ตอนที่ 2 ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่งดงาม
เกี้ยวเจ้าสาวขนาดแปดคนหามเคลื่อนขบวนออกจากวังหลวงตั้งแต่ยามเหม่า การตกแต่งประดับประดานับว่าประณีตงดงามไร้ที่ติ ถึงคณะเดินทางจะออกจากแคว้นซีจิ้งเช้าปานนี้ ทว่าประชาชนก็ยังรวมตัวออกมาส่งองค์หญิงอันเป็นที่รัก หีบสินเดิมทอดยาวเป็นสาย บ่งบอกถึงความสำคัญขององค์หญิงในพระทัยพระบิดา
ร่างอรชรในเกี้ยวเจ้าสาวนั่งหลังเหยียดตรงใบหน้าภายใต้ผ้าแดงมงคลเรียบเฉย เสียงอวยพรที่ดังมิได้เข้าหู เพราะในใจรู้ดีว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นไปตามคำบัญชา หาใช่ความรู้สึกแท้จริงไม่ ทันทีที่สวมใส่ชุดวิวาห์สีแดงสดภายในใจก็หนักอึ้ง หนทางข้างหน้าจะดีหรือร้ายไม่อาจคาดเดา จ้าวฟางหลินหลับตาลงช้า ๆ เสียงผู้คนเริ่มไกลออกไปจนกระทั่งเสียงเหล่านั้นเงียบลงไปในที่สุด นางคงเดินทางออกนอกเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“องค์หญิงเพคะ ขบวนเราจะพักโรงเตี๊ยมข้างหน้า องครักษ์เฉินล่วงหน้าไปเตรียมสถานที่ไว้แล้ว เราจะหยุดค้างหนึ่งคืน องค์หญิงพอพระทัยหรือไม่เพคะ” จ้าวฟางหลินถอนหายใจออกมา พลันในใจอดจะคิดไม่ได้ว่าหากไม่พอใจเล่าจะอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตลอดไปได้หรือ ทว่าความคิดก็คงเป็นได้เพียงความคิด สิ่งที่แสดงออกไปมีเพียงแค่พยักหน้าตกลง
“เอาตามที่พวกเจ้าเห็นสมควรเถิด ดูแลเรื่องอาหารการกินให้ทั่วถึง คนแบกหามเกี้ยวข้าเช่นกัน แบ่งอาหารให้พวกเขาเสียมากหน่อย พวกเขาแบกหามข้ามาตั้งไกลเหน็ดเหนื่อยมิใช่น้อย”
“เพคะองค์หญิง” ถางเย่นางกำนัลคนสนิทที่ติดตามมารับใช้องค์หญิงฟางหลิน ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม ในใจนึกปลาบปลื้มที่องค์หญิงทรงใส่ใจบ่าวไพร่ถึงเพียงนี้
ไม่แปลกใจที่องค์หญิงของนางจะเป็นที่รักของเหล่าผู้คนแคว้นซีจิ้ง เพราะพระองค์เป็นผู้ที่มีเมตตาแม้กระทั่งบ่าวแบกหามผู้ต่ำต้อย พระองค์ก็ยังคงห่วงใย นับเป็นโชคดีที่นางได้ติดตามมารับใช้พระองค์หญิงเช่นนี้ เป็นบ่าวหากมีนายดีย่อมนับว่าเป็นวาสนาอันสูงส่ง
จ้าวฟางหลินลงจากเกี้ยวก็ขึ้นไปพักยังห้องนอนที่โรงเตี๊ยม นางไม่ต้องกลัวว่าจะมีผู้ใดลอบเข้ามาทำร้ายได้ องค์ฮ่องเต้ทรงจัดยอดฝีมือตามอารักขานางหลายสิบนายและสายลับเงาอีกนับไม่ถ้วนหากจะมีผู้ใดกล้าเข้ามาไม่นับว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรอกหรือ
จะว่าเร็วก็เร็วจะช้าก็ช้า เวลาไม่ถึงสิบห้าวัน จ้าวฟางหลินก็ข้ามแคว้นมาเป็นที่เรียบร้อย ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวค่อย ๆ เคลื่อนขบวนไปยังวังหลวงเพื่อทำความเคารพต่อองค์ฮ่องเต้ต่างแคว้นเป็นอันดับแรก เมื่อก้าวเข้ามายังท้องพระโรงในใจก็เศร้าหมอง ทว่าใบหน้าและท่าทางที่แสดงออกมานั้นกลับเด็ดเดี่ยว และไม่ทิ้งความอ่อนหวานงดงามของนางเลยแม้แต่น้อย
“หม่อมฉันจ้าวฟางหลินถวายพระพรองค์ฮ่องเต้ ถวายพระพรองค์ฮองเฮาเพคะ” เสียงกังวานใสดังขึ้นเรียกรอยยิ้มพึงพอใจให้กับเจ้าบ้านเป็นอย่างดี
“อย่าได้มากพิธีเลยฟางหลิน เสด็จพ่อและเสด็จแม่ของเจ้าสบายดีหรือไม่”เหลียงเทียนเฉิงฮ่องเต้แคว้นฉู่ถามขึ้นอย่างเป็นกันเอง พระสุรเสียงเอ่ยออกไปอย่างอ่อนโยน เพราะถึงอย่างไรฮองเฮาจ้าวฟางหรงก็เคยเป็นสตรีของแคว้นฉู่มาก่อน และนางยังเป็นถึงบุตรีของเสนาบดีเซี่ยโป๋ซีอีกด้วย
“ขอบพระทัยเพคะ”จ้าวฟางหลินโน้มตัวรับคำ กิริยามารยาทงดงามเช่นดังองค์หญิงพึงกระทำ เป็นที่ถูกใจขององค์ฮ่องเต้และฮองเฮาเป็นอย่างมาก
สำรับของวังหลวงที่ถูกปรุงขึ้นด้วยวัตถุดิบชั้นดี ถูกนำออกมาต้อนรับ จ้าวฟางหลินพอได้คลายกังวลลงไปได้บ้าง เพราะเห็นแล้วว่าเจ้าของแคว้นต้อนรับนางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าพระชายาต่างแดนเช่นนางจะไม่ต่างจากพระชายาบรรณาการที่ตรงไหน แต่เมื่อได้รับการต้อนรับที่ดีเช่นนี้ก็อดที่จะรู้สึกดีขึ้นมาบ้างไม่ได้
เพียงไม่นานการรอคอยของนางก็สิ้นสุดลง เมื่อบุรุษรูปร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยอาภรณ์สีแดงเฉกเช่นเดียวกับนางก้าวเข้ามาสมทบยังท้องพระโรงแห่งนี้ จ้าวฟางหลินประสานมือตนเองไว้ที่หน้าตัก ในใจหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าหน้าตาว่าที่สวามีจะเป็นเช่นไร แต่เรื่องความป่าเถื่อนที่ได้ยินมายังดังก้องในหัว ร่างบางอดหวาดกลัวมิได้
“เสร็จพิธีแล้วก็พาพระชายาของเจ้ากลับจวนเถิดเฟิงไห่”
“พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นลูกทูลลา”
เป็นอีกครั้งที่จ้าวฟางหลินต้องเดินทางแต่การเดินทางครั้งนี้แค่เพียงอึดใจเดียวเท่านั้น เจ้าบ่าวหน้าตาเป็นเช่นไรนางไม่อาจเห็นได้ เพราะมองจากผ้าปรกหน้าช่างเลือนรางรู้เพียงร่างกายใหญ่โตนัก
ขบวนเจ้าสาวเคลื่อนออกจากวังหลวงไปยังตำหนักบูรพาเหลียงเฟิงไห่ขี่อาชาสีขาวนวลราวไข่มุกนำอยู่หน้าขบวน ใบหน้าหล่อเหลาไม่บ่งบอกว่าอยู่ในอารมณ์ใด เมื่อเข้ามาถึงตำหนักบูรพาบ่าวสาวต่างก็ทำพิธีคำนับฟ้าดิน และส่งตัวเข้าไปอยู่ในห้องหอ
เหลียงเฟิงไห่มองพระชายาตนเองนั่งหลังตรงทว่าสง่างามอยู่บนเตียงก็ยกยิ้มขึ้นมา ร่างหนาเดินไปเปิดผ้าคลุมปิดหน้าออก เพียงแค่แวบแรกที่ได้สบสายตาราวกับตกอยู่ในภวังค์แววตาพระชายาดูหวาดหวั่น เหลียงเฟิงไห่ชะงักค้าง เพียงไม่นานก็เกิดโทสะอย่างไร้เหตุผลเหตุใดนางจึงคล้ายกับว่าไม่รู้จักเขามาก่อน
“ข้ามิเต็มใจที่จะรับเจ้ามาเป็นชายา หากรู้อย่างนี้แล้วก็จงกลับแคว้นของเจ้าไปเสีย อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก”น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยออกมาอย่างไม่ถนอมน้ำใจของอีกฝ่าย
จ้าวฟางหลินเงยหน้าขึ้นดวงตาสั่นไหว คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่น นางหาได้เข้าใจสิ่งใดไม่ หากไม่ต้องการรับนางเป็นพระชายาเหตุใดไม่ปฏิเสธตั้งแต่แรก กราบไหว้ฟ้าดินร่วมกับนางไปเพื่อเหตุใด เช่นนี้แล้วนางจะกลับได้อย่างไร มิใช่ว่านางเป็นพระชายาของเขาไปโดยถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณีแล้วหรือ
“พระองค์ไม่ทรงพอพระทัยหม่อมฉันหรือเพคะ” เสียงใสถามออกไปอย่างใคร่รู้ ไม่ใช่ว่ามีเพียงแค่นางที่ไม่เต็มใจ เขาเองก็ไม่เต็มใจเช่นกันใช่หรือไม่