บทที่ 3 ซากศพ...เดอะฮีโร่3

1398 Words
การกระทำดังกล่าวตกอยู่ในสายตาเบิกกว้างของผู้เข้าร่วมประชุม บางคนถึงกับส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเด็กคนนี้ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย แต่กับชายหนุ่มที่ยืมมองอยู่ เขาถึงกับเผลอเม้มริมฝีปากหนาเข้าหากันเมื่อเห็นริมฝีปากบางทาบทับลงไปบนแก้วน้ำที่เขาเคยดื่ม ความรู้สึกบางอย่างแล่นวาบขึ้นมากระแทกแผ่นอกเขาอย่างแรง จนน้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคออย่างกระหาย ทั้ง ๆ เขาเพิ่งจะดื่มน้ำไปเมื่อครู่ก่อนเด็กสาวคนนี้จะเดินเข้ามา ถึงแม้จะใช้เวลามากกว่าที่คาด เนื่องจากข้อมูลที่ถูกทำลายเสียหายนั้นมีขนาดใหญ่พอสมควรทำให้ต้องใช้เวลานานกว่าจะกู้คืนกลับมาได้ “เสร็จแล้วพี่แว่น ต่อไปเวลาเอาข้อมูลข้างนอกมาใช้ ต้องระวังมากกว่านี้นะคะ ครั้งนี้มันกู้คืนมาได้เพราะว่าโปรแกรมมันยังทำงานไม่เต็มที่” บอกพร้อมลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะออกไปจากห้องประชุม เพราะดูจากบรรยากาศแล้ว คนพวกนี้คงกำลังวุ่นวายกับการเตรียมข้อมูลไว้สำหรับอาทิตย์หน้านี้แน่ ๆ “ชื่ออะไรน่ะเรา” ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านข้างเอ่ยขัดจังหวะการพูดคุยของทั้งสอง และกำลังเห็นว่าคนร่างบางกำลังจะก้าวออกไป โดยไม่สนสายตาของผู้เข้าร่วมประชุมที่กำลังมองอย่างสนใจ “หนาม” เงยหน้าตอบคนร่างสูงอย่างขอไปทีแล้วหันกลับไปพูดคุยกับหนุ่มแว่นข้างกายต่อ “นี่! พูดกับผู้ใหญ่ ทำไมไม่มองหน้า เสียมารยาท!” ไม่เคยมีใครเมินใส่เขาเหมือนกับยัยเด็กสกปรกนี่มาก่อน เลยทำให้น้ำเสียงเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีก “ขอโทษค่ะ แต่หนูกำลังคุยกับพี่แว่น แล้วคุณพูดขัดจังหวะขึ้นมาแบบนี้ มันก็เสียมารยาทเหมือนกันนะคะ คุณผู้ใหญ่!” หันมาตอบ พลางเงยหน้าขึ้นสบตาคมดุ แหงนมองจนคอตั้งบ่า ดวงตาหม่นแฝงรอยอิดโรยจ้องมองพิจารณาฝรั่งร่างสูงใหญ่ ดวงตาสีเขียวมรกตแปลก ๆ ซึ่งมันดูสวยมาก สวยจนนึกอยากเก็บมาใส่กล่องสะสม “หนูจำได้แล้ว คุณที่อยู่ในลิฟต์เมื่อเช้านี่ มาจากสำนักงานใหญ่เหรอคะ” ถึงจะไม่แน่ใจนักว่าใช่กลุ่มชายร่างยักษ์ร่วมชะตากรรมในลิฟต์เมื่อเช้าหรือเปล่า แต่เธอจำดวงตาสีเขียวมรกตคู่นี้ได้เนื่องจากเป็นคนเดียวกับที่กระชากคอเสื้อเธอเมื่อเช้า เพียงแค่ได้ยินเธอคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสียงดังไปหน่อยเท่านั้นเอง “ดูเหมือนการมาของบอสใหญ่ครั้งนี้จะสำคัญมากเลยแน่ ๆ เพราะถึงขนาดต้องให้ทีมงานมาเตรียมความพร้อมกันล่วงหน้าแบบนี้” เอ่ยน้ำเสียงเรียบเหมือนพูดคุยกันตามปกติ “เขาลือกัน ว่าบอสใหญ่ดุมาก เป็นมาเฟียด้วยจริงไหมคะ” ถามคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความอยากรู้ ดวงตากลมแป๋วจ้องมองนิ่งอย่างชอบใจกับลูกแก้วสีเขียวมรกตคู่นั้น “เขาที่ว่านี่ ใคร?” กระชากเสียงเอ่ยถามอย่างพยายามระงับอารมณ์ เน้นคำสุดท้ายเสียงเข้มจนคนฟังต้องสะดุ้งเฮือก ด้วยเพราะว่าได้ยินมาแล้วสองครั้งสองครา เรื่องที่มีคนล่ำลือกิตติศัพท์ของเขาไปในทางเสียหายแบบนี้ ชายหนุ่มชักอยากรู้แล้วว่าใครเป็นคนพูด “ไม่รู้หรอก เขาก็พูดกันทั้งนั้น ขนาดหนูไม่ได้เป็นพนักงานของที่นี่ ยังรู้เลย” “อะไรนะ! เธอไม่ได้เป็นพนักงานที่นี่ แล้วเข้ามาทำอะไรในนี้ไม่ทราบ” ตวาดเสียงดังเพราะข้องใจกับข้อมูลใหม่ที่ได้เพิ่งได้ยิน “หนูเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ค่ะ รับงานเป็นจ๊อบๆ เวลามีงานพี่โตก็เรียกให้มา” “แล้วพอดีตอนนี้พี่โต กับพี่ไมค์ไม่อยู่ ไปประชุมอะไรไม่รู้ที่สำนักงานใหญ่อาทิตย์หนึ่งได้แล้วมั้งคะ เห็นว่าจะกลับพรุ่งนี้ พอดีเมื่อสามสี่วันก่อนพี่โตโทรฯ บอกให้หนูเข้ามาช่วยงานที่นี่ เพราะแผนกต่าง ๆ วุ่นวายเตรียมข้อมูลไว้ ช่วงที่บอสใหญ่จะมา ระบบคอมฯ มันมีปัญหาค่ะ ไม่มีใครทำ” ไขข้อข้องใจให้กับชายร่างยักษ์ได้กระจ่าง รวมถึงผู้เข้าร่วมประชุมที่นั่งกันอยู่ในห้อง “คุณปล่อยให้ฝ่ายเทคโนฯ ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่เลยได้ยังไง คุณวินิจ!” หันไปสอบถามกับผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดประจำสาขาประเทศไทย “เอ่อ...คือโดยปกติแล้วแผนกนี้ เอ่อ...ไม่ค่อยมีใครสนใจอยู่แล้วค่ะ ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ เลยไม่ค่อยมีใครทราบ” เสียงเล็กเอ่ยขัดเมื่อฟังดูแล้วคงไม่มีใครกล้าตอบคำถามนี้แน่ คนถูกถามก็อึก ๆ อัก ๆ เหมือนคนติดอ่าง “แล้วอีกอย่างหนึ่ง ตามกำหนดการที่แจ้ง เห็นว่าบอสใหญ่จะมาอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอ ฝ่ายเทคโนฯ ก็คงไม่มีหน้าที่อะไรต้องเข้าร่วมประชุมด้วยนี่คะ” ยังคงอธิบายโดยไม่ได้สนใจสีหน้าซีดเผือดของผู้เข้าร่วมประชุมเลยสักนิด “ถึงแม้จะไม่ต้องเข้าร่วมประชุม แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ฝ่ายฯ ไม่มีคนอยู่ทำงานเลยแบบนี้” ขึ้นเสียงเข้มพร้อมหันไปจ้องคณะผู้เข้าร่วมประชุมเป็นรายบุคคล “พักสิบนาที! แล้วค่อยมาเริ่มใหม่” หันไปสั่งเลขาฯ คนสนิทที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่บริเวณใกล้ ๆ เนื่องจากอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ตอนนี้ เหมือนจะยิ่งเพิ่มระดับความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกเพราะการทำงานที่หละหลวม แสดงถึงความไม่ใส่ใจของผู้บริหารที่เขาไว้วางใจมานานปี “งั้นหนูออกไปได้แล้วใช่ไหมคะ” ไม่รอฟังคำอนุญาตจากใคร พูดจบร่างเล็กก็ก้าวเดินออกประตู ไม่สนใจบรรยากาศชวนขนหัวลุกที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ร่างสูงกว่าร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเดินออกมานอกห้องประชุมด้วยความรู้สึกหงุดหงิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้ทุกอย่างจะถูกแก้ไขไปแล้วเรียบร้อยก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นในบริษัทที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูงเช่นนี้ “จอห์น! นายรู้มาก่อนใช่ไหมว่าที่นี่กำลังมีปัญหา” หันไปสอบถามกับเลขาฯ ส่วนตัว เนื่องจากเขามั่นใจว่าคนอย่างจอห์นสันไม่เคยปล่อยให้อะไรที่เป็นปัญหาลอดผ่านสายตาไปได้โดยง่ายแบบนี้ “ครับนาย ตอนนี้กำลังรอหลักฐานบางอย่างอยู่อีกเล็กน้อย คาดว่าไม่เกินสามวันก็ได้เรื่อง และคงจัดการได้ไม่ยากครับ” จริงๆ แล้วเลขาฯ หนุ่มไม่ต้องการให้ปัญหาเล็ก ๆ แค่นี้ถึงหูนายใหญ่เลยด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากการเลื่อนกำหนดการเดินทางมากะทันหัน ทำให้ผู้เป็นนายต้องเข้ามารับรู้ปัญหานี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากความผิดพลาดของฝ่ายออกแบบและก่อสร้างที่ถูกฝ่ายตรงข้ามชิงตัดหน้า นำไปก่อสร้างก่อนที่บริษัทของเขาจะเริ่มดำเนินการนั้น ทำให้เลขาฯ หนุ่มต้องส่งคนเข้ามาเพื่อสืบหาสาเหตุที่แท้จริงว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำให้รู้ว่ามีคณะกรรมการบริหารบางคนในบริษัทกำลังเล่นไม่ซื่อ แอบรับผลประโยชน์จากฝ่ายตรงข้ามเพื่อคอยส่งข้อมูลการออกแบบและก่อสร้างให้กับอีกฝ่าย ยังดีที่เขามีคนที่ไว้ใจได้คอยรายงานความเคลื่อนไหวของสาขาที่นี่อยู่ตลอดเวลา เลยทำให้ยังไม่เกิดความเสียหายมากนัก แต่เลขาฯ หนุ่มก็ยังรู้สึกไม่พอใจนักเพราะทำให้ผู้เป็นนายต้องอารมณ์เสียและหงุดหงิดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ “ซูซานมาถึงแล้วใช่ไหม” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบไม่สามารถเดาความรู้สึกได้เหมือนเคย แต่จอห์นสันก็ยังสามารถเดาอารมณ์คนเป็นเจ้านายได้เนื่องจากร่วมงานกันมานานแล้ว “ครับ คนที่โรงแรมแจ้งมาเมื่อยี่สิบนาทีนี่เองครับนาย” “ดี งั้นที่นี่ปล่อยให้โจนาธานดูต่อ” กล่าวสั่งเลขาฯ หนุ่มอีกคนที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ไม่ไกล แล้วเดินออกไปไม่สนใจสีหน้าแปลกใจของเลขาฯ หนุ่มทั้งสอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD