“แกเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่อีกไหม ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ” ประโยคคำถามของวินิทราทำให้กายสิทธิ์อยากตอบออกไปว่าเขาไม่เคยเห็นเธอเป็นเพื่อนมานานแล้ว
“ฉันเห็นแกเป็นเพื่อนไง เลยไม่อยากรบกวน เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ”
“ก็เรื่องอะไรล่ะ ทำไมแกไม่บอกฉัน” เธอตามไปดึงไหล่ของเขามาหา ก่อนจะเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“แม่อยากให้แต่งงาน”
“แล้วยังไง”
“ฉันไม่อยากแต่ง เลยโกหกไปว่ามีลูกมีเมียแล้ว”
“แล้วยังไงอีก”
“คุณแม่ก็เลยบอกว่าถ้าฉันมีลูกมีเมียไปยืนไม่ได้โกหกก็จะไม่บังคับให้แต่งงาน แล้วฉันมีเมียเสียทีไหนล่ะ”
“แล้วยังไง” วินิทราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“แกฟังดี ๆ นะ ฉันอยากหาผู้หญิงสักคนมาอุ้มท้องลูกของฉัน แต่ฉันไม่รู้จะหาใครยังไงล่ะ”
“เพราะแกเป็นเกย์น่ะเหรอ”
“แกรู้ได้ไงว่าฉันเป็นเกย์”
“มินตราบอกฉันเอง ที่เขาหนีไปแต่งงานกับคนอื่นเพราะแกเป็นเกย์ไง แบบนี้ใช่ไหมที่บ้านของแกเลยบังคับให้แกยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์”
“เอ่อ... อืม” เขาอ้ำอึ้งก่อนจะครางรับออกไป อยากจะบ้าตาย เขาแค่ใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่แต่งงานกับมินตราเลยโกหกเธอไปว่าเขาเป็นเกย์ ให้เธอตัดสินใจไปแต่งงานกับคนอื่นซะ แต่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะเที่ยวเอาไปเล่าให้ใคร ๆ ฟัง ว่าเขาเป็นเกย์ โดยเฉพาะเอามาเล่าให้วินิทราฟัง แล้วที่เขาแกล้งอกหักเมายับ วินิทราก็รู้น่ะสิว่าเขาแกล้ง เพราะเกย์ที่ไหนจะเสียใจที่แฟนสาวตัวเองไปแต่งงานเพราะไม่ได้รักไม่ได้ชอบกันจริงๆ
“ฉันเข้าใจแกว่าแกคงทำใจรักผู้หญิงไม่ได้ ความจริงแกน่าจะบอกแม่แกไปตรง ๆ นะกาย”
“บอกไม่ได้ ฉันได้โดนตัดออกจากกองมรดกน่ะสิ ฉันเลยต้องหาคนมาอุ้มท้องลูกของฉันไง”
“จะอุ้มท้องยังไง ก็นายเป็นเกย์”
“แต่ฉันก็เป็นผู้ชายนะ มีเมียได้อยู่แล้ว”
“บ้าเหรอแก” เธอต่อว่าเขา
“ถ้าแกยอมช่วยอุ้มท้องลูกของฉัน ฉันจะช่วยเหลือเรื่องการเงินกับแกตลอดชีวิต ฉันสัญญา” เขาพูดแบบนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกทั้งเกรงใจทั้งไม่มั่นใจว่าเธอจะทำได้
“ฉันไม่เคยอะไร ๆ กับผู้ชายคนไหนมาก่อน เคยอ่านนิยายเขาบอกเสียตัวครั้งแรกเจ็บมากนะ”
“จิ๊บๆ ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอก นิยายโกหก”
“แล้วนายทำเป็นเหรอ”
“ฉันเป็นผู้ชาย”
“ก็ชายไม่ทั้งแท่ง”
“ทั้งแท่งมีอันนั้นเหมือนคนอื่นเขา”
“บ้า” เธอว่าให้พลางหน้าแดง
“ขอคิดดูก่อนได้ไหม” เพราะปัญหาทางการเงินของครอบครัวทำให้เธอยังไม่ได้ปฏิเสธเขาออกไป เพราะหากเธอหาเงินทางอื่นได้ ก็คงไม่ต้องทำอะไรพิลึกพิลั่นแบบนี้
“ถ้าแกไม่อยากเสียตัวให้ฉัน ไปหาหมอกันก็ได้ เอาวิธีการแบบไม่ธรรมชาติแกก็ท้องได้”
“หือ... อะไรของแก”
“ก็ทำพวกเด็กหลอดแก้ว ฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูกไรงี้”
“เฮ้ย! จะให้ฉันไปอ้าขาให้หมอดูตรงนั้นเหรอ บ้าน่ะสิ”
“ก็น้องสาวฉันไง”
“อ้อ”
“เพื่อนแกเป็นหมอ และเพื่อนแกคือน้องสาวฉัน” ประโยคของกายสิทธ์ทำให้เธอนึกถึงกชนิภา น้องสาวฝาแฝดของกายสิทธิ์ขึ้นมาในทันที
“แกจะให้ยายนิช่วยเหรอ”
“อืม... มันยอมช่วยนะ เพราะรู้ว่าคุณแม่บังคับฉัน ไม่แต่งคราวนี้โดนตัดออกจากกองมรดกแน่ ๆ”
“ขอคิดดูก่อนได้ไหม” วินิทรากลับไปทบทวนข้อเสนอและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่กายสิทธิ์เสนอมาอย่างมึนงง แต่เขาก็มีบุญคุณกับเธอมาก คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด จะให้เธอใจร้ายไม่ช่วยเหลือเขาก็ไม่ได้ แต่จะให้เธอช่วยมันก็รู้สึกแปลกๆ
วิธีธรรมชาติคือต้องไปขึ้นเตียงนอนกับเขา ฟังแล้วจั๊กจี้พิลึก แต่วิธีไม่ธรรมชาติต้องไปหาหมอ มันก็ต้องไปเปิดจิ๊มิให้หมอดู แม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่เธอก็อายอยู่ดี
วินิทราได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนบ้านบอกว่าบิดามารดาของเธอโดนทวงหนี้โหด คนฟังถึงกับหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเพื่อนบ้านส่งคลิปมาให้ดู และสภาพของบิดามารดาตอนนี้คือบาดเจ็บสาหัสต้องพาไปส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
มารดาของเธอไม่โทร. มาหาอาจเพราะไม่อยากรบกวนเธอมากกว่านี้ เธอรู้ว่าท่านเกรงใจเธอ แต่บิดาคือตัวก่อหนี้ก่อปัญหาให้ครอบครัว
“หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้ละค่ะป้าเนียม”
“เอ็งจะมาเยี่ยมพ่อแม่เอ็งต้องมีเงินติดตัวมาใช้หนี้ด้วยนะ ไอ้พวกนี้มันทวงหนี้โหด เอ็งมาตัวเปล่าโดนพวกมันกระทืบตายคาตีนต้องหยอดน้ำข้าวต้มเหมือนพ่อแม่เอ็งแน่ ๆ”
“พวกมันเลวขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ”
“จะบอกว่าเลวก็ไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะพ่อเอ็งไปติดหนี้เขาอยู่ แต่จะบอกว่าพวกทวงหนี้ร้ายกาจไหม ต้องบอกว่าร้ายกาจมาก ถึงมากที่สุด” ประโยคของป้าเนียมทำให้วินิทราถึงกับอึ้งไป เวลาในการตัดสินใจของเธอน้อยนิดเสียเหลือเกิน แต่เธอก็ต้องตัดสินใจแล้วนั่นเอง
วินิทราโทร. ไปหากายสิทธิ์ เล่าทุกอย่างให้เขาฟัง และเธอก็รับปากว่าจะอุ้มท้องลูกให้เขา กายสิทธิ์ดูดีใจมาก แต่เธอไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่า ต้องไปเยี่ยมบิดามารดาตอนนี้เลย
กายสิทธิ์รีบมารับเธอ เขานำเงินมาพร้อมที่จะใช้หนี้ และเป็นจริงดังที่ป้าเนียมบอก เจ้าหนี้ของบิดามารอทวงหนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแบบไม่เกรงกลัวว่าใครจะเห็น