ตอนที่ 4 ป่าเถื่อนที่แท้จริง
“องค์รัชทายาท! จะทำอะไรหยุดนะ!”
“ข้าจะส่งเสริมเจ้าทำทานอย่างไรเล่า”
น้ำเสียงเข้มเอ่ยโต้ตอบพร้อมกับจับเรียวขางามแยกออกจากกัน ร่างสูงกำยำแทรกเข้ากลางกายสาว ขยับเอวหนาสอดประสานความเป็นบุรุษ
“หยุดนะ! ข้าเจ็บ!”
“หากไม่อยากเจ็บก็อยู่นิ่งๆ” เหลียงเฟิงไห่เอ่ยบอกเสียงแหบพร่า เมื่อยามที่ร่างกายของเขาประสานสอดแทรกเข้าสู่ตัวนาง ความคับแน่นที่ตอดรัดโต้ตอบก็ทำให้เขาสั่นสะท้าน ร้อนผ่าวจนแทบต้านทานไม่ไหว
“หลินหลินอย่าเกร็ง ข้า...”
“อะ... ข้าเจ็บ! พอแล้ว!” เสียงครวญกระเส่าของนางที่หลุดลอดออกมายามที่เขาขยับเอวหนา เป็นดุจเชื้อเพลิงที่โยนเข้ากองไฟ ร่างกายของรัชทายาทแคว้นฉู่ร้อนผ่าว ขนกายลุกชันจวนเสร็จสม หากแต่ถ้าเขาพ่ายแพ้ต่อนางง่ายดายเพียงนี้คงถูกนางดูแคลนอย่างแน่นอน
เหลียงเฟิงไห่ขบกรามแน่น ร่างกายเรียกร้องให้เขาขยับเอวหนาจนสุดกำลังเพื่อกลืนกินนาง เพียงแต่แค่เริ่มขยับตัว จ้าวฟางหลินก็แอ่นอกกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เหมือนร่างกายจะฉีกขาดออกจากกันเหลียงเฟิงไห่มองใบหน้าหวานที่ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม มือหนาปล่อยขาเรียวลงข้างกาย ก่อนใช้ปลายนิ้วกดบดคลึงที่เนินเนื้อกลางกาย กระตุ้นปลุกเร้านาง
“อื้ม...”
เมื่อถูกคนเหนือร่างปลุกเร้าอย่างหนักหน่วง จ้าวฟางหลินก็บิดตัวร้องครวญเสียงกระเส่าเหลียงเฟิงไห่เห็นร่างกายนางเริ่มตอบสนองก็โน้มตัวลง แนบริมฝีปากร้อนดูดกลืนยอดอก ตวัดลิ้นร้อนไปทั่วดอกบัวตูม ขณะที่เอวหนาก็ยังคงค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวฝังตัวในกายนางอย่างช้าๆจนกระทั่งถึงกลางลำ
“อะ...”
เสียงครวญกระเส่าดังสอดประสานกับจังหวะนิ้วยาวที่บดคลึง ใบหน้าขององค์หญิงจากต่างแดนแดงก่ำ เส้นผมเงางามเปียกชุ่ม ความเจ็บปวดในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าว ความรู้สึกแปลกประหลาดตีตื้นขึ้นมาในร่างกายเรียกร้องสัมผัสจากเขา
“อะ... อื้ม...”
เฟิงไห่ยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเอวบางเริ่มขยับเข้าหาเขาอย่างเรียกร้อง
“หลินหลินอยู่นิ่งๆ ไม่เช่นนั้นจะเจ็บมาก” เพราะร่างกายของนางบอบบางเกินไป หากเขารุกล้ำเข้าหานางในคราวเดียวนางย่อมไม่อาจรับไหว เพียงแต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่อาจควบคุมตนเองได้แล้วเช่นกัน เอวหนาค่อยๆ ขยับอย่างอ่อนโยน หากแต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับมั่นคง เพียงชั่วอึดใจก็ฝังตัวลงในกายนางจนสุดทาง
“อะ...อ้าส์...”
ร่างบางรีบยกมือขึ้นปิดปากตนเองเพราะหลุดเสียงน่าอายออกมา มุมปากของรัชทายาทแคว้นฉู่ยกขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนจะขยับเอวถอยห่างและแนบชิดจนสุดทางอีกครั้ง
“อะ... คนป่าเถื่อนหยุดนะ” จ้าวฟางหลินร้องบอกเสียงสะท้าน เมื่อถูกเอวหนาขยับเร่งจังหวะถี่กระชั้น
“หยุดอย่างนั้นหรือ...” เหลียงเฟิงไห่เอ่ยเสียงแหบพร่าเย้ยหยัน ก่อนจะขยับเอวเน้นหนักจนคนใต้ร่างตัวสั่นคลอน
“เจ้าตอดรัดข้าแน่นเพียงนี้ ต้องการให้ข้าหยุดจริงหรือ...พระชายาบรรณาการ”
“อะ... ชั่วช้า ข้า... อื้ม”
สิ้นประโยคนั้นจ้าวฟางหลินก็ไม่เหลือสติคิดถ้อยคำต่อว่าเขาอีก ร่างกายของนางร้อนผ่าว เอวบางขยับตอบสนอง เรียกร้องตอดรัดเขาโดยไม่รู้ตัวเหลียงเฟิงไห่แหงนหน้าร้องครวญเสียงแหบพร่าอย่างพึงพอใจ ขยับเอวหนากลืนกินนางอย่างหนักหน่วงต่อเนื่อง ดวงตาคมมองร่างบอบบางของพระชายาที่สั่นไหวตามแรงเอวหนา แล้ววางสองมือจับยึดบีบเคล้นอกอวบอิ่มที่กระเพื่อมไหวมือเรียวบางของจ้าวฟางหลินขยุ้มผ้าปูเตียงจนยับย่น ขยับยกเอวบางโต้ตอบ ร่างกายทั้งเสียวทั้งเจ็บเกิดความรู้สึกหลากหลายที่ไม่คุ้นเคย ใบหน้าหวานเชิดขึ้น ริมฝีปากอ้าออกเพื่อหอบหายใจสลับกับครวญครางเหลียงเฟิงไห่ถูกคนใต้ร่างตอดรัดโต้ตอบอย่างไร้เดียงสา ก็ไม่อาจควบคุมตนเองเอาไว้ได้ มือหนาเคลื่อนลงมาจับยึดเอวบางแล้วขยับเอวหนาสุดกำลัง จ้าวฟางหลินถูกเขาส่งแรงรักเข้ามาอย่างหนักหน่วงร่างกายก็ไม่อาจต้านทาน เกร็งกระตุกสั่นสะท้านตอดรัด
“หยุด! ข้าไม่ไหวแล้ว อื้ม...” เสียงร้องครวญหวานของพระชายาต่างเมืองดังลั่นห้อง ร่างกายของผู้เป็นรัชทายาทก็ไม่อาจทนต่อไปได้อีก ขยับเอวหนาอีกระลอกก็ปลดปล่อยสายน้ำอุ่นอาบไว้กลางกายนางทว่าจ้าวฟางหลินยังไม่ทันได้พักหายใจ ผู้เป็นสวามีก็จับเอวบางพลิกคว่ำ มือหนาช้อนสะโพกให้ยกขึ้น ก่อนจะเสียบแท่งหยกลงไปอีกครั้ง
“อ่าส์...ไอ้คนป่าเถื่อน...ปล่อยข้า...พอแล้ว”เสียงหวานเอ่ยปากห้ามอย่างอ่อนแรง เอ่ยออกมาแต่ละคำช่างยากเย็น และน่าอับอายเพราะเสียงนางสั่นจากแรงกระแทกถี่ที่ด้านล่าง
“อ้าส์...พอได้อย่างไรดูเจ้าออกจะชอบสิ่งนั้นของข้า มิเช่นนั้นจะตอดรัดข้าแน่นอย่างนี้หรือ”
จ้าวฟางหลินกรีดร้องออกมา ทว่าไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้แม้เพียงครึ่งคำ สติที่พึ่งคืนกลับถูกเขาทำให้เลือนหายอีกครั้งเหลียงเฟิงไห่ไม่ได้เบาแรงตนเองลงเลยสักเพียงนิด ร่างหนาเอาแต่ใจตนเอง ขยับเอวหนาจวบจนรุ่งสางก็ยังไม่ยอมรามือจวบจนเห็นว่าพระชายาตนเองนอนหลับใหลราวคนสิ้นสติ เอวหนาจึงเน้นหนักปลดปล่อยความสุขสมอีกระลอกแล้วจึงยอมหยุดมือ ก้าวลงจากเตียงไปหยิบเสื้อคลุมออกมาใส่ และเดินออกไปสั่งนางกำนัลเข้ามาเช็ดเนื้อตัวให้พระชายาบรรณาการของตน
เมื่อสั่งเสร็จองค์รัชทายาทหนุ่มก็เดินกลับไปยังห้องนอนของตนเองอย่างไม่สนใจไยดีอีก เขาไม่ต้องการจะร่วมหลับนอนห้องเดียวกับนาง และเมื่อสั่งสอนคนอวดดีเสร็จก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่ต่อ ร่างหนาเดินจากไปอย่างเบาตัว