“ไม่หรอก ปานว่าลูกเกดคิดมากไปแล้ว”
ปานไพลินละสายตาจากถนนหันมามองเพื่อนอย่างเศร้าๆ ขัตติยะจะมารักเธอได้อย่างไร ในเมื่อชายหนุ่มก็พูดอยู่เสมอๆ ว่าคนที่เขารักก็คือเพื่อนสนิทของเธอและเขาก็ไม่มีทางรักผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างเธอด้วย แค่เขาต่อว่าและเหยียดหยามเธอก็เจ็บมากพออยู่แล้วอีกอย่างตอนนี้เธอก็ตัดใจจากเขาแล้ว เรื่องที่จะให้เธอไปสนใจและเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของขัตติยะคงเป็นไปไม่ได้หรอก ดังนั้นทางที่ดีคือต้องอยู่ให้ห่างเขาให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
“จ้าๆ ลูกเกดคิดมากไปเอง”
การะเกดตัดบทอย่างอารมณ์ดี เมื่อปานไพลินปฏิเสธที่จะฟังคำพูดของเธอ คงต้องปล่อยให้ยัยเพื่อนจอมดื้อคนนี้ต่อสู้กับผู้ชายเอาแต่ใจอย่างขัตติยะไปก็แล้วกัน
“พูดแต่เรื่องของปาน แล้วตกลงเรื่องของลูกเกดกับเจ้าชายคามิลเป็นยังไงบ้าง”
“ก็เหมือนเดิม ลูกเกดเลิกกับเจ้าชายคามิลแล้ว ตอนนี้มาตาวีก็น่าจะคลอดแล้วมั้ง เรื่องที่จะให้ลูกเกดไปแยกพ่อแม่ลูกออกจากกัน มันไม่ใช่นิสัยของลูกเกด”
“ดีแล้วล่ะลูกเกด คิดเสียว่าเจ้าชายคามิลไม่ใช่เนื้อคู่ของลูกเกด ถ้าคิดแบบนี้แล้วเราจะไม่เจ็บปวด”
“ลูกเกดก็คิดแบบนั้นล่ะ”
การะเกดคิดทบทวนมาตลอดหลายเดือน เธอไม่ได้โกรธหรือเกลียดเจ้าชายคามิลอดีตคนรักของเธออีก หากจะพูดกันตามเหตุผลแล้ว เธออาจจะไม่ใช่เนื้อคู่ของเจ้าชายหนุ่มผู้นี้ก็ได้ ทุกอย่างถึงได้ลงเอยเช่นนี้
ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เธอก็น่าจะยินดีกับคนที่เธอรักทั้งสองคนไม่ใช่หรือ
เจ้าชายคามิลคือชายที่เธอรัก
มาตาวีคือเพื่อนสนิทที่เธอรักและห่วงใย
หากทั้งสองจะรักและใช้ชีวิตคู่กัน เธอก็น่าจะยินดีไปกับความรักของพวกเขาทั้งสองถึงจะถูก จะโกรธจะเกลียดไปเพื่ออะไร คิดมากก็ทุกข์ใจเสียเปล่าๆ ทางที่ดีปล่อยให้มันเป็นอดีตและเก็บแต่ความทรงจำที่ดีๆ กันเอาไว้จะดีกว่า หากเจอกันในอนาคตจะได้มองหน้ากันติด
/////////
สองสาวนั่งเงียบคิดทบทวนถึงเรื่องของตัวเอง จนกระทั่งได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่นจากรถสปอร์ตคันหรูที่ขับมาเทียบข้าง
ทั้งสองถึงกับสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิดของตัวเอง ต่างหันมามองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับนิสัยเอาแต่ใจของเจ้าของรถคันหรู
“กวนประสาทที่สุด”
“ต้องทำใจแล้วล่ะปาน ดูท่าพี่ชายนอกไส้จะหาเรื่องปานไม่หยุดหย่อนเลย”
“เหนื่อยใจแล้วก็ท้อด้วยลูกเกด สงสัยชาตินี้ปานคงหนีไม่พ้นคุณยะแน่”
ปานไพลินบ่นเสียงเศร้า ไม่รู้ต้องสู้รบกับขัตติยะไปถึงเมื่อไร ตอนแรกก็คิดว่าเธอรอดแล้วเชียวที่ตัดสินใจออกมาอยู่ข้างนอก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคิดผิด ชายหนุ่มจอมกวนประสาทเอาแต่ใจคนนี้กลับกัดไม่ปล่อย ตามรังควานเธอไม่หยุด
การะเกดชะลอรถเมื่อเห็นรถสปอร์ตคันหรูที่บีบแตรเมื่อครู่ชะลอรถเข้าไปจอดข้างทาง พร้อมกับเปิดประตูรถลงมายืนอยู่ข้างถนน ใบหน้าหล่อเหลาบึ้งตึงจนปานไพลินถึงกับหนาวๆ ร้อนๆ ไปถึงขั้วหัวใจ ดูท่าเธอจะต้องเปลี่ยนรถกลับบ้านอย่างไม่ต้องสงสัย
“เอาแต่ใจน่าดูเลยนะคุณยะเนี่ย”
“ก็เป็นลูกชายคนเดียวของคุณลุงอมรนี่นา คุณลุงอมรใจดี น่ารักและอบอุ่น แต่พอมาเจอกับคุณยะ เฮ้อ...แตกต่างกันสุดขั้วเลย ฟ้ากับเหวไงลูกเกด”
“เหมือนตาแก่ขี้บ่นเลยคุณยะ”
“ยิ่งอายุมากก็ยิ่งทำตัวเหมือนเด็ก”
ปานไพลินบ่นพลางมองชายหนุ่มร่างสูงบึกบึนที่พยายามก่อกวนและหาเรื่องเธอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่รู้เป็นลูกชายของคุณลุงอมรเทพได้อย่างไร นิสัยถึงได้ต่างกันสุดขั้วถึงขนาดนี้
//////////
การะเกดจอดรถอยู่ด้านหลังของรถขัตติยะ ยังไม่ทันที่เธอกับปานไพลินจะได้เปิดประตูรถ ชายหนุ่มก็เดินหน้าตึงตรงมาที่รถเสียก่อนแถมยังเดินตรงไปยังด้านคนขับ มือหนาดึงประตูรถออกอย่างไม่ปราณี จากนั้นก็ดึงร่างบอบบางออกจากรถมาเผชิญหน้ากับเขา
“ลงมาคุยกันให้รู้เรื่องนะปานไพลิน”
“แต่ฉันไม่มีอะไรที่ต้องคุยกับคุณยะนะคะ”
ปานไพลินตอบทั้งๆ ที่เธอยังก้าวเท้าไม่ถึงพื้นด้วยซ้ำ แต่คงเพราะแรงดึงของขัตติยะทำให้เธอเซถลาเข้าไปซุกกับอกของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
“เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันเยอะเลยปานไพลิน”
ขัตติยะพูดพลางมองใบหน้าคมสวยที่ซุกอยู่กับอกของเขาอย่างอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย หลังจากที่เขานั่งหัวเสียอยู่ในรถมาเกือบครึ่งชั่วโมง โชคดีที่เขาตามมาทันไม่อย่างนั้นปานไพลินคงหนีไปนอนที่บ้านหลังเดิมกับการะเกดแน่
“คุณยะปล่อยฉันก่อนได้ไหมคะ”
“ทำไม” ขัตติยะถามเสียงเข้ม
“เอ่อ...”
ปานไพลินถึงกับพูดไม่ออก หน้าแดงก่ำกับการสนิทแนบชิดกันแบบนี้ มือเรียวเล็กออกแรงดันอกอุ่นที่แนบอยู่กับหน้าของเธออย่างกระดากอาย
ขัตติยะปล่อยแขนเรียว จากนั้นก็ก้มลงไปหยิบกระเป๋าสะพายกับหนังสือออกมาจากรถ และไม่ลืมที่จะพูดกับการะเกดด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“เดี๋ยวผมพาปานไพลินกลับบ้านเอง คุณเกดไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“เอ่อ...ค่ะ” การะเกดรับคำอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก เห็นสีหน้าอยากจะร้องไห้ของเพื่อนแล้วก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยของปานไพลินไม่ได้ ‘ตกลงคุณคิดอะไรกับเพื่อนฉันกันแน่คุณขัตติยะ’
“ไปกันได้แล้วปานไพลิน” ขัตติยะหันมาสั่งปานไพลินเสียงเข้ม แล้วก็เดินกลับไปที่รถของตนเอง สองมือถือกระเป๋าสะพายกับแฟ้มเอกสารสองสามแฟ้มติดมือกลับไปด้วย ไม่สนใจท่าทางจะร้องไห้ของเจ้าของกระเป๋าแม้แต่น้อย
“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหมปานไพลิน”
เสียงเข้มตะโกนถามร่างบอบบางที่ยืนอยู่ข้างๆ รถของการะเกดอย่างหวาดกลัวน้อยๆ
ปานไพลินอยากร้องไห้เหลือเกิน ทำไมเธอถึงโดนขัตติยะหาเรื่องตลอด เขาชอบตะโกนด่าเธอปาวๆ ว่าเกลียดเธออย่างนั้นเกลียดเธออย่างนี้ ชายหนุ่มยังบอกอีกว่าเพื่อนสนิทของเธอคือผู้หญิงที่เขารัก ในเมื่อรักการะเกดก็น่าจะไปสนใจการะเกดสิ มาวุ่นวายกับชีวิตเธอทำไม!
“ปานไปก่อนนะลูกเกด”
“รีบไปเถอะปาน เดี๋ยวถูกคุณยะกัดคอเอาหรอก” การะเกดพูดพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดีกับท่าทางของขัตติยะกับปานไพลิน แบบนี้เพื่อนสนิทคนนี้ของเธอก็พอมีหวัง ผู้ชายที่ปานไพลินหลงรักก็ไม่ได้รังเกียจหรือชิงชังอย่างที่ปากพูดเสียหน่อย ท่าทางของเขาออกจะหวงเพื่อนเธอจะตายไป
“ปานไพลิน” ขัตติยะตะโกนเรียกชื่อปานไพลินออกมาจากรถอย่างเอาเรื่อง เมื่อเห็นหญิงสาวยังคงยืนนิ่งอยู่ที่รถของการะเกด ชายหนุ่มลุกออกจากรถจนเต็มความสูงแล้วหันหน้ามามองคนชอบขัดคำสั่งอย่างไม่สบอารมณ์
‘หึ! หรือคิดจะแข็งข้อกับเขาอีก’
“ไปเถอะปาน ตาแก่จอมขี้บ่น อารมณ์เสียใหญ่แล้ว” การะเกดเตือนเพื่อนด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“โอเค! แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะลูกเกด”
“อืม”
“ทำไมคุณต้องวุ่นวายกับชีวิตของฉันด้วยคุณยะ” ปานไพลินบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างปลงตกกับชะตาชีวิตของตัวเอง สองเท้าก้าวตรงไปยังรถของขัตติยะอย่างท้อแท้ จะขัดคำสั่งของเขาก็ไม่กล้า กลัวว่าชายหนุ่มจะหาเรื่องและต่อว่าเธออีก
“ชักช้าจริงๆ ไปขึ้นรถได้แล้ว คุณพ่อรอทานข้าวอยู่” ขัตติยะบ่นเมื่อเห็นท่าทางซังกะตายของปานไพลิน
“ค่ะ” คนโดนบ่นทำหน้าเศร้า นึกท้อใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรดี ดูท่าขัตติยะจะไม่ยอมปล่อยให้เธอมีความสุขเป็นแน่
การะเกดนั่งอยู่ในรถมองภาพตรงหน้าอย่างขบขัน คนหนึ่งก็ดูเหมือนหมาป่าเอาแต่ใจ ส่วนอีกคนก็เหมือนลูกแกะตัวน้อยที่กำลังจะโดนหมาป่าขย้ำ
แต่จะจริงเหรอ! ที่ว่าหมาป่าจะได้ขย้ำลูกแกะ ในเมื่อลูกแกะเองก็ไม่ได้กลัวหมาป่าสักเท่าไร
“เชื่อลูกเกดสิปาน คุณยะนี่แหละเนื้อคู่ของปานล่ะ”
แล้วเสียงหัวเราะก็หลุดออกมาจากริมฝีปากอิ่ม สายตาจ้องมองชายหนุ่มหญิงสาวที่ยืนประจันหน้าอยู่ที่ริมถนนอย่างอารมณ์ดี ถึงเธอจะอกหัก อย่างน้อยเพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนก็กำลังมีความรัก โดยเฉพาะปานไพลินดูจะน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะฝ่ายชายดันไม่รู้ใจตนเอง
//////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...