่ะค่ะ มื้อค่ำจะเป็นอาหารไม่หนักท้อง พวกผักผลไม้และธัญพืชน่ะค่ะ เลยใช้เวลาไม่นาน แล้วคุณอยากกินอะไรคะ” เธออธิบายเมนูอาหารที่บ้าน พลางเอ่ยถามเขา หัวใจเต้นแรงเมื่อได้สบประสานสายตากับเขา ดีหน่อยว่ามื้อเย็นคริสากับกลกันต์จะรับประทานกันไปก่อน ส่วนมื้อค่ำเธอกับคชากรมักกลับบ้านไม่เป็นเวลา จึงกินอาหารที่ทำง่าย ๆ เน้นผัก ผลไม้พร่องแป้ง ไข่ต้ม อกไก่ บางทีก็รับประทานสเต็กปลา ไม่กินข้าวหรืออาหารมัน ๆ ทอด ๆ หรือกะทิเด็ดขาด ที่เธออาสาไปทำอาหารให้กรพักตร์อาจเพราะเขาเป็นคนดีช่วยเหลือเธอจากคนร้าย แถมวันก่อนยังมาเหมาขนมเธอไปเลี้ยงเด็กกำพร้าอีก “ผมกินอะไรก็ได้ครับ จะได้กินยา พวกอาหารจานเดียวก็ได้” “งั้นเป็นข้าวผัดได้ไหมคะ แต่ไม่รู้ว่าคุณจะอยากกินหรือเปล่า” เธอเอ่ยถามแบบไม่แน่ใจ แต่ข้าวผัดเป็นอาหารที่เธอชอบกินเพราะทำง่ายและก็อร่อยด้วย “คุณทำอะไรให้กิน ผมก็กินได้ทั้งนั้นแหละครับ บ้านของผมอยู่แถวนี้ครับ คุณจะไปเลยไหม” “ไปได้เลยค่ะ ฉันซื้อของเสร็จแล้ว” เขาทำท่าจะช่วยเธอเข็นรถไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน เธอก็รีบปฏิเสธทันทีเพราะว่าเขาเจ็บแขนอยู่ “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันจัดการเอง คุณเจ็บแขนอยู่นะคะ ขยับมากเดี๋ยวจะยิ่งอักเสบหรือเจ็บไปมากกว่านี้” ประโยคนั้นทำให้กรพักตร์ยอมตามใจเธอ จ่ายเงินเสร็จเขาก็พาเธอไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ “บ้านของคุณกรหลังใหญ่จังเลยนะคะ อยู่กันกี่คนคะนี่” ถามออกไปแล้วเธอก็อยากจะเขกหัวตัวเอง เพราะเขาบอกเธอก่อนหน้านี้แล้วว่าเขาไม่มีแม้กระทั่งแม้บ้าน และไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายในบ้าน “อยู่คนเดียวครับ” “แล้วครอบครัวของคุณล่ะคะ” เพียงขวัญกัดริมฝีปากตัวเองเบา ๆ เธออยากถามเขาเพราะอยากรู้ว่าเขาโสดไหม ทำไมเธอถึงได้เป็นคนแบบนี้นะ หญิงสาวนึกด่าตัวเองในใจ “ผมมีคุณลุงครับ ท่านทำไร่อยู่ภาคเหนือ” เขาตอบเช่นนั้นก็เท่ากับว่าไม่มีลูกเมียใช่ไหม เธออยากเอ่ยถามออกไปแต่ก็ยั้งเอาไว้ เพราะเธอไม่ควรปันใจไปให้ชายอื่นแบบนี้ แม้จะอยากตัดใจแต่ความสัมพันธ์ของเธอกับกรพักตร์กลับยิ่งพัฒนาไปเรื่อย ๆ เธอบังเอิญได้เจอเขาอยู่หลายครั้งหลังจากที่เธออาสาไปทำอาหารให้เขารับประทานจนถึงบ้านในวันนั้น เขามักมาเป็นลูกค้าประจำของร้านที่เธอทำงานอยู่ ตอนนี้พนักงานกลับมามีจำนวนเหมาะสมอีกครั้ง หลังจากที่เธอรับรู้ว่าคชากรได้ไปคุยกับมารดาของเขา นั่นทำให้เธอนึกขอบคุณเขาเป็นอันมาก “หมู่นี้เราเป็นอะไรรึ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา” ประโยคคำถามของคริสาทำให้เพียงขวัญถึงกับสะดุ้งเหมือนคนทำความผิด “เปล่านี่คะคุณป้า” “หรือดีใจที่จะได้แต่งงาน” “คงอย่างนั้นน่ะค่ะ” เพียงขวัญยิ้มออกมา แต่แท้ที่จริงแล้วเธอแอบมีใจให้กับกรพักตร์ เธอเติบโตมากับคุณยายหรือก็คือมารดาของคริสา ไม่เคยคิดเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ มาก่อน ที่สำคัญก็คือคิดแค่ว่าต้องเรียนให้จบทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เธอจึงไม่ได้รู้จักความรักอย่างแท้จริง ความรู้สึกที่เธอมีให้แก่คชากรนั้นมันเป็นแค่การเคารพนับถือเขาในฐานะพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างก็คือเธอต้องตอบแทนบุญคุณครอบครัวของคริสาที่เลี้ยงดูเธอมา เธอจึงรับรู้ถึงหน้าที่ของตัวเองว่าต้องดูแลคชากรให้ดี และแต่งงานกับเขาในอนาคตข้างหน้า “เตรียมตัวไปถึงไหนแล้วล่ะ วันๆ เห็นเอาแต่ทำงานงก ๆ ไม่ถึงสามเดือนแล้วนะ” “ขวัญเอ่อ แล้วแต่พี่หมอค่ะ” “แล้วพี่หมอของเราเขาได้พูดคุยกับเราเรื่องแต่งงานบ้างหรือยังล่ะ” “ยังเลยค่ะ” “ก็มัวแต่บ้างานกันแบบนี้เอง ถึงได้ล่าช้า ของชำร่วยเอย ชุดแต่งงานเอย ต้องเตรียมได้แล้วนะ ส่วนเรื่องงานพี่เขาบอกว่าจะให้เพื่อนรวมถึงแฟนคลับของเขามาช่วยจัดการให้ ทำกันเองก็ดี จะเสียเงินเสียทองไปจ้างทำไมก็ไม่รู้” คชากรเป็นคุณหมอหนุ่มหล่อมีแฟนคลับมากมายเสียยิ่งกว่าดาราอีก เรื่องนี้เธอรู้ดี “ขวัญแล้วแต่พี่หมอค่ะ” “เราก็เป็นเสียอย่างนี้ แล้วแต่พี่หมอของเราก็ดี ก็ขอให้เป็นแบบนี้ไปตลอดนะ งั้นป้าไปก่อนล่ะ” คริสาเดินไปหากลกันต์ สามีที่นั่งจิบชาอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้าน “คุณกันต์อยู่ตรงนี้นี่เอง” “ว่ายังไงคุณคริส” กลกันต์เอ่ยถามภรรยา หล่อนเป็นภรรยาคนที่สองของเขา ภรรยาคนแรกเสียชีวิตไปตั้งแต่ลูกชายของเขาอายุยังไม่ถึงสิบขวบเสียด้วยซ้ำ การคิดถึงบุตรชายแท้ ๆ ของตัวเองทำให้กลกันต์รู้สึกเศร้าใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาจเพราะในอดีต เขากับกรพักตร์มีทิฐิและไม่ลงรอยกันมาตลอด เขาจึงต้องสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวไปเพราะทิฐิ กรพักตร์ทะเลาะกับเขาวันนั้นก็ออกจากบ้านไปอยู่กับลุงของเขา นั่นก็คือพี่ชายของภรรยาที่ล่วงลับไปแล้วและไม่กลับมาเหยียบบ้านหลังนี้อีก นั่นคือความเสียใจของเขา แต่ทิฐิก็ทำให้เขาไม่เคยคิดไปตามง้อให้ลูกชายคนเดียวกลับมา ไม่เอ่ยปาก ไม่เคยพูดว่าคิดถึง ด่าตะเพิดให้สาวใช้เอารูปภาพหรือของทุกสิ่งทุกอย่างของกรพักตร์ไปทิ้งให้หมด เพราะทะเลาะกันรุนแรงมากถึงขนาดตัดพ่อตัดลูกกัน “คริสจะพูดเรื่องแต่งงานของตาหมอกับยายขวัญน่ะค่ะ” “มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้นะ” “ไม่มีหรอกค่ะ คริสไม่กล้ารบกวนอะไรคุณหรอกค่ะ แค่อยากจะปรึกษาคุณว่าหากจะจัดงานที่บ้านแทนจัดที่โรงแรม คุณว่าดีไหมคะ” “ทำไมถึงเปลี่ยนใจล่ะ” “ที่บ้านก็สะดวกดีนะคะ พอได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าห้องหอก็จะได้ส่งตัวกันเลย” “ที่โรงแรมก็ส่งตัวเข้าห้องหอตอนถึงฤกษ์ได้นี่นา” “คุณกันต์คิดว่าควรจัดที่โรงแรมเหรอคะ” คริสาเอ่ยถามสามีอย่างปรึกษาหารือ เธอคิดว่าจัดที่บ้านดีกว่าสะดวกกว่า และอาจจะมีบางส่วนประหยัดกว่า ไม่ต้องเสียค่าเช่าสถานที่ด้วย “เปล่าหรอก ผมแค่คิดว่าที่โรงแรมเขาก็จัดการสถานที่ให้เราเรียบร้อย ก็ไม่ได้ยุ่งยากกอะไร แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศของบ้านก็จัดที่บ้านได้ คุณจะเชิญแขกเหรื่อเยอะแค่ไหนกันล่ะ” “เชิญไม่เยอะหรอกค่ะ แค่ญาติ ๆ ของเราก็พอ ส่วนยายขวัญน่ะไม่มีญาติหรอกค่ะ เราจัดงานแบบเป็นกันเองดีกว่าค่ะไม่สิ้นเปลือง ส่วนพวกนักข่าวหรือคนอื่น ๆ เขาจะมาร่วมแสดงความยินดีด้วยก็แล้วแต่ค่ะ” เธอคิดว่าไม่ควรตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จัดงานใหญ่โตก็เอาเงินไปทิ้ง สิ้นเปลืองเสียเปล่า ๆ ซึ่งนิสัยส่วนนี้ของคริสากลกันต์รู้ดีว่าทำอะไรก็ต้องให้คุ้มค่า ไม่เช่นนั้นคริสาจะไม่ทำเด็ดขาด คริสามีแนวคิดที่ว่ายิ่งเป็นคนดัง ยิ่งต้องทำตัวสมถะเข้าไว้ จะยิ่งเป็นที่สนใจและได้รับการชื่นชม ดีกว่าทำตัวฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ “ผมแล้วแต่คุณนะ พูดถึงตาหมอก็ทำให้อดที่จะคิดถึงนายกรไม่ได้ สองคนนี่อายุเท่ากัน ถ้ายังอยู่ด้วยกันก็คงได้แต่งงานมีครอบครัวเหมือนกัน หรือมีหน้าที่การงานเหมือนกันนะ คุณว่าไหม” กลกันต์เอ่ยถาม นั่นทำให้คริสายิ้มรับ แต่ใจของนางร้อนรุ่มเสียยิ่งกว่าอะไร ร้อนวันพันปีกลกันต์ไม่เคยเอ่ยถึงลูกชายของตัวเอง แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงได้พูดขึ้นมา ไม่ได้การละ เธอจะต้องทำทุกอย่างไม่ให้กลกันต์ยกทรัพย์สมบัติให้แก่กรพักตร์อย่างเด็ดขาด ทรัพย์สมบัติมหาศาลพวกนี้เธอกับลูกเฝ้าดูแลมานานหลายปี มันจะต้องเป็นของเธอกับลูกสิ มันถึงจะถูก ไม่ใช่เป็นของไอ้ลูกนอกคอกที่หนีออกจากบ้านไปแล้วไม่เคยมาดูดำดูดีคนเป็นพ่อเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD