“เราคงต้องไปนอนข้างถนน ฮือๆๆ เป็นคนผิดของน้าเอง น้ามันไม่ดีเอง ไม่น่าไปหลงเชื่อคนอื่นง่ายๆ เลย แรกๆ ตอนเล่นก็ได้นะปัท แต่พอเล่นไปมันยิ่งเสีย” รัตนาแกล้งตีอกชกตัว แสดงละครตีบทแตกจนปิ่นปัทมารีบเข้าไปจับไม้จับมือห้ามปรามเอาไว้ด้วยความสงสาร
“น้ารัตอย่าทำร้ายตัวเองสิคะ เราจะขอผัดผ่อนหนี้สินไปก่อนไม่ได้เหรอคะ เดี๋ยวปัทจะหาเงินมาช่วยใช้หนี้ เราช่วยๆ กันคงใช้หนี้หมด เอาบ้านและที่ดินคืนมา อีกอย่างเท่าที่ดูคุณนายก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกรรมอะไรมากมายนะคะ เพราะจริงๆ ตอนนี้ถ้าบ้านหลุดจำนองแล้ว คุณนายก็คงมายึดและไล่เราไปแล้ว แต่ท่านก็ยังปรานีให้เราอยู่ที่นี่ต่ออีก”
“ใครบอกว่าใจดีกันล่ะ เจ้าหนี้ก็หน้าเลือดหมดนั่นแหละ” รัตนายืนขึ้นหันหลังให้ปิ่นปัทมา ไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าแววตาของเธอเวลาพูด เดี๋ยวจะโดนจับโกหกได้
“นี่ปัทรู้ไหมลูก ยายคุณนายนั่นยืนคำขาดจะให้เราย้ายออกไปแล้วนะ จะขอผัดผ่อนหาเงินมาใช้ก็ไม่ยอม” รัตนาหันมาทำสีหน้าจริงจังในขณะที่น้ำตายังไหลพรากอาบแก้ม
“จริงเหรอคะน้ารัต”
“จริงสิ น้าจะโกหกเราทำไม เจ้าหนี้อย่างคุณนายน่ะหน้าเลือดเค็มยิ่งกว่าเกลือในมหาสมุทร ที่เราเห็นน่ะแค่เปลือกนอก จริงๆ ไม่ได้แสนดีแบบนั้นหรอก”
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีคะนี่” ปิ่นปัทมาพูดอย่างเป็นกังวล กลายเป็นเข้าทางรัตนาทันที อีกฝ่ายลอบเหยียดยิ้ม รอโอกาสให้ลูกเลี้ยงถามแบบนี้มานานแล้ว
“ก็มีทางอยู่นะ แต่น้าเกรงใจปัทน่ะ” รัตนาแกล้งถอนใจ เหมือนไม่อยากพูดเพราะเกรงอกเกรงใจเหลือเกิน
“เกรงใจปัทหมายความว่ายังไงคะ” ปิ่นปัทมาถามอย่างสงสัย เพราะท่านพูดเหมือนว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเธอโดยตรง หรือต้องให้เธอไปทำอะไร ถึงจะช่วยครอบครัวได้
“คุณนวลแขเค้าอยากให้ปัทไปทำงานขัดดอกที่บ้านเค้าน่ะ น้าคิดว่าเป็นการเอาเปรียบปัท น้าเลยไม่ได้รับปากเค้าไปหรอกนะ” รัตนาพูดแล้วถอนใจ เหมือนไม่อยากให้ปิ่นปัทมาไป
“โธ่... เรื่องแค่นี้เอง เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะน้ารัต ปัทยินดีค่ะ แต่น้าต้องสัญญาว่าจะไม่เล่นการพนันอีกนะคะ ปัทว่าถ้าไปทำงานที่นั่นปัทก็จะขอทำขนมส่งขายด้วยจะได้ใช้หนี้ไปพรางๆ น้ารัตว่าดีไหมคะ แต่ปัทไม่แน่ใจว่าคุณนายจะยอมหรือเปล่า แต่ถ้าไปทำงานบ้าน พอทำหน้าที่ตัวเองเสร็จ เราก็น่าจะขออนุญาตทำงานเราด้วย จะได้มีเงินเพิ่มขึ้นมาอีก หนี้สินจะได้หมดเร็วๆ” ปิ่นปัทมาคิดในทางที่ดีเสมอ
“ได้สิจ๊ะ ปัทนี่ช่างเป็นคนดีจริงๆ สมกับที่น้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย น้าสัญญาว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขพวกนั้นอีกแล้ว เดี๋ยวน้าบอกคุณนายให้นะว่าปัทจะทำขนมส่งขายด้วย หลังจากทำงานที่บ้านเสร็จแล้ว” รัตนาสวมกอดยิ้มอย่างสาสมใจ โดยที่ปิ่นปัทมาไม่มีโอกาสได้เห็นหรือนึกเฉลียวใจสักนิดว่ามันจะมีเงื่อนไขมากกว่านั้น
“ฝากน้ารัตบอกคุณนายให้ด้วยนะคะ ได้ไม่ได้ยังไงจะได้รู้กันไปค่ะ เพราะถ้าไม่ได้จะได้หาลู่ทางอื่นหาเงินอีก”
“ได้สิจ๊ะ น้าว่าคุณนายคงต้องอนุญาตแน่นอน” รัตนาเหยียดปากใส่ลูกเลี้ยงสาวขณะกอดรัดอีกฝ่ายเอาไว้
หึ! คงมีเวลาทำขนมหรอกนะ เวลานอนยังไม่รู้จะมีหรือเปล่า เค้าจะให้ไปผลิตลูกให้เค้าแบบนั้น
แต่ช่างเถอะ! ขอให้ปิ่นปัทมารับปากว่าจะไป อย่างอื่นเธอก็เออออห่อหมกไปแบบนั้นเอง พอไปถึงไม่ได้ทำขนมส่งขายจริงๆ ก็ไม่เป็นไร เพราะถือว่าเธอได้ทำตามข้อเสนอของเจ้าหนี้เรียบร้อยแล้ว เรื่องจะได้ทำขนมหรือไม่ได้ทำ ปิ่นปัทมาก็ต้องหาทางแก้ปัญหาเอาเอง มันไม่ใช่ปัญหาของเธอแล้วนี่นา
“ถ้าอย่างนั้นน้าจะบอกคุณนายนวลแขเลยนะจ๊ะว่าปัทตกลง” รัตนารีบบอกลูกเลี้ยงสาว ตกลงกันให้เสร็จสรรพ เพราะตอนนี้ปลายรุ้งไม่อยู่ เรียกว่าทางสะดวก
“เค้าจะยกหนี้ให้เราทั้งหมดเลยเหรอคะ” ปิ่นปัทมาถามซ้ำอีกครั้ง เพื่อความแน่ใจ
“ใช่จ้ะ แค่ปัทไปทำงานกับเค้าก็พอ ไม่กี่เดือนก็ปลดหนี้ได้แล้ว น้าบอกว่าปัทเก่งหลายอย่าง ทั้งทำอาหาร ทำขนม งานบ้านได้ทุกอย่าง บัญชีก็ได้ ปัทจบมาด้านนี้ คุณนายมีกิจการตั้งมากมายคงอยากหาคนไปช่วยจ้ะ”
รัตนาพูดโกหกทั้งเพ คนที่ดำเนินแผนการสำเร็จหัวใจพองโตคับอก เพราะจะได้บ้านและที่ดินกลับคืนมา เพราะสมบัติชิ้นนี้มันมีราคามากกว่าค่าตัวของปิ่นปัทมาด้วยซ้ำไป ปิ่นปัทมาจะไปเป็นอะไร โดนปู้ยี้ปู้ยำขนาดไหน ก็ไม่เกี่ยวกับเธอนี่นา แค่ลูกเลี้ยงถามอะไรเธอก็บอกว่าได้หมด ให้อีกฝ่ายรีบเดินทางไปอยู่บ้านโน้นให้เร็วที่สุด แค่นี้ก็ถือว่าสำเร็จแล้ว
ปิ่นปัทมาเองก็ไม่อยากให้บ้านและที่ดินของบิดาต้องตกไปเป็นของใคร แค่ไปทำงานใช้หนี้เดี๋ยวก็คงหมดหนี้ ได้กลับมาอยู่บ้านตัวเองอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าว่าอนาคตของเธอจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง!!!
ปิ่นปัทมามองบ้านหลังใหญ่ของคุณนวลแขด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น เธอสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง รัตนาผู้เป็นมารดาเลี้ยงบอกว่าแค่มาทำงานที่นี่ หนี้สินทุกอย่างก็จะหมดสิ้น เธอไม่อยากให้สมบัติชิ้นสุดท้ายหลุดลอยไป เพราะมีบ้านอยู่อย่างน้อยก็มีที่นอน ดีกว่าไปนอนข้างถนนหรือเช่าคนอื่นอยู่ ส่วนเรื่องอุปกรณ์ทำขนมนั้น รัตนาบอกว่าค่อยเอามาวันหลัง ให้เข้ามาอยู่ในบ้านของคุณนวลแขและตกลงอะไรกันให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งเธอก็เห็นด้วย เพราะอย่างไร ท่านก็คุยกับคุณนวลแขแล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร
“มาแล้วรึ” คุณนวลแขขยับแว่นมองร่างที่นั่งพับเพียบบนพื้น หลังจากที่สาวใช้เชิญเข้ามาในบ้าน ปิ่นปัทมายกมือขึ้นพนมเพื่อไหว้เจ้าหนี้รายใหญ่ แต่แท้ที่จริงเธอเห็นว่าอีกฝ่ายมีอายุมากกว่าจึงทำความเคารพตามสมควร
“ค่ะคุณนาย จะให้ปัททำอะไรบ้างคะ” ปิ่นปัทมาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ เพราะมารดาเลี้ยงบอกว่าคุณนวลแขจะให้ช่วยทำงานบ้านและทำบัญชีเล็กๆ น้อยๆ ในไร่ของหลานชายท่าน
“ฉันให้เธอไปอยู่กับหลานชายของฉัน ก็ทำทุกอย่างแหละ รู้ใช่ไหมว่าต้องทำอะไรบ้าง” คุณนวลแขเอ่ยถาม เพราะรัตนาบอกว่าปิ่นปัทมาทราบเงื่อนไขทุกอย่างแล้ว จึงไม่อยากอธิบายให้มากความ
“น้ารัตบอกแล้วค่ะ” ปิ่นปัทมารับคำ เพราะถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ทำอย่างที่รัตนาพูดไว้แต่แรก จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอธิบายกันอีก เพราะดูแล้วคุณนวลแขก้มดูนาฬิกาข้อมือเรือนหรูหลายครั้งแล้ว คงจะรีบออกไปธุระข้างนอก
“งั้นก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง ฉันเองก็กำลังจะออกไปธุระข้างนอก เธอตามแม่พุดกรองไปที่บ้านหลานชายฉันแล้วกัน อยู่อีกหลังไม่ไกลจากที่นี่มากนัก คงต้องเดินกันอีกหน่อยนะ”
คุณนวลแขลุกขึ้น หยิบกระเป๋าแบรนด์ดังคล้องเข้าที่แขนเตรียมออกจากบ้าน และตอนนี้คนขับรถก็เอารถมารอรับอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ค่ะคุณนาย” ปิ่นปัทมารับคำก่อนจะเดินตามสาวใช้ไปบ้านอีกหลังหนึ่งซึ่งไม่ไกลกันนัก เธอปาดเหงื่อด้วยความเหนื่อย รู้สึกกระหายน้ำเอามากๆ เพราะหลังจากตอบตกลง มารดาเลี้ยงก็ช่วยเก็บข้าวของทันที บอกว่าคุณนวลแขต้องการให้เธอมาทำงานเร็วที่สุด ยิ่งเร็วเท่าไหร่ หนี้สินก็จะหมดลงไปเร็วเท่านั้น ระยะเวลาของการทำงานก็แค่ปีเดียวเท่านั้น โดยปิ่นปัทมาไม่รู้เลยว่าปีเดียวสำหรับเธอแล้ว คือการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ
“คุณปัทมีอะไรสงสัยก็ถามพุดได้นะจ๊ะ” พุดกรองเอ่ยบอกอย่างมีไมตรีจิต
“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกจ้ะ เรียกพี่ปัทก็ได้” ปิ่นปัทมาบอกอย่างใจดี