“ฉันกับหนูมิ้น เราไม่ได้ต้องการอะไร...การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่กับลูกสาวสองคนก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ฉันมีงานทำ ลูกได้ไปโรงเรียน ฉันสามารถเลี้ยงดูแลได้อย่างดี...เราไม่ต้องการคุณหรือใครทั้งนั้นเข้ามาในชีวิต” เธอยกลาเต้เย็นในแก้วที่พนักงานเพิ่งนำมาเสริฟจิบเพื่อดื่มด่ำกับรสชาติเล็กน้อย ก่อนจะวางลงอย่างใจเย็น
ร่างเล็กเอนพิงอาร์มแชร์สีเทาเข้ม ยกเท้าขึ้นไขว่ห้าง สองมือสอดนิ้วเข้าหากันแล้ววางลงบนตักอย่างผู้รับฟังที่ดี
สีหน้าของเธอช่างราบเรียบ เฉยชา คำพูดทุกคำก็ล้วนถูกตริตรองมาอย่างมีเหตุมีผล ยิ่งทำให้เขาแปลกใจ เวลา...ทำให้ผู้หญิงไสซื่อแสนจะอ่อนโยนคนหนึ่ง เปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
“ทำอย่างไร...ถึงจะยอมยกโทษให้พี่ อย่างน้อยๆ พี่ก็ควรได้รับผิดชอบบ้าง”
“ใครอยากได้? ความรับผิดชอบของคุณน่ะ” วาจาเชือดเฉือน สีหน้านิ่งเรียบเผยรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“พี่เป็นคนอยากให้...และมาขอร้องไม่ได้ต้องการให้หนูอึดอัดใจ”
“มันก็นานมากแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมาเกี่ยวพันกันอีก คุณเองก็แต่งงานมีเมียใหม่ ถ้าอยากรับผิดชอบลูก ก็มีลูกคนใหม่เสียสิ” เธอว่า
“ไม่...พี่มีได้แค่หนูมิ้นคนเดียว” เขาว่า
“หนูมิ้นไม่มีพ่อ แกมีแต่ฉันที่เป็นแม่”
“ความจริงก็คือความจริง ต่อให้ครั้งหนึ่งพี่เคยทำร้ายแกกับหนู...แต่หนูมิ้นก็เป็นลูกสาวของพี่เหมือนกัน”
“ไม่มีประโยชน์...ฉันเกิดมาจากครอบครัวที่เพียบพร้อม แต่ไม่เคยมีอะไรสมบูรณ์แบบ ฉันเข้าใจดีว่าครอบครัวที่มีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่าง” ปมด้อยในชีวิตที่ผ่านมา เป็นบทเรียนราคาแพงให้กับเธอ แต่ก็เป็นภูมิคุ้มกันชั้นดีในขณะเดียวกัน แม้จะมีหนูมิ้นในวันที่ไม่พร้อม แต่หญิงสาวก็เข้าใจและรู้ดีว่าควรเลี้ยงลูกวิธีแบบไหน อย่างไร
เพื่อให้ในอนาคตของแก...อยู่ร่วมกับสังคมภายนอกด้วยความเข้าใจมากที่สุด
“อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนเลยนะเภตรา...ได้โปรด”
“ที่ผ่านมา...เราสองคนแม่ลูกเคยมีตัวตนในชีวิตของใครบ้าง เราก็ยังอยู่กันได้ และไม่มีใครตาย”
“เภตรา”
“ถ้าอยากชดเชย งั้นก็จ่ายมาห้าสิบล้าน...แค่นี้ก็คงพอทำให้คุณหายรู้สึกผิดแล้วมั้ง” หญิงสาวถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคงตกลงกันง่ายๆ ไม่ได้ เธอก็ยื่นข้อเสนอให้เสียเลย ทั้งที่ใจไม่ได้ต้องการอะไรแม้แต่น้อย
“พี่ไม่ห่วงเรื่องเงินทอง...เพราะทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องเป็นของหนูมิ้น อยู่แล้ว แต่พี่ขอพบลูกบ้างได้ไหมเภตรา”
“ไม่...จ่ายเงิน แล้วก็ไสหัวไปไม่ต้องกลับมาอีก แค่อยากรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ”
“อย่าให้พี่ต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำเลยนะ...อยากได้อะไรก็จะให้ ขออย่างเดียว พี่ต้องได้สิทธิ์ในการดูแลลูกด้วย” คราวนี้น้ำเสียงไม่ได้นุ่มนวลเหมือนเคย อมันต์ระงับความโกรธอย่างที่สุด เพราะรู้แก่ใจว่าตัวเองผิดเต็มประตู แต่ทุกคนก็มีเหตุผลของตัวเอง และเขา...ก็มีเหตุผลเช่นกัน
“แล้วเมียคุณล่ะ...เลิกนิสัยเห็นแก่ตัวเลวๆ แบบนี้เสียทีเถอะ” เภตราเองก็เหลืออด
“เรื่องนั้นพี่จัดการได้ เคทเป็นคนมีเหตุผล พี่จะอธิบายให้เขาฟังเอง”
“แต่ฉันไม่ยอม อย่าคิดว่ามีเงินแล้วอยากเหยียบหัวใครก็ไม่ต้องสนใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้”
“พี่ไม่เคยคิด...แต่มันมีทางออกที่ดีกว่าเราแยกกันเลี้ยงลูกนะเภตรา พ่อกับแม่หนูเอง ท่านก็อยากเจอหนู พี่กับพวกท่าน เราติดต่อกันตลอด” เขากล่าว สีหน้าจริงจัง
“....” เมื่อถูกกล่าวอ้างถึงบุพการี หญิงสาวก็นิ่งอึ้งไป
“กลับไปกับพี่เถอะ...พาหนูมิ้นไปด้วย กลับไปอยู่บ้านที่พ่อแม่ของหนูเหมือนเดิมนะ”
“เพื่ออะไร...ที่ผ่านมาฉันทนทุกข์กับภาวะแท้งลูก แต่ก็ยังต้องทนทำงานเพื่อเก็บเงิน ทำทุกอย่างให้ลูกปลอดภัย จนแกได้เกิดมาครบสามสิบสอง พวกคุณใครเคยมาใยดีฉันบ้าง แม้แต่พ่อกับแม่ก็ไล่ฉันเหมือนหมูเหมือนหมา...ส่วนคุณเลวระยำถึงขนาดสอดยาจะขับลูกให้ตายทั้งเป็น ผ่านไปห้าปีที่ฉันกับลูกต้องลำบากตรากตรำ แล้วจู่ๆ คุณก็โผล่มาชวนดื่มกาแฟ แล้วก็บอกกลับไปอยู่บ้านเถอะ...มันดูง่ายจังเลยนะ ชีวิตพวกคุณน่ะ!” พูดจบก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขา ก่อนจะขว้างลงพื้นจนแก้วแตกกระจาย
“เภตรา...”
“อย่ามายุ่งกับฉันกับหนูมิ้นอีก...ถ้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ฉันจะพาลูกไปฆ่าตัวตาย”