บทที่ 4 ตอนที่ 1

1673 Words
พรึ่บ! ร่างเล็กลุกพรวด หายใจหอบแรง เธอหันมองไปรอบๆ ก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย “โรงพยาบาล...เกิดอะไรขึ้น...” หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ขณะพยายามคิดทบทวน แล้วเมื่อตั้งสติได้ก็รีบลงจากเตียงในทันที “คุณคะ เดี๋ยวค่ะ...คุณเพิ่งฟื้นต้องนอนพักสักครู่ก่อนนะคะ” นางพยาบาลที่ดูแลห้องพักผู้ป่วยรีบปรี่ตรงเข้าไปห้ามปราม พลางรีบจับเสาแขวนขวดน้ำเกลือที่กำลังจะล้มไว้พอดี “ลูก...ลูกฉันล่ะ หนูมิ้นอยู่ไหน ลูกฉันอยู่ไหน” เภตราหันรีหันขวาง หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นหล่นหาย เมื่อมองไม่เห็นลูกสาวอันเป็นที่รักอยู่ข้างๆ เพราะจำได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นที่หน้าโรงเรียน “ลูกของคุณปลอดภัยดี ใจเย็นๆ ก่อนนะคะ เดี๋ยวพยาบาลจะพาไปหา น้องอยู่ในห้องพักฟื้นผู้ป่วยเด็กค่ะ” “หนูมิ้น...พยาบาลไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม” เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง แล้วพยาบาลก็พยุงกลับไปนอนบนเตียง “ไม่โกหกหรอกค่ะ น้องไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่ช็อกแล้วสลบไปเท่านั้นเอง พักผ่อนให้ร่างกายปรับตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวจะหน้ามืดเป็นลมเอาอีก” “แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เจอลูกคะคุณพยาบาล” เธอจับแขนพยาบาลใจดีแล้วเอ่ยถามด้วยแววตาเต็มไปด้วยความหวังและห่วงหาลูกน้อย “เดี๋ยวพยาบาลตรวจความดันแล้ววัดไข้ให้ นอนพักอีกสักครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่มีอาการเวียนหัวหรืออ่อนเพลียก็ไปหาน้องได้แล้วค่ะ” “แต่...” “อย่าดื้อนะคะ” พยาบาลส่งยิ้มอ่อนโยน แล้วแตะที่แขนของเธอเบาๆ เป็นการปลอบโยน เภตราไม่ตอบ เธอไม่มีทางวางใจได้หากไม่เห็นกับตาว่าลูกปลอดภัยแล้วจริงๆ แต่ด้วยอาการยังสะลึมสะลือและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงจึงยอมสงบสติอารมณ์ รอให้ถึงเวลาตามที่พยาบาลได้บอก จากนั้นพยาบาลก็เตรียมอุปกรณ์มาเช็กสภาพร่างกายให้เธอ หญิงสาวเพิ่งจะสังเกตว่าห้องพักนี้เป็นห้องพิเศษ ไม่ได้อยู่รวมกับผู้ป่วยคนอื่นๆ ความสงสัยจึงก่อตัวขึ้น “ทำไมฉันมาอยู่ห้องพิเศษล่ะคะ” เธอเอ่ยถามขณะพยาบาลกำลังวัดความดันให้ “คู่กรณีของคุณ คนที่เขาขับรถชนคุณเป็นคนรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดค่ะ และสั่งให้ดูแลคุณสองคนแม่ลูกอย่างดีจนกว่าจะหาย” “รถชน...คนที่ขับรถชนเราสองคนเหรอ...” เภตราก้มหน้าลงอย่างใช้ความคิด “ใช่ค่ะ...” “พี่อาร์ต” เธอนึกขึ้นได้ทันทีว่าใคร...คือผู้ที่ก่อเหตุในตอนนั้น หัวใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง เนื้อตัวเย็นเฉียบราวจับไข้ แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นนั่งอีกครั้งพลางจับมือพยาบาลแล้วข้อร้องอ้อนวอน “เกิดอะไรขึ้นคะ...” “ฉันสบายดีแล้ว พาฉันไปหาลูกสาวเดี๋ยวนี้เลยนะคะ” “แต่...” พยาบาลสาวทำหน้าแปลกใจปนลังเล “นะคะ ฉันขอร้อง ให้ฉันได้เจอกับลูกเถอะ เราสองคนไม่เคยอยู่ห่างกันเลย ยิ่งเป็นเวลาแบบนี้ถ้าไม่มีฉันอยู่ด้วยแกคงกลัวจนขวัญเสีย” “ก็ได้ค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวพยาบาลไปเอารถเข็นมาให้” เภตราพยักหน้าแล้วยอมปล่อยมือจากแขนพยาบาลสาว ค่อยเบาใจเมื่อได้จะได้พบกับลูกสาวในอีกไม่ช้า เพราะใจเธอตอนนี้มันร้อนรนเหลือเกินแล้ว ‘คุณยังไม่กลับบ้านอีกเหรอคะ’ “อืม...รอหมอเช็กให้ละเอียดก่อนผมถึงวางใจได้” เขาตอบกลับปลายสายซึ่งเป็นภรรยา ขณะกำลังนั่งมองร่างเล็กป้อมซึ่งนอนหลับอยู่บนเตียงลักษณะคล้ายเปลสำหรับเด็กเล็ก สายตาของเขาไม่อาจละไปทางอื่นได้เลย แม้จะนั่งเฝ้าอยู่ตั้งแต่เมื่อวานหลังเกิดเรื่อง ‘เคทก็เข้าใจนะว่าคุณห่วงเด็ก แต่หมอก็ยืนยันแล้วนี่คะว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก เดี๋ยวก็ออกจากโรงพยาบาลได้ ยังต้องเช็กอะไรกันอีก ทางตำรวจก็ไม่น่ามีปัญหาเพราะเรารับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว ทั้งค่าทำขวัญที่คุณตั้งใจจะให้ ทั้งค่ารักษามันก็มากเกินพอแล้วนะคะ ไม่ใช่ ญาติ ไม่ใช่คนรู้จักกันเสียหน่อย ถึงต้องดูแลใกล้ชิดขนาดนั้น’ “เอาเถอะๆ ถ้าหมอตรวจรอบนี้แล้วไม่มีปัญหาอะไรผมก็หมดห่วง” ชายหนุ่มบอกปัด ‘ดีแล้วค่ะ ถึงขั้นไปนอนเฝ้า ไปคอยดูแลจนเสียการเสียงาน ถ้าอาการถึงขั้นโคม่าเคทก็ไม่บ่นหรอกค่ะ แต่นี่มันเล็กน้อยเอง’ “ผมขอโทษนะ ที่ทำให้ทริปฮันนีมูนของเราต้องล่ม เคทต้องกลับไปนอนที่โรงแรมคนเดียว เอาไว้ถ้าจบเรื่องนี้แล้ว ผมจะชดเชยให้ จะตามใจ เคททุกอย่าง” ‘ค่ะ...แล้วแต่คุณเถอะ’ แล้วเธอก็ตัดสายไป “...” อมันต์ลดโทรศัพท์ลงมาถือเอาไว้ แล้วก็ก้มหน้าถอนหายใจ เพราะรู้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้สุคนธรสขุ่นข้องหมองใจเป็นอย่างมาก เพราะทั้งคู่แต่งงานกันได้เพียงสามเดือน และกำลังอยู่ในช่วงฮันนีมูนหลังจากเขาเพิ่งจะสะสางงานในกลุ่มบริษัทร้านทอง และมีเวลาว่างมากพอสำหรับเธอ แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่ได้สวยงามอย่างที่วาดฝัน... การมาฮันนีมูนในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนชีวิตเขาให้กลับไปเป็นสามีที่ดีเหมือนเดิมของเธอไม่ได้อีกแล้ว ร่างใหญ่ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินไปที่เตียงของเด็กหญิงตัวน้อยซึ่งขดตัวหลับปุ๋ยอยู่ใต้ผ้าห่ม สองมือจับราวกั้นเตียงเอาไว้แล้วเพ่งพินิจใบหน้าไร้เดียงสา สองแก้มยุ้ยชวนให้อยากก้มลงไปหอมสักฟอดคงชื่นใจไม่น้อย ริมฝีปากเล็กขมุบขมิบคล้ายกำลังละเมอ ผมของเธอดำขลับและยาวสลวย ผิวพรรณขาวผุดผ่องอย่างมีสุขภาพ บ่งบอกถึงการถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี อมันต์เผลอยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ความสุขน้อยๆ มันก่อตัวขึ้นในใจอย่างประหลาดพร้อมกับความรู้สึกสำนึกผิดซึ่งอัดแน่นอยู่เต็มอก ลูกของเขา...ชายหนุ่มมั่นใจ ทั้งวงหน้าจมูกปากคิ้ว เธอเหมือนเขาทุกอย่าง เว้นแต่โครงหน้าและดวงตาที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นแม่ไม่มีผิดเพี้ยน กลมมน...น่ารักปนหวาน แก้มยุ้ยๆ สองข้างขยับเล็กน้อยยามที่เธอเธอห่อปากคล้ายกำลังละเมอช่างน่าชังเป็นที่สุด แต่พอสายตาได้มองเห็นรอยฟกช้ำรอยถลอกซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุแล้ว ก็พานทำให้รอยยิ้มของเขาต้องหายไป กลายเป็นความรู้สึกห่วงกังวลเข้ามาแทนที่ โชคดีเท่าไหร่แล้วที่เจ็บเพียงแค่ไม่มาก แค่หัวแตก...ตามตัวก็มีรอยแผลถลอก และรอยฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น “บุษบามินตรา” ชื่อของเธอ ช่างเสนาะหูและสละสลวยเหมาะสม เด็กคนนี้คงไม่เคยมีที่ติเลยแม้แต่รอยยุงกัด กลับต้องมาได้รับบาดเจ็บถึงขั้นนอนโรงพยาบาลเพราะเขา... ในขณะเดียวกัน ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พยาบาลในชุดขาวเข็นรถเข็นผู้ป่วยเข้ามา ชายหนุ่มรู้สึกดวงตาฝ้าฝางไปชั่วครู่ ก่อนจะมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ สองมือวางไว้บนตัก เธอดูสงบนิ่งและเฉยเมย ไม่แม้จะชายตาแลเขา “ลูกสาวคุณหลับอยู่ค่ะ เมื่อกี้เพิ่งให้ยาไป แกยังมีอาการเหม่อๆ แต่ไม่ได้ร้องไห้งอแง ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” พยาบาลผู้ดูแลเด็กน้อยกล่าว เภตราหันไปยิ้มให้เป็นการขอบคุณ แล้วพยาบาลก็ปลดราวกั้น เพื่อให้ผู้เป็นแม่ได้เข้าใกล้ลูกมากขึ้น “หนูมิ้นลูก...โถ” มือเล็กซีดลูบไปที่ศีรษะของบุษบามินตราซึ่งยังนอนหลับสนิท สายตามองเห็นบาดแผลถลอกและรอยฟกช้ำดำเขียว เธอก็เจ็บปวดแทนจนสะอื้นออกมาอย่างอดไม่ได้ ลูกสาวที่ถูกเลี้ยงมาอย่างถนอมด้วยสองมือด้วยความยากลำบาก บัดนี้กลับต้องมีริ้วรอยเต็มไปหมด คนที่รักลูกยิ่งกว่าตัวเองอย่างเธอ ทำใจรับได้ยากยิ่ง... “แกชื่อ...หนูมิ้นเหรอ” อมันต์เดินเข้ามายืนใกล้เธอแล้วเอ่ยถาม เขาไม่ได้คาดหวังจะได้รับการตอบกลับ แค่เพียงอยากเปิดบทสนทนากับหญิงสาวก็เท่านั้น ห้าปีที่เขาคิดว่าเธอกับลูกได้จากโลกนี้ไปแล้ว ความรู้สึกมันเกินบรรยายเมื่อได้มาพบเจอกันอีกครั้ง ยิ่งกว่าความฝัน...เหนือกว่าจินตนาการใดๆ... “ขอโทษนะคะคุณพยาบาล...ฉันขอย้ายมาอยู่ห้องเดียวกับลูกได้ไหม และไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้เราสองคนนะคะ” เธอหันไปมองพยาบาลที่ประจำอยู่ห้องนี้ “เอ่อ...” คนถูกถามหันมองเพื่อนร่วมอาชีพอีกคน และชายหนุ่มเลิ่กลั่ก อย่างไม่รู้จะให้คำตอบอย่างไร เพราะตัวเองไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องนี้ “เราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ฉัน...จะหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองค่ะ” เภตราเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน ทุกสายตามองมาที่เธอ... “คุณผู้ชายท่านนี้...เป็นเจ้าของรถที่ชนน้องกับคุณ เขาก็เลยขอรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง บางส่วนก็ได้เคลียร์ไปแล้วค่ะ” “ฉันรับผิดชอบตัวเองกับลูกได้” น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าวและแน่วแน่กว่าตอนแรก ร่างใหญ่ที่ยืนฟังถ้อยคำนั้นถึงกับสะท้าน เขาก้าวถอยห่างออกมาจากเธอเล็กน้อยอย่างจำนน ในโลกของเธอตอนนี้ ไม่ได้มีเขาอยู่ด้วยซ้ำ ไม่มอง... ไม่คุย... ไม่ฟัง... ไม่สนใจ... “ตอนนี้รักษาตัวให้หายดีก่อนเถอะ...เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” เขากล่าวแล้วก็เดินออกไปจากห้องนั้นทันที การมีตัวตนอยู่ของเขาคงทำให้เภตรายิ่งรู้สึกอึดอัดและอันตราย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD