5.หรือเธอควรจะหนีไป

1368 Words
“นายหญิงครับ..” เสียงเรียกนั้นดึงความสนใจของทั้งเฟรญ่าและมาร์เซลไปไว้ที่ชายผู้เดินเข้ามาใหม่ แน่นอนว่าชายผู้นั้นมองหน้ามาร์เซลอย่างไม่ไว้ใจสักเท่าไหร่ “อ่า..มาพอดีเลยสินะเบน ฝากเจ้าพาแขกของเราไปที่ห้องพักหน่อยสิ” เฟรญ่ารีบกล่าวออกมาพร้อมกับเดินออกไปจากเคาน์เตอร์ต้อนรับในทันที มาร์เซลมองตามแผ่นหลังบางของเธอ และเมื่อเห็นจังหวะการก้าวเดินที่มันผิดปกติ บวกกับมือที่ถือไม้เท้าช่วยพยุงแววตาของมาร์เซลก็หรี่ลงมาเล็กน้อย ได้โอกาสหนีพอดีเลยสินะ พอมีคนเข้ามาใหม่เธอถึงได้ไม่หันมองหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว ฉับพลันดวงตาของมาร์เซลก็เปลี่ยนเป็นประกายแวววาว เขาว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อย เห็นทีว่าระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนคงจะไม่นานพอให้ได้เล่นสนุกซะแล้วสิ เฟรญ่าเดินออกมาจากโรงแรม เธอมีบ้านอยู่ที่นี่เป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากโรงแรมไปอีกหน่อย ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมาเธอติดตามข่าวของแกรนด์ดยุคจามินอย่างใกล้ชิด ปกติแล้วในช่วงเวลานี้เขาจะต้องเดินทางไปที่เมืองหลวงเพื่อไปอยู่ที่เมืองหลวงนานแรมปีเพราะคำสั่งขององค์จักรพรรดิ ทว่าเธอไม่ได้ยินข่าวเรื่องการเดินทางนั้นของแอชตันเลย ไม่ได้ยินคำสั่งขององค์จักรพรรดิด้วย หมายความว่าพอเธอไม่ได้แต่งงานกับเขา เรื่องราวบางอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างนั้นสินะ ในยามนี้ต่อให้เธอไม่ได้ยื่นมือเข้าไปทำร้ายจามินแต่ที่แกรนด์ดัชชีของเขาก็อยู่กันอย่างยากลำบากมากทีเดียว เพราะเงินทุนที่ขาดแคลน และอีกไม่นานจะเกิดโรคระบาดขึ้นที่นั่น..ในยามนั้นแกรนด์ดัชชีการปกครองของแอชตัน น่าจะเข้าใกล้คำว่าล่มสลายมากกว่านี้ไปอีก เพราะครั้งที่แล้วมันผ่านมาได้จากเงินทุนในการว่าจ้างหมอและนักบุญของทีเซียสนี่ เธอพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เพราะชื่อของมาร์เซลทำให้เธอคิดถึงเรื่องเก่าในอดีตอีกครั้งหนึ่ง ชายผู้ชวนให้เธอหลบหนีไปและส่งมอบกริชเอาไว้ให้เธอ.. เรื่องน้ำเสียงเธอจำไม่ค่อยได้แล้วแต่เธอจำชื่อของเขาได้แม่นยำมากทีเดียว อาจจะเพราะว่าชื่อของเขาเป็นชื่อสุดท้ายในชีวิตที่เธอกล่าวออกมา เฟรญ่าแย้มยิ้มออกมาจางๆ เมื่อเธอเดินมาถึงเทศกาลเก็บเกี่ยว ที่นี่เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ทุกคนในหมู่บ้านรู้จักกันเป็นอย่างดี “เฟรญ่า ท่านก็มาด้วยเหรอครับ” เฟรญ่าส่งยิ้มที่ผลิบานราวกับดอกไม้ให้แก่บารอนดีแลน ผู้ดูแลที่นี่ เขาคือเจ้าเมืองผู้ดูแลเดียลอร์ล “วันนี้งานที่โรงแรมเสร็จไวค่ะ ข้าก็เลยมาเที่ยวเล่นสักหน่อย” มือของเฟรญ่ากระชับไม้เท้าที่เธอกำลังถืออยู่ อีกเรื่องที่ทำให้เธอรู้สึกว่าที่นี่อบอุ่นมากๆ คือไม่มีใคร มองว่าขาข้างซ้ายของเธอที่มันเดินไม่ค่อยสะดวก เป็นเรื่องแปลกประหลาดเลย ราวกับตำหนิบนร่างกายของเธอไม่ได้สลักสำคัญอะไรเลยสำหรับพวกเขา ทั้งๆที่นี่คือปัญหาใหญ่มากพอสมควรกับชีวิตของเธอแท้ๆ หากว่าในยามนี้เธอกำลังยืนอยู่ต่อหน้าของชนชั้นสูง พวกเขาจะยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วก็หัวเราะออกมาในช่วงเวลาที่เธอเดินผ่าน เธอเปิดตัวในแวดวงสังคมช้ามากกว่าสตรีในวัยเดียวกัน สาเหตุมาจากความไม่มั่นใจของตัวเอง เพราะหวาดกลัวสายตาของผู้อื่น..แต่เมื่อพบเจอแอชตัน เขา..ไม่ได้มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ มันทำให้เธอประทับใจและตกหลุมรักกับท่าทีจอมปลอมพวกนั้นอย่างง่ายดาย “มาเถอะครับ ไปทางด้านนั้นกัน ชาวบ้านกำลังออกมาเต้นรำที่ท้องถนน ท่านจะต้องอยากชมการเต้นรำในช่วงเก็บเกี่ยวเป็นแน่” ดีแลนยื่นมือมาเพื่อทำท่าจะจับมือของเฟรญ่า ทว่าเธอกลับไม่ได้ยื่นมือออกไปเพื่อจับมือของเขา เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนจะใช้ไม้เท้าในมือเพื่อพยุงตัวในการเดินไปยังลานเต้นรำ เธอไม่อยากพึ่งพาใครอีกแล้ว เฟรญ่าอยากจะยืนด้วยขาของตัวเอง เพราะหากว่าเธอแข็งแกร่งมากพอ จะไม่มีใครหน้าไหนมาทำร้ายเธอได้อีก บารอนดีแลนส่งยิ้มที่แสนอ่อนโยนให้กับเฟรญ่า ทั้งๆ ที่หัวใจของเขามันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย เขาไม่เคยเชื่อเรื่องรักแรกพบ จนมาพบเจอกับสตรีผู้นี้ เธองดงาม..มากกว่าสตรีทุกคนที่เขาเคยเห็นมา แต่ความงดงามนั้นเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น เพราะว่าเธอซื้อโรงแรมที่ใกล้จะเจ๊งมาทำให้เป็นโรงแรมที่มีผู้เข้าพักมากที่สุดในเดียลอร์ล ความสามารถของเธอมันมากเกินกว่ารูปลักษณ์ที่สวยงามในภายนอก เขาพยายามเข้าหาแต่ทว่าในทุกครั้งเขาล้วนแล้วแต่ถูกปฏิเสธ.. ดีแลนไม่คิดยอมแพ้หรอก ตราบใดที่เธอยังไม่มีสามีก็นับว่าเขายังมีโอกาสอยู่ “ดูเหมือนว่าบารอนผู้นั้นจะสนใจในตัวเจ้าของโรงแรมนะครับหัวหน้า..แบบนี้เราลองสืบจากเจ้าของโรงแรมดีไหมครับ” ไอเดนมือขวาของมาร์เซลเอ่ยถามออกมาด้วยสายตาที่จริงจัง เพราะไอเดนไม่เคยทำงานผิดพลาดมาก่อน เขาถึงได้ตั้งใจจะรักษาชื่อเสียงของกลุ่มทหารรับจ้างของเราต่อไป “นั่นสินะ เรื่องเจ้าของโรงแรมข้าจะไปสืบเอง เจ้าไปสืบเรื่องของบารอนดีแลนเถอะ หมอนั่นน่าจะถึงวัยที่ต้องแต่งงานแล้วไม่ใช่รึไง แล้วทำไมถึงยังไม่มีภรรยา หรือว่าเขาซุกลูกซุกเมียเอาไว้ที่ไหน แล้วเขา..มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ว่าจ้างเรารึเปล่า” ไอเดนขมวดคิ้วเล็กน้อย ปกติแล้วทางกลุ่มของเราจะไม่มีการสืบเรื่องของผู้ว่าจ้าง แต่นี่นายท่านกำลังสั่งให้เขาละเมิดกฎอย่างนั้นหรือ แต่หน้าที่ของเขาคือการเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของหัวหน้าอย่างเคร่งครัด “ครับหัวหน้า” “ข้าเองก็ควรจะไปเหมือนกันสินะ..” เขามาที่นี่ในฐานะนักเดินทาง เพราะอย่างนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรที่เขาจะออกมาเที่ยวในงานเทศกาลเช่นนี้ งานเทศกาลในฤดูเก็บเกี่ยว คือการเฉลิมฉลองให้กับการทำงานของเหล่าเกษตรกร เพราะฤดูหนาวกำลังจะเดินทางมาถึง จะต้องรีบเก็บเกี่ยวให้เสร็จสิ้นก่อนที่หิมะแรกจะตกลงมา การเฉลิมฉลองที่ถูกจัดขึ้นอย่างยาวนานสองสัปดาห์..ช่างเป็นความสนุกที่เขาตั้งตารอพบเจอในแบบที่หัวใจแทบจะเต้นผิดจังหวะเลยล่ะ เสียงเพลงถูกบรรเลงออกมาด้วยเครื่องดนตรีของชาวบ้าน มีเสียงตบมือดังออกมาช่วยทำให้บรรยากาศครึกครื้นขึ้นมา มีนักเดินทางมากมายเดินเข้ามาเที่ยวในหมู่บ้าน นี่คือเรื่องปกติในเดียลอร์ลเพราะว่าที่นี่คือเมืองท่องเที่ยว ทว่าในวินาทีที่เฟรญ่ามองเห็นเส้นผมสีน้ำเงินเข้มที่หาไม่ได้ง่ายๆ ในจักรวรรดิแห่งนี้เพราะมันคือสัญญาลักษณ์ที่เด่นชัดของตระกูลจามิน คราแรกเธอคิดว่าตัวเองตาฝาด อาจจะเพราะเธอคิดมากเกินไปทำให้เธอมองเห็นภาพหลอนของสามีเก่า แต่เมื่อเรามองสบตากัน.. ท่ามกลางเสียงเพลงและการเต้นรำในฤดูเก็บเกี่ยว ฝีเท้าที่แสนมั่นคงของแอชตันกำลังวิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาหาเธอ ดวงตาเขาเบิกกว้างขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวจนมองดูไม่รู้ว่าตกลงแล้วเขาโกรธหรือว่ากำลังดีใจกันแน่ อ่า..หรือว่าในเวลานี้เธอควรจะหนีไปก่อนดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD