หน้ากาก

1415 Words
หลังจากงานศพของณัฐนิชาผ่านไปศรุตเองก็กลับมาทำหน้าที่ของเขาเหมือนเดิม การที่เขาและภรรยาเป็นเจ้าภาพในงานศพ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชนิกานต์พูด เหตุการณ์ทำให้เขาซื้อใจคนได้ไม่น้อย ซึ่งนั้นก็เป็นผลดีต่อการลงสมัครเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ "คุณเพ็ญพักตร์ วันนี้ผมต้องไปไหนบ้าง"ศรุตเลือบมองเลขาเล็กน้อย เพื่อทวนว่าวันนี้เขาต้องทำอะไรบ้าง"วันนี้มีลงพื้นที่กับส.ส.จากนั้นก็ไปเยี่ยมผู้ประสบภัย ตอนเย็นมีทานข้าวกับคุณท่านค่ะ"เพ็ญพักตร์ รายงานเจ้านายเทออย่างละเอียดครบถ้วน "คุณกานต์ไปด้วยใช่มั้ย"ไม่ว่าจะงานเล็กหรืองานใหญ่เขาจะต้องมีชนิกานต์ตามไปเสมอ "ใช้ค่ะ เห็นเลขาคุณกานต์แจ้งมาว่าให้เราแวะรับก่อนถึงทางเข้างานเล็กน้อยค่ะ"ศรุตไม่พูดหรือถามอะไรต่อเขานั่งนิ่งคิดบางอย่าง ก่อนจะลุกขึ้นจัดแจงการแต่งกายให้เรียบร้อย ซอยเปรี่ยวที่ไม่มีแม้แต่รถสัญจร บัดนี้ได้มีรถหรูเข้ามาจอด ไม่นานนักรถตู้ยี่ห้อดังก็ตามจอดประกบข้างหญิงสาวรูปร่างดีผิวพรรณผุดผ่องดูมีชาติตระกูลได้ย่างกรายลงจากรถยนต์หรู ขึ้นไปยังรถตู้ยี่ห้อดังที่จอดอยู่ด้านข้าง บรรยายกาศบนรถปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด หลังจากเสร็จงานศพของณัฐนิชา ชนิกานต์และศรุตก็ไม่ได้พูดคุยกันอีกเลย หากจะพูดคุยกันก็คงต่อหน้าสาธารณชน หรือสื่อมวลชนเพียงเท่านั้น ความเงียบสงัดเข้าปกคลุมทั่วทั้งคันจนกระทั่งเข้าไปจอดยังที่นัดพบของเหล่า ส.ส. ศรุตก้วขาลงจากรถอย่างผ่าเผย พร้อมด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม เขายื่นมือหนาเข้าไปภายในรถเพื่อประคองให้ชนิกานต์ลงจากรถ มือเรียวบางของชนิกานต์ วางลงบนมือหนาของศรุตอย่างแผ่วเบา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปรี่ยมด้วยความสุข ท่าทีของทั้งสอง ดูเป็นคู่สามีภรรยายที่รักใคร่กลมเกลียวกันแตกต่างจากตอนอยู่ภายในรถลิบลับ ศรุตกับบรรดาส.ส.เดินกันตามริมถนนแวะทั้งทายพูดคุยกับผู้คนด้วยท่าทียิ้มแย้มเป็นกันเอง ร้านของชำเก่าๆที่ตั้งภายในซอยของชุมชนแออัด สภาพบ้านเรือนแถบนี้เข้าขั้นสกปรกเลยก็ว่าได้ แต่ศรุตและชนิกานต์ก็เข้าไปยกมือไหวทักทายอย่างสุภาพ ซึ่งเจ้าของร้านเองก็ได้เชื่อเชิญให้ทั้งคู่นั่งพัก ศรุตหันไปมองเก้าอี้เก่าๆที่เจ้าของร้านเตรียมให้เขาและภรรยายนั่งซึ่งเก้าอี้สองตัวนั้นเปรอะเปื้อนคราบหมึกคราบสี มีฝุ่นเกาะอยู่เล็กน้อย ศรุตหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดฝุ่นออกเล็กน้อยก่อนที่จะให้ชนิกานต์นั่ง "ฝุ่นเยอะหน่อยนะหนู เดินกันมาเหนื่อยๆดื่มน้ำซักหน่อยนะ"ป้าเจ้าของร้านยื่นแก้วน้ำมาให้ทั้งสองด้วยมือที่ดำคล้ำ "คุณกานต์คะ"ลัดดาเลขาคนสนิทเอ่ยเรียกเมื่อเทอรับน้ำจากมือคุณป้า เทอไม่สนใจคำทักท้วงของเลขาแม้แต่น้อย เทอดื่มน้ำอย่างไม่มีท่าทีว่าจะรังเกียจแม้แต่น้อย "พวกคุณนี่ไม่รังเกียจคนจนดีนะ ปกติตรงนี้ไม่มีใครเข้ามาหรอกมันสกปรก" ทุกคนที่มาต่างแปลกใจในสิ่งที่ป้าเจ้าของร้านพูด "ไม่มีใครเข้ามาหาเสียงถึงนี่เลยหรือครับ"ด้วยความข้องใจของศรุตเขาจึงถามไปแบบตรงไปตรงมา "ใช่จ่ะไม่มีพรรคไหนเขาเข้ามาหรอกในซอยนี้มันเป็นชุมชนแออัดมีก็แต่พวกใช้แรงงานเขาคงรังเกียจ"หญิงมีอายุกล่าวแบบตัดพ้อกับพวกเขา "ผมว่าคนใช้แรงงานนี่ล่ะครับที่สำคัญ เพราะเขาอยู่เบื้องหลังของความสำหรับในทุกๆอาชีพ"ศรุตแสดงความคิดเห็นในอีก1มุมมองที่ดูจะเป็นผลดีต่อเขามากๆ ชนิกานต์ที่นั่งฟังทั้งสองพูดคุยกันอยู่นานพอควร เทอจึงเอ่ยขอไปลงพื้นที่ในส่วนที่ประสบภัยก่อนจะเย็น และไม่ลืมที่จะอุดหนุดสินค้าจำนวนมากเพื่อนำไปต่อยอดกับผู้ประสบภัยต่อ ชาวผู้ชายบ้านหลายสิบคน กำลังขมักเขม้นในการซ่อมแซมศาลาการเปรียญวัดอยู่ ส่วนผู้หญิงก็ช่วยกันทำอาหารเย็นเพื่อเลี้ยงทุกๆที่มาช่วยงานกันอย่างแข็งขัน ศรุตและชนิกานต์จึงแยกย้ายกันไป ชนิกานต์หญิงสาวที่เก่งรอบด้านแบบเทอทำให้เข้ากับทุกคนได้อย่างง่ายดาย ส่วนศรุตแท้จะไม่เคยถือค้อนจับตะปูมาก่อนแต่เขาก็เรียนรู้ได้เร็วเช่น ความไม่ถือตัวของพวกเขาทั้งสองและเหล่าส.ส.นั้นทำให้พวกเขาชนะใจคนกลุ่มนี้ได้ไม่อยาก แก้วน้ำเย็นๆ ถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มผู้ขยันอย่างศรุต เขาละสายตาจากการตอกตะปูมามองคนถือแก้วน้ำแทน ศรุตหยิบแก้วน้ำมาดื่มด้วยรอยยิ้มหวาน ชนิกานต์หยิบผ้าเช็ดหน้าของเทอเองออกมาซับเหงื่อให้ผู้เป็นสามี ภาพดังกล่าวทำให้หลายคนอดแซวไม่ได้ บ้างก็บอกว่าชนิกานต์โชคดีที่ได้ศรุตเป็นสามี บ้างก็ว่าศรุตโชคดีที่ได้ชนิกานต์เป็นภรรยาย ช่างเป็นคู่ชีวิตที่หลายคนอิจฉา เพราะเขาสองคนแต่งงานกันมาหลายปีแต่ความหวานที่มีให้กันไม่มีท่าทีว่าจะน้อยลงเลย "เห้ออออเหนื่อยเป็นบ้าเลยโว้ย!!!"ศรุตบ่นออกมาเพราะความเหนื่อยล้าที่สั่งสมมาทั้งวัน "ถ้าแค่นี้เหนื่อยคุณก็ถอนตัวเถอะ ต่อไปยังมีอะไรให้เหนื่อยกว่านี้อีกเยอะ"ชนิกานต์พูดพรางเดินผ่านศรุตไปอย่างนิ่งเฉย โต๊ะอาหารสุดหรูในคฤหาสน์หลังใหญ่ ถูกตั้งเต็มไปด้วยอาหารหลายประเภท ศรุตเดินเข้ามาด้วยท่าทีนิ่งๆ เขาพบว่าในห้องอาหารขนาดใหญ่นี้มีสิทธิชายสูงวัยแต่งตัวดีมีภูมฐานนั่งเด่นตระง่าอยู่หัวโต๊ะ โดยมีชนิกานต์นั่งอยู่ด้านซ้ายมือ ศรุตย่อตัวลงนั่งตรงข้ามกับชนิกานต์มือหนาหยิบน้ำขึ้นมาจิบเล็กน้อย "คุณเรียกพวกเรามาวันนี้มีอะไรรึป่าวครับ"ผู้เป็นพ่อเหลือบมองลูกชายเล็กน้อยแล้วยกยิ้มมุมปากเชิงพอใจอะไรบางอย่าง "ฉันเสียใจด้วยนะกับเรื่องณัฐนิชา อ๊อได้ข่าวว่าลงพื้นที่หาเสียงวันนี้ได้ผลตอบรับดีเกินคาดเลยหนิ"ศรุตได้แต่ยิ้มบางๆไให้กับคำถาม "คงเป็นหนูกานต์ที่วางแผนจัดแจงทุกอย่างไว้ให้แก ฉันว่าแล้วฉันนี่เลือกลูกสะไภ้ไม่ผิดเลยจริงๆ5555"สิทธิยิ้มร่าอย่างพอใจที่ลูกชายของเขาดูเหมือนจะใกล้เส้นชัยเข้าไปทุกที "ใช่ครับ"ด้านศรุตเหลือบมองไปยังชนิกานต์เล็กน้อยก่อนจะตอบคำถามของผู้เป็นพ่อเพียงสั้นๆ "หนูกานต์วันนี้ลงพื้นที่มาเหนื่อยไปพักเถอะลูก"ชนิกานต์เทอเป็นคนฉลาด เทอรู้ได้ทันทีว่าพ่อสามีไล่เทอออกไปจากห้องนี้อย่างสุภาพเพื่อที่จะคุยบางอย่างกับลูกชายแค่สองคนเทอจึงกล่าวลาและเดินออกไปเงียบๆ สิทธิเมื่อแน่ใจแล้วว่าชนิกานต์กลับไปแล้วเขาก็อิริยาบถทันที "พ่อมีอะไรจะคุยก็ว่ามาเลย"สิทธิมองลูกชายด้วยสายตาที่แข็งทื่อไร้ซึ่งความอ่อนโยน"แกรู้ใช้มั้ยว่าสิ่งที่แกกำลังทำอยู่มันส่งผลอะไรกับพวกเราบ้างแกยังจำได้ใช้มั้ยว่าที่แกพยายามทำทุกอย่างตลอดเวลาเกือบสิบปีนี่เพื่ออะไร แกควรจะทำตัวให้มันมีความเป็นผู้นำมากกว่านี้ ไม่ใช่เมียแกพูดอะไร ให้ทำอะไร แกก็ทำตามไปหมดซะทุกอย่าง ฉันให้แต่งเข้ามาเสริมภาพลักษณ์แกให้มันสมบูรณ์แบบ ให้แกใช้ฐานะ หน้าที่การงานของเมียแกเป็นบันไดเหยียบขึ้นไปบนจุดนั้น แต่นี้แกกลับทำตัวเป็นบันไดให้เขาเหยียบแกขึ้นไปซะเอง ออกมาจากเงาของเมียแกซะอย่าให้ฉันเห็นแกทำตัวเหมือนหมารับใช้แบบนี้อีก"ชายสูงอายุเมื่อระบายความในใจเสร็จก็เก้าเท้าออกจากห้องอาหารโดยทิ้งให้ศรุตยืนแน่นิ่งอยู่เพียงลำพัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD