นางกระซิบถามเสียงเบาดวงตาใสซื่อสุกสกาวสีเหลืองอำพันจ้องประมุขสัตว์เวทด้วยความหวัง
ท่านประมุขหัวเราะเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง เขามองดวงตาใสซื่อและสัมผัสกายของสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยพลันรับรู้ถึงพลังบางอย่าง อบอุ่นแผ่ซ่านผ่านมาทางนิ้วทั้งห้าของเขา
ประมุขสัตว์เวทเงี่ยหูฟังเสียงการไล่ล่าด้านนอกเมื่อเห็นว่าเงียบสงบแล้วจึงเอ่ยด้วยความเมตตา
"เจ้าช่างมีลักษณะโดดเด่นนักขอเพียงเจ้ามีผู้ชี้แนะที่ดีข้าคิดว่าเจ้าสามารถกลายเป็นเซียนได้"
ประมุขสัตว์เวทมีวิชาหยั่งรู้ เพียงสัมผัสเขาก็รับรู้ได้ว่าจิ้งจอกน้อยตนนี้มีพลังแห่งความมุ่งมั่นและกระแสพลังที่ยังไม่ถูกปลุกเร้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามากน้อยเพียงใดอยู่ภายในอาจเป็นเพราะว่านางยังเยาว์นัก
จิ้งจอกน้อยได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง ประมุขสัตว์เวทชี้แนะให้นางเดินทางไปยังทะเลทักษิณที่พำนักของเจ้าแม่กวนอิม และให้ขอร้องให้เจ้าแม่ผู้มีเมตตารับนางเป็นศิษย์
หลังจากได้ฟังคำชี้แนะจิ้งจอกเก้าหางน้อยรอนแรมมาเป็นเวลาถึงสามเดือนเต็ม โดยอาศัยแฝงกายถามทางมาเรื่อยๆ จนในที่สุดนางก็ค้นพบว่าตนเองนั้นได้หลงทางเสียแล้ว
"ข้าจะทำเช่นไรดี"
จิ้งจอกเก้าหางน้อยมองหุบเขาเบื้องหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันอย่างสิ้นหวัง ที่นี่ไม่มีเม็ดทรายไม่มีน้ำทะเลมีเพียงหุบเขาใบไม้ต้นไม้ด้านหน้า ทุกคนล้วนบอกว่าที่นี่เป็นที่พำนักของเทพเซียน แล้วไยกลายเป็นเช่นนี้
ขณะที่จิ้งจอกน้อยกำลังจะก้าวเท้าเดินต่อ นางรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่ขาอย่างรุนแรงครั้นก้มลงมองตรงจุดนั้นจิ้งจอกน้อยพบว่ามีบางสิ่งแหลมคมปักคาอยู่
บัดนี้นางโดนลูกธนูอาคมพุ่งมาจากทิศหนึ่งเสียบเข้าที่หน้าขาจนทะลุ ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กายอย่างรวดเร็ว
จิ้งจอกน้อยกรีดร้องร้องโหยหวนแม้ขาจะเจ็บแต่ความกลัวก็ทำให้นางก้าวเท้าวิ่งหนีอันตรายสุดชีวิตสิ่งที่ได้ยินในขณะที่วิ่งคือเสียงร้องอย่างดีใจของมนุษย์ผู้หนึ่งซึ่งสามารถจับสัตว์เวทได้ จะเป็นผู้ใดอีกเล่าหากไม่ใช่นางที่ทนพิษเจ็บปวดไม่ไหวจนต้องล้มลงไปกองที่พื้นในตอนนี้
คนเลวสองสามคนวิ่งตรงมาหานางอย่างรวดเร็วสุนัขจิ้งจอกน้อยผู้น้ำตานองหน้าด้วยคิดว่าครานี้ต้องตายแน่ๆ นางหลับตาแน่นความกลัวทำให้ร่างของนางสั่นจนไม่สามารถควบคุม กลิ่นของความตายลอยวนเวียนอยู่เบื้องหน้า และแล้วนางกลับได้ยินเสียงร้องอย่างหวาดกลัวของพวกมนุษย์จวบจนเวลาผ่านไปชั่วครู่นางก็ไม่ได้ยินเสียงอันใดอีก
คนผู้หนึ่งหยุดยืนที่ด้านหน้าของนางใบหน้างดงามหมดจดดูไม่ออกว่าเขาผู้นี้เป็นสตรีหรือบุรุษ แต่กลิ่นอายรอบกายนั้นสูงส่งยิ่งนักเขาเอื้อมมือมาจับขาของจิ้งจอกน้อยอย่างอ่อนโยนและอุ้มร่างสัตว์ขนปุกปุยขึ้นมาไว้แนบอก
จิ้งจอกน้อยมองเห็นใบหน้าของคนผู้นั้นอย่างใกล้ชิดเขายังเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่เติบโตเท่าใด ภายใต้แสงอาทิตย์ที่กำลังอัสดงคนผู้นี้ราวกับว่าเขากำลังเปล่งแสงเรืองรองออกจากร่างของเขา ลำแสงนี้ช่างเจิดจ้าอบอุ่นโอบอุ้มจิตใจ
นางหาได้รู้สึกตัวอีกจวบจนเวลาผ่านไปหลายวัน สิ่งที่สัมผัสได้คือผู้มีพระคุณคือเซียนน้อยผู้หนึ่งอายุคงราวเจ็ดแปดขวบใบหน้างดงามหมดจด ผิวขาวดุจหยกบริสุทธิ์มีประกายเรืองรองของเทพเซียนอยู่รอบกายแค่เพียงได้อยู่กับเขานางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เซียนน้อยผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติต่อนางอย่างดีคล้ายเห็นเป็นสหาย เขาคอยดูแลใส่ยาป้อนอาหารให้ กอดนางไว้อย่างทะนุถนอมทุกครั้งที่นางรู้สึกตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวด้วยฝันร้าย
ตั้งแต่นั้นมานางได้อาศัยอยู่กับเซียนน้อยและมารดาผู้งดงามจิตใจดีของเขา เวลาผ่านมาเกือบสามพันปีบัดนี้จิ้งจอกน้อยหายดีแล้วสามารถวิ่งซุกซนเที่ยวเล่นได้ หลายครั้งที่นางวิ่งออกมานอกเขตอาคมจนหาทางกลับไม่เจอเซียนน้อยต้องร้องห่มร้องไห้ตามหานางทุกครั้งไป เซียนน้อยผู้นี้มีนามว่าอาจ้าน และเขาเรียกนางว่าเจ้าก้อนเมฆน้อย
"เพราะขนของเจ้าปุกปุยนุ่มนิ่มเหมือนก้อนเมฆเจ้าจึงเป็นเจ้าก้อนเมฆน้อยของข้า"
น้ำเสียงของอาจ้านช่างไพเราะนัก ไม่ว่าเซียนน้อยผู้นี้จะทำสิ่งใดล้วนดึงดูดให้จิ้งจอกน้อยวนเวียนอยู่รอบกายเขาเป็นเพื่อนและครอบครัวเพียงคนเดียวของนาง
เจ้าก้อนเมฆกับอาจ้านมักนอนด้วยกันทุกวันในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บอาจ้านชอบที่จะซุกไซร้หาความอบอุ่นจากขนอันอ่อนนุ่มของนาง เพราะนางเป็นสัตว์เวทจึงมีร่างกายที่หอมกรุ่นนุ่มนิ่ม สุนัขจิ้งจอกน้อยมีความสุขจนลืมความตั้งใจที่จะบำเพ็ญเพียรเพื่อกลายร่างเป็นเซียนไปเสียสิ้นนางจะอยู่กับอาจ้านไปตลอดชีวิต
จนกระทั่งวันหนึ่งอาจ้านบอกกับนางว่าจะพานางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งวันนั้นอาจ้านเซียนน้อยมีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยน้ำตา เขากอดนางแนบอกไว้ตลอดเวลา จิ้งจอกน้อยสงสัยแต่ไม่อาจเอ่ยถามได้ว่าเขาร้องไห้ด้วยเหตุใด ได้แต่ซุกตัวปลอบโยนเขาในอ้อมกอด
"ท่านแม่ข้าต้องไปจริงๆ หรือข้าไม่อยากจากก้อนเมฆน้อยไป" เขาเอ่ยขณะพานางขี่เมฆมากับมารดาผู้งดงาม
"เจ้ารักก้อนเมฆน้อยไม่ใช่หรือสิ่งที่เจ้าทำได้คือปล่อยให้นางบำเพ็ญเพียรเมื่อนางกลายร่างเป็นเซียนแม่สัญญาว่าจะให้เจ้ามารับนางกลับมาอยู่ข้างกายเจ้าอีกครั้ง"
จิ้งจอกน้อยไม่เข้าใจที่สองเซียนแม่ลูกสนทนากัน ได้แต่ส่ายหางทั้งเก้าไปมา มองดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่งทำให้อาจ้านของนางร้องไห้หนักขึ้น