ตอนที่ 8

1633 Words
8 เสียงดุเข้มที่แผดดังขึ้น แม้จะทำให้มุกลดาตกใจได้มากโข จนหน้าใสซีดเผือดลงเล็กน้อย ก่อนสูดลมหายใจรวบรวมความกล้าเชิดหน้าขึ้นสูง “คุณมีธุระแค่นี้ใช่ไหมคะ งั้นฉันขอตัว หิวค่ะ จะไปหาอะไรกิน” เมื่อพูดออกไปครั้งแรกได้แล้ว ครั้งต่อ ๆ ไปมันเลยไม่มีปัญหา บอกแล้วว่ายายตัวเล็กนี่แสบสันและฤทธิ์มาก กรามหนาขบกัดบดเบียดจนแก้มตอบนูนเด่น ดวงตาคมกริบเป็นประกายวาบขึ้นอย่างคนกำลังสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่ปะทุขึ้นมา ก่อนมุมปากด้านหนึ่งของกลีบปากหยักแดงอมชมพูจะยกขึ้น “กินมันเสียที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” “เออ...มะ...ไม่ต้องค่ะ” มุกลดากลายเป็นคนติดอ่างเหมือนเดิม ก้มหน้าหลบตาคมกริบที่มองมาอย่างกับจะสแกนแล้วแยกร่างเธอออกเป็นชิ้น ๆ แต่ถึงจะน่ากลัวเพียงใดแต่ส่วนลึกในหัวใจกลับสั่นไหวอย่างแปลกๆ จะบ้าไปใหญ่แล้ว ทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนี้กับคนซึ่งเพิ่งจะเจอหน้าครั้งแรก แต่เอ๊ะ...มีอะไรบางอย่างมาสะกิดใจมุกลดา แน่ใจหรือเพิ่งเคยเจอผู้ชายคนนี้เป็นครั้งแรก กล่องแห่งความทรงจำเปิดออกอย่างเชื่องช้า ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อจำได้ว่าผู้ชายตรงหน้า เป็นคนซึ่งเธอไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรมากนักหรอก แต่เคยเห็นหน้าสองสามครั้งเท่านั้นตอนมาเรียนต่อในกรุงเทพฯ แล้วตามแม่ไปที่ทำงาน ด้วยลักษณะคมเข้มชวนฝันก็ทำเอาสาวน้อยอย่างเธอถึงกับหลงเพ้อไปได้ไม่น้อยเหมือนกัน ก่อนจะตัดใจในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นข้างกายเขามีสาวสวยหน้าตาแฉล้ม สูงเพรียวแต่อวบอัดด้วยเนื้อนมไข่ตามติดไม่ห่าง ข่าวคราวของเขาไม่เคยเงียบหายไป เพราะนิลลดาคอยติดตามอยู่เสมอ บอกกล่าวให้รู้บ้างแต่ไม่บ่อยครั้ง เพราะเธอบอกไปแล้วว่าไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า “คะ...คุณภูมิ” แม้ไม่อยากจะจำ แต่ชื่ออีกฝ่ายก็ผุดเข้ามาในสมองอย่างเร็วไว “เรียกทำไม หน้าฉันมันมีอะไรติดอยู่เหรอ เธอถึงได้ไม่กล้ามอง” ถามอย่างหงุดหงิดและแปลกใจหน่อย ๆ ปกตินิลลดาที่เขารู้จักกลัวอะไรเป็นซะที่ไหนกัน ต่อปากต่อคำด้วยน้ำเสียงราวกับนกหวีดและคำพูดชวนเวียนหัว แต่วันนี้ดันหลบหน้าหลบตา หรือว่ากำลังทำอะไรไม่ดีอยู่ ไม่ได้อยากคิดอย่างนั้นหรอกนะ แต่เมื่อวันอาทิตย์ นิลลดาไปที่บ้านเขา ท่าทางมีลับลมคมใน เข้าไปพูดจาอะไรกับแม่เขาอยู่ในห้องทำงานอยู่เป็นนานเชียวแหละ ก่อนจะออกกลับมา หน้าตาของแต่ละคนก็เคร่งเครียดไม่ใช่น้อย คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไม่ได้อยากฟันธงอะไร แต่ความรู้สึกภายในบ่งบอก เรื่องที่คุยกันจะต้องเกี่ยวข้องกับเขา จนชักนำมาถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ทำว่าเป็นอุบัติเหตุ เหอะ...หน้าตาอย่างนี้น่ะหรือ แกล้งทำไขสือใสซื่อ แต่ดวงตาน่ะลุกลี้ลุกลนซ่อนแววตาอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่มิดเอาเสียเลย กรามหนาขบกัดจนแก้มนูนขึ้นสัน อยากจับหญิงตรงหน้ามาฟาดให้ก้นลายนั่งไม่ได้เสียจริง ทำไมถึงได้ชอบยุ่งชอบจุ้นเรื่องของเขาเสียจริง “ว่าไงยายสำลีเม็ดใน...” ปลายลิ้นสากระคายกระทุ้งกระพุ้งแก้ม น่าแปลกใจเวลาไม่ถึงอาทิตย์ยายถ่านนิลลดาจะมีผิวขาวใสนวลเนียนขึ้นถึงขนาดนี้เชียวหรือ แล้วไอ้ท่าทางหงอๆ ไม่กล้าสบตาด้วยนะ ทำไมถึงขัดสายตานักก็ไม่รู้ หงุดหงิดอยากจับร่างแบบบางแล้วเขย่าแรง ๆ และยังอยากที่จะ...บ้าจริง เขาเป็นบ้าอะไรไปแล้วนี่ มุกลดาผ่อนลมหายใจออกจากปอดด้วยความหนักอก อยากออกไปหาอะไรกินแล้วกลับไปอยู่ลำพังในห้อง แต่ตอนนี้กลับต้องมาติดแหง็กกับผู้ชายปากเสีย มองเห็นเธอเหมือนตัวเชื้อโรค คำพูดแต่ละคำที่ออกมาจากปากทำให้อึดอัดจนหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย กลีบปากอวบอิ่มขบกัดจนแบนราบเรียบ “ค่ะ” “ค่ะอะไรของเธอ พูดจาให้มันรู้เรื่องหน่อยได้ไหมฮะ” อยากบีบคอนิลลดาทิ้งจริง ๆ ผู้หญิงอะไร ทำไมวันนี้ถึงได้กวนประสาทเขานักหนาก็ไม่รู้ แล้วไอ้หน้าซีดสลับแดง กับประกายในดวงตาตื่นกลัวที่มองมาอย่างกำลังยัดเยียดข้อหาว่าเขารังแกเด็กเสียอีก แม่ง...อยากจะบ้าโว้ย “มุก...เอ่อ...นิล” เกือบหลุดปากเรียกชื่อตัวเองออกไปให้ถูกสงสัยเสียแล้ว ดีว่ากลืนมันลงไปในคอได้ทัน “นิลจะไปทานอาหารแล้วกลับบ้านเลยค่ะ คะ...คุณภูมิไม่ต้องห่วง” กว่าจะพูดจบประโยคเล่นเอามุกลดาถึงกับต้องรวบรวมกำลังกายและกำลังใจจนแทบจะหมดแรง “แต่ฉันไม่ไว้ใจเธอ” ไม่รู้อะไรดลใจทำให้ภูมินทร์ตอบกลับไปแบบนั้น คงเป็นเพราะหน้าตาเซียวๆ ขอบตาก็ลึกโบ๋ ในดวงตาหรือก็เหมือนหมาหงอยหมาหลงทางคู่นั้นเสียล่ะมั้ง บ้าชะมัด ทำไมวันนี้เขาถึงใจอ่อนกับยายเมี่ยงตัวดำนี่ก็ไม่รู้ มุกลดาหน้าเหวอ ส่ายหน้าเป็นพัดลม “มะ...ไม่ต้องค่ะ ไปเองได้ค่ะ” รีบปฏิเสธเสียงอ่อย “ไม่ต้องพูดมากเลยยายเมี่ยงตัวดำ” พูดเสียงลอดไรฟัน แถมยังถลึงตาใส่คนที่ทำให้เขาต้องมารับเป็นภาระจำยอม ทำไมนะหรือ ถ้าแม่รู้ว่าเขาเจอยายตัวจ้อยนี่แล้วไม่จัดการทำหน้าที่สุภาพบุรุษที่ไม่ค่อยอยากจะเป็นเท่าไหร่ อยากแต่จะกดหัวทุย ๆ ลงในน้ำเสียมากกว่าละก็ ได้ถูกแม่บ่นจนหูชาน่ะซิ “นั่งรออยู่ตรงนี้นะ ห้ามไปไหนทั้งนั้น ถ้าขัดคำสั่ง ฉันฟาดจนเธอก้นลายนั่งไม่ได้แน่” สั่งความแล้วรีบลุกเดินไปเพื่อจัดการโทรศัพท์หาอีกคนให้เธอรู้ว่านัดจำต้องเลื่อนไป แล้วตอนย้อนกลับมาเขาคงต้องพกพาของขวัญราคาแพงมาสักชิ้น เพื่อง้อไม่ให้เธอโกรธ     เพียงแค่เหลียวหลังจะกลับเข้าบ้าน หลังจากส่งแขกซึ่งมาอวยพรคนสุดท้ายเสร็จเรียบร้อย ไม่ทันจะได้ยกเท้า สายตาก็เหลือบมองไปเห็นเงาตะคุ่ม ๆ ให้สงสัยว่ายังมีใครรอดสายตาเขาอยู่อีกหรือ คิ้วเข้มด้วยเส้นขนสีดำเรียงตัวอย่างสวยงามขมวดมุ่นเข้าหากัน และไม่ให้ความสงสัยอยู่กับตัวได้นาน รีบสาวเท้าตามไปอย่างไม่เร่งร้อน อย่างที่คิดได้ ถ้าหากไม่ใช่แขกเหรื่อ ก็น่าจะเป็นอีกคนที่หลงเหลือในบ้านอีกหนึ่งคนเท่านั้น กรามหนาขบกัดจนแก้มสากนูนขึ้นสัน พฤติกรรมของมุกลดาตอนเอ่ยขอตัวไปทำธุระส่วนตัวดูลุกลี้ลุกลนและมีพิรุธอย่างชัดเจน เลยคิดได้ทางเดียวไอ้เงาดำตะคุ่ม ๆ อยู่นั่นน่าจะใช่เจ้าสาวหมาดๆ ตัวยุ่งเจ้าปัญหานั่นเอง ตกลงมโนธรรมที่ผุดขึ้นมาในใจแวบหนึ่ง จนทำให้เผลอหลุดปากช่วยเหลือครอบครัวเด็กน้อยที่ฟังความจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วว่าไม่ผิด แต่เพราะอำนาจเงินของคนอีกกลุ่มช่วยกันบิดเบือนความจริงกลับถูกให้เป็นผิด กลับผิดให้เป็นถูก กลายเป็นเขาเอาบ่วง เอาภาระมาผูกคอหรือเปล่า มุกลดาท่าจะทำให้เขายุ่งยากจนหาความสงบในชีวิตไม่ได้เสียล่ะมั้ง ชายผ้าสีขาวพลิ้วไหวลากไปบนพื้นดินชุ่มเปียก เพราะตั้งแต่สายจวบจนตอนนี้เย็นแล้ว ทว่าสายฝนซึ่งเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ก็เพิ่งจะแค่ซาลงไปเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น ทำให้บ้านป่าดูมืดครึ้มราวเป็นยามราตรีอันมืดสนิทไร้แสงเดือนและดาว ทว่าแม่นกน้อยคงมิได้หวาดหวั่นถึงได้ตีปีกพับ ๆ โผบินหนีอย่างไม่กลัวความหนาวเหน็บและอันตรายที่จะพ่วงท้ายเสียเลย เห็นร่างกระจ้อยร่อยราวกับเด็กจรดปลายเท้าลงบนพื้นหญ้าราวกับขโมยแล้วหงุดหงิดเหลือเกิน อยากจับร่างบอบบางมาเขย่าให้หัวคลอนเสียจริงๆ เป็นบ้าอะไรนักหนา ถ้าไม่อยากแต่งงานกับเขาก็บอกกันตรงๆ ซิ ไม่ใช่มาทำเจ้าล่อเจ้าเถิดให้ปวดหัวเล่นอย่างนี้ ยังไม่พอ ยังจะทำเป็นเก่ง ไม่หวั่นเกรงสิ่งใดเสียอีก “จะไปไหนทำไมไม่ชวนกันบ้าง...มุกลดา” คนที่กำลังหลงระเริงว่าตัวเองจะหนีรอดจากเงื้อมมือหมียักษ์ได้สำเร็จถึงกับสะดุ้งโหยง ด้วยเธอคิดจนปวดหัวแทบแตกนี่นา เดินวนไปเวียนมาในห้องราวกับหนูติดจั่น สีหน้าบูดเบี้ยวและบึ้งตึง เรียวปากอวบอิ่มยื่นออกมาด้านหน้าจนแทบจะติดกับจมูกอยู่แล้ว ดวงตาขุ่นขวางเหลือบมองไปบนเพดานห้อง ก่อนชะโงกหน้ามองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างคนกำลังคิดหนัก จะหนียังไงดี แค่ความมืดก็เป็นอุปสรรคในการหนีมากพอแล้ว นี่ยังจะมีสายฝนยังโปรยลงมาอย่างกะปริบกะปรอยอีก แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าทำให้ป่วยได้ง่าย ๆ เป็นอุปสรรคในการหลบหนีของคนไม่รู้ไม่ชินทางอย่างเธอซ้ำอีกอย่าง ที่หนักสุดก็คือไอ้คุณหมียักษ์อุปสรรคตัวพ่อนั่นแหละ ไม่รู้จะกลับเข้าห้องมาเจอเมื่อไหร่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD