บทที่4

1354 Words
เป็นเวลาสามวันแล้วที่เลขาหน้าห้องไม่ยอมมาทำงาน ไม่มีแม้แต่ใบลาสักใบหรือโทรศัพท์สักสายที่จะโทรมาบอกกล่าวกัน ถึงอย่างนั้นพิชญะก็ไม่นึกตำหนิอะไรอีกฝ่าย เขายอมปล่อยผ่านเพื่อได้ให้เวลาเธอได้คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปทั้งหมดนั้นเขายินดีรับผิดชอบทุกอย่างขอแค่เธอเอ่ยปาก แต่เหมือนนิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความหวังว่าจะได้เห็นร่างสูงโปร่งสมส่วนของพิณรัมภาเดินเข้ามาเรียกร้องความรับผิดชอบก็ยิ่งริบหรี่ลง กระทั่งเมื่อเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นในเช้าวันที่สี่ แต่คนที่เดินเข้ามาพร้อมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีกลับไม่ใช่คนที่รออยู่... “อะไรครับ” พิชญะเอ่ยถามนภา หนึ่งในพนักงานที่จำได้ว่าเคยเห็นไปทานข้าวกับพิณรัมภาอยู่บ่อยๆ เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ยืนบางสิ่งมาให้ “จดหมายลาออกของคุณเดือนค่ะ เธอ…ฝากให้ภานำมาให้ท่านประธานค่ะ”พิชญะไม่ได้ตอบอะไรนอกจากมองจดหมายลาออกในมืออย่างเงียบเชียบ ทั้งๆ ที่ภายในใจกำลังรู้สึกโกรธอีกคนที่แก้ปัญหาด้วยการลาออก มิหนำซ้ำยังฝากจดหมายบ้าๆ นี่มากับคนอื่น ทำเหมือนว่าการเผชิญหน้ากับเขา เป็นสิ่งเลวร้ายที่เธออยากจะหนีไปพ้นๆ ทางก็ไม่ผิด “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนครับ!” “เอ่อ ลงไปได้สักพักแล้วค่ะ ท่าทางดูรีบร้อน…ท่านประธานจะไปไหนคะ!” อีกคนไม่มีเวลาหันมาให้คำตอบรีบสาวเท้าไปยังลิฟท์แก้ว หวังเพียงอยากให้อีกคนยังไม่ได้ไปไหนไกล หวังแค่ให้เขาได้พูดกับเธออีกสักครั้ง เพื่อว่าไม่แน่บางทีว่าเธออาจเปลี่ยนใจยอมให้เขาได้รับผิดชอบ อย่างน้อยๆ ก็ขอแค่ได้เจอหน้าอีกครั้ง… แต่เหมือนความหวังที่ว่าจะสูญเปล่าเพราะเมื่อลงมาข้างล่างสอบถามกับ รปภ หน้าทางเข้าบริษัทก็พบว่าพิณรัมภาเพิ่งจะขึ้นแท็กซี่ออกไปก่อนหน้าที่เขาจะลงมาแค่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น การกระทำนั้นของเธอมันทำให้เขาร้อนรนอยู่ไม่สุข สุดท้ายจึงตัดสินใจยกเลิกการประชุมทั้งหมดแล้วขับรถตามมายังที่พัก ที่หญิงสาวแจ้งไว้ในใบสมัคร “หนูเดือนเพิ่งจะย้ายออกไปเมื่อวานนี้เองค่ะ แต่ย้ายไปอยู่ที่ไหนอันนี้ป้าก็ไม่ทราบนะคะ เพราะเธอไม่ได้บอกไว้” ทว่าคำตอบจากเจ้าของอพาทเม้นต์ที่หญิงสาวเช้าอยู่เพียงลำพังนั้นยิ่งทำให้รู้สึกหมดเรี่ยวแรง พิณรัมภาจงใจหนีเขาจริงๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจความคิดเธอ เธอทำแบบนี้ทำไมกัน เขาคิดก่อนจะยอมตัดใจกลับไปในที่สุด สามเดือนต่อมา ทุกชีวิตย่อมต้องเดินต่อไป ถึงแม้ว่าความผิดพลาดบางอย่างในชีวิตจะยังคงฝังลึกอยู่ในห้วงของความทรงจำ แต่ถึงกระนั้นพิชญะก็ผ่านมันมาได้ถึงสามเดือน มันเป็นสามเดือนที่เขาไม่เคยหยุดค้นหาใครบางคนที่ลาออกก่อนที่จะหายตัวไป ปล่อยให้เขาจมปรักอยู่กับเรื่องราวในค่ำคืนนั้นเพียงลำพัง อยากจะลืมก็ทำไม่ได้อยากจะลบออกไปจากใจก็ยิ่งทำไม่ได้ไปกันใหญ่เพราะทุกภาพ ทุกสัมผัสของเธอยังชัดเจนในความรู้สึก “เหม่ออีกแล้วนะคะคุณหมอก เครียดเรื่องงานเหรอคะ” เสียงอ่อนหวานน่าฟังของคนที่เดินอยู่ข้างๆ กันเรียกสติของเขาให้กลับคืนมา “นิดหน่อยครับ ว่าแต่…กี่เดือนแล้วครับเนี่ย” คนถูกเรียกตอบก่อนจะย้อนถามกลับไป สายตาจ้องมองหน้าท้องของภรรยาเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ดีใจที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะได้อุ้มหลานคนแรก “วันนี้ก็ครบสี่เดือนพอดีค่ะ พี่เสกล่ะเห่อน่าดู ยังไงนุชต้องขอบคุณคุณหมอกมากนะคะที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อน เกรงใจคุณหมอกจริงๆ ค่ะ” พิชญะเพียงแต่ยิ้มรับ ไม่ได้รู้สึกแย่ที่ต้องรับหน้าที่พาภรรยาของเพื่อนรักมาพบแพทย์ตามนัดเพราะอีกฝ่ายติดประชุมสำคัญในขณะที่เขาเองก็ว่างอยู่ เพราะโปรเจคใหญ่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเมื่อไม่นาน “คุณนุชเป็นภรรยาเพื่อนรักของผมก็เหมือนเพื่อนของผมด้วย เรื่องแค่นี้เล็กน้อยครับ อีกอย่างในนี้ก็หลานผมด้วย” นุชลียิ้มรับในคำตอบของเพื่อนสามี ที่มักจะช่วยเหลือเธอในยามเดือดร้อนอยู่บ่อยๆ “แล้วคุณหมอกไม่คิดอยากจะมีเป็นของตัวเองบ้างเหรอคะ” หญิงสาวถาม เหมือนจะอยากรู้ว่าใครจะเป็นผู้หญิงโชคดีที่ว่าคนนั้น “ถ้าหาแม่ของลูกได้ง่ายๆ ก็ดีสิครับ ใครกันจะมาอยากเป็นภรรยาผู้ชายบ้างานอย่างผม” ชายหนุ่มตอบแบบติดตลก ดูเหมือนจะเป็นเขาเสียมากกว่าที่ยังไม่เจอแม่ของลูก อีกทั้งปัญหาหลายอย่างที่ยังแก้ไม่ตกมันเลยทำให้เขาไม่กล้าที่จะเปิดใจรับใครมาตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่บ้าน หรือแม้แต่เรื่องของใครบางคนที่จนถึงวันนี้ก็ยังรบกวนจิตใจอยู่บ่อยๆ ไม่รู้เลยว่าป่านนี้เธอไปอยู่ที่ไหน จะเป็นอย่างไรบ้าง “เยอะออกค่ะ ยกตัวอย่างเช่นคุณพยาบาลทางนั้นไงคะ” ชายหนุ่มมองตามไปก่อนจะยิ้มรับเมื่อเห็นสายตาหยาดเยิ้มของเหล่าพยาบาล ที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่คิดปกปิดความรู้สึกชื่นชอบ “ผมว่าเอาไว้ก่อนดีกว่าครับ ฝึกเลี้ยงหลานให้ชินก่อนดีกว่า” พิชญะตอบอย่างยิ้มๆ ทั้งชีวิตไม่เคยคิดถึงการมีลูกเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะเขาไม่ชอบเด็ก แต่เป็นเพราะชีวิตเขาผ่านอะไรๆ มามากเกินไป “คุณนุชลีเชิญห้องตรวจสองค่ะ” ทั้งสองจำต้องหยุดบทสนทนาเมื่อเสียงเรียกชื่อนุชลีดังขึ้น พิชญะยังคงทำหน้าที่เพื่อนที่ดี เขาค่อยๆประคองว่าที่คุณแม่ลุกขึ้นก่อนพาเธอเดินไปยังห้องตรวจอย่างระมัดระวัง เมื่อใกล้จะถึงที่หมายประตูห้องก็ถูกเปิดพร้อมๆ กับร่างอวบอิ่มของว่าที่คุณแม่อีกคนที่ดูท่าน่าจะเพิ่งตรวจเสร็จ มันทำให้ทั้งสองสายตาจ้องมองกันโดยบังเอิญ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะเบิกตากว้างขึ้นอย่างตกใจ “คุณ!” ถ้าการตั้งท้องหลังจากเพิ่งจะสูญเสียความสาวไปเพียงแค่ครั้งแรกและครั้งเดียวถือเป็นความซวยแล้วล่ะก็ นี่คงจะเป็นอะไรที่ซวยยิ่งกว่าสำหรับพิณรัมภาที่ต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่เธอพยายามหลีกหนีมาตลอดหลายเดือน อีกทั้งยังต้องมาเจอเขาในสถานที่ที่ไม่อยากเจอด้วย มันพาลทำให้เธอเผลอเหลือบมองผู้หญิงที่คนที่เขากำลังประคองเอาไว้อยู่อย่างลืมตัว ดูจากสิ่งที่เห็นก็คงไม่ต้องคาดเดาอะไรอีก เขาพาผู้หญิงคนอื่นมาหาหมอ อีกทั้งผู้หญิงตรงหน้าก็ยังท้องด้วย คิดแค่นี้มันก็มากพอที่จะทำให้ว่าที่คุณแม่รีบเดินหนีภาพปวดใจตรงหน้าก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งในที่สุด เพราะกลัวอีกคนที่เหมือนตอนนี้จะตกใจจนไม่ได้สติจะวิ่งตามกัน “คนรู้จักเหรอคะ” เสียงของนุชลีทำให้พิชญะได้สติกลับมาอีกครั้ง เขาหันไปมองคนที่เพิ่งจะวิ่งหนีกันไป ก่อนที่จะหันกลับมาหาเธออีกครั้ง “คุณนุชเข้าไปคนเดียวได้ไหมครับ พอดีว่าผม…” “ได้สิคะ รีบตามเธอไปเถอะค่ะ วิ่งออกไปแบบนั้นประเดี๋ยวหกล้มขึ้นมาจะแย่”คำพูดนั้นยิ่งทำให้นึกห่วงไปกันใหญ่ สุดท้ายก็สลัดภาพนักธุรกิจผู้อ่อนโยนสุขุม เริ่มวิ่งตามร่างของใครบางคนไปอย่างคนหมดมาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD