[THAEN] EP1
‘เรารักแทนนะ’ แทนมองใบหน้าของคนรักที่เพิ่งบอกรักเขา ริมฝีปากหยักส่งยิ้มจนดวงตาเรียวรีกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ท่อนแขนแข็งแรงกำลังจะเอื้อมมือออกไปคว้าคนตัวบางมากอดไว้แนบกาย ทว่าภาพของคนคนนั้นกลับค่อยๆเลือนหายไปต่อหน้าต่อตา
‘ไม่! ไม่เอาแบบนี้! ไม่! ได้โปรด!’ แทนตะโกนร่ำไห้อ้อนวอนให้คนตรงหน้าย้อนกลับมาหาเขาอีกครั้ง แต่มันก็เปล่าประโยชน์
ร่างสูงทิ้งเข่าลงกับพื้นเช่นคนหมดแรง น้ำหยดใสที่ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเขาจะปล่อยให้ร่วงออกจากตาได้ก็ถูกปลดปล่อยออกมา
‘มันคือความฝันอีกแล้วสินะ เมื่อไรจะตื่นสักที!’ คนเสียใจรัวกำปั้นทุบพื้นอย่างคนบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะต่อยแรงแค่ไหน หรือเลือดไหลเลอะไปทั้งมือ แต่มันก็ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย ไม่เจ็บปวดกายแต่ใจกลับแหลกเหลวป่นปี้
เฮือก!
แทนสะดุ้งตื่นพร้อมกับมือที่กำหมัดแน่น หางตาเปียกชื้นหยดน้ำตาเล็กน้อย เจ้าของผิวพรรณสีขาวสะอาดตาเหลือบมองนาฬิกาหัวเตียง
03.30 น.
แทนยกมือขึ้นเสยเส้นผมชื้นเหงื่อลวกๆ พลางถอนหายใจ
“ตื่นเวลานี้อีกแล้วหรอวะ” ร่างสูงจัดการควานหาซองบุหรี่ที่โยนไว้เหนือหัวเตียงกับไฟแช็กพุ่งตรงออกไปหน้าระเบียงห้อง
ควันสีขาวลอยฟุ้งไปตามแรงลม แทนสูบมันเข้าไปหนักๆแล้วปลดปล่อยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อยากจะลบภาพความฝันออกจากความคิดแต่ก็ทำไม่ได้ เพียงแค่เขากระพริบตาเจ้าของรอยยิ้มสดใสก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที แม้จะผ่านมาหลายปีแต่ภาพนั้นก็ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ
07.15น.
แทนเดินออกจากห้องที่เขานอนแล้วหยุดลงที่หน้าประตูห้องข้างๆ ไม่มีเสียงเคาะประตูขออนุญาตเข้าห้อง มีแค่เสียงบิดลูกบิดประตูและเสียงเท้าที่ก้าวเดินเข้ามาด้านใน
เด็กน้อยเจ้าของเส้นผมสีอ่อนกำลังนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ขนตาเรียงตัวสวยปิดทับกันสนิท แม้ว่าจะถูกบุกรุกมาจนถึงเตียงนอนแต่เจ้าของห้องก็ยังไม่รู้สึกตัว
“ปลาย” แทนนั่งลงบนเตียงพร้อมกับเขย่าตัวคนนอนหลับ “ตื่นได้แล้วปลาย”
“….”
“ถ้ามึงยังนอนขี้เซาแบบนี้กูจะให้นั่งรถไปเอง” พูดจบแทนก็ตบเข้าไปที่ ศรีษะทุยที่โผล่ออกมาจากกองผ้าห่มหนา คนที่รู้สึกตัวก็กะพริบตาถี่มองคนพี่ตาแป๋ว
“พี่แทนตื่นเร็วจัง”
“กูก็ตื่นก่อนมึงตลอดอยู่แล้วหนิ” ร่างสูงหันหน้ากลับไปตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืน สองมือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง
“พี่ตื่นเร็วหรือไม่ได้นอนกันแน่ เมื่อคืนผมได้กลิ่นบุหรี่มาจากห้องพี่นะ”
“….” แทนไม่ตอบอะไร เขามองใบหน้าจิ้มลิ้มตรงหน้านิ่งๆ ลอบมองดวงตาสีอ่อนไม่ให้เจ้าของรู้ตัว
“สูบบุหรี่เยอะมันไม่ดีนะพี่แทน เสี่ยงเป็นมะเร็ง ถุงลมโปร่งพองแล้วก็” นิ้วเรียวสวยยกขึ้นทีละนิ้วตามโรคที่คิดขึ้นได้ก่อนจะหุบนิ้วลงเพราะเสียงดุที่เอ่ยมาจากคนที่ยืนมอง
“พูดมากจังนะมึง” แทนดุเด็กรุ่นน้องเสียงเข้ม หยิบหมอนที่อยู่ใกล้มือโยนใส่หน้าคนที่นั่งบ่นไม่หยุด “ไปอาบน้ำ เร็วๆด้วยกูไม่อยากรอนาน กูไม่ชอบรอใคร”
คนเด็กกว่านั่งมองแผ่นหลังกว้างเดินออกจากห้อง สองแขนโอบกอดหมอนที่แทนโยนใส่เข้ามาแนบลำตัวแน่น ใบหน้าใสก้มลงให้ปลายจมูกโด่งชิดกับหมอนแล้วสูดลมหายใจเข้าดอมดมกลิ่นหอมที่ติดมากับหมอน ดั่งกับว่าหมอนใบนี้คือพี่แทน พี่ชายข้างบ้านที่ตัวเขาแอบชอบมาหลายปี แต่ยังทำใจกล้าบอกรักไปไม่ได้
แทนลงมานั่งรอปลายที่ห้องรับแขกในบ้านหลังใหญ่แต่ไร้ผู้คน มีเพียงลูก
ชายคนเล็กของบ้านที่ใช้ชีวิตอยู่ ถ้าตัวเขาไม่คอยมองไม่คอยดูแลไม่รู้เลยว่าเด็กน้อยข้างบ้านจะโตมาถึงขนาดนี้ไหม ทุกวันนี้เขาใช้ชีวิตอยู่บ้านปลายมากกว่าบ้านที่เขาซื้อหลังข้างๆเสียอีก
ยิ่งช่วงที่พ่อกับแม่ปลายต้องไปคุยงานที่ต่างประเทศปล่อยทิ้งเด็กน้อยให้อยู่คนเดียวเขายิ่งไม่ทิ้งคนตัวเล็กห่างไปไหนเลย บางทีความใกล้ชิดของเขากับปลายมันก็มากเกินความจำเป็น ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เขาอยู่คอยปกป้องร่างกายบอบบางเกินชายของปลาย คงจะเริ่มตั้งแต่เมื่อห้าปีก่อนที่เห็นเด็กตัวน้อยในชุดกระโปรงผ้าพลิ้วถูกรังแกจากเด็กในหมู่บ้าน
ร่างกายบอบบางนั่นล้มลงนั่งกับพื้น พร้อมกับกระโปรงที่ถลกขึ้นสูง โชว์ผิวขาวที่ขาอ่อน ในครั้งนั้นเขาจำได้ดีว่าตัวเองต้องหลบสายตาออกห่างจากภาพที่เห็นขนาดไหน มือสั่นงันงกตอนที่เอื้อมไปดึงชายกระโปรงมาปิดไว้ที่ต้นขาดังเดิม วินาทีนั้นเขาต้องกลั้นหายใจกันเลยทีเดียว
“พี่แทน เสร็จแล้วไปกันเถอะ” คนถูกเรียกหลุดออกจากภวังค์ของความคิด เงยใบหน้าขึ้นมองเด็กรุ่นน้องในชุดนักศึกษาพอดีตัว
ใบหน้าจิ้มลิ้มประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้างเหมือนเคย ที่ชวนให้ผู้ชายหลายคนเหลียวหลังมองกันแทบทุกคณะที่คนตรงหน้าเดินผ่าน
“ชักช้า” เสียงเข้มดุตำหนิคนที่แต่งตัวอาบน้ำนาน ทั้งที่ปลายก็มั่นใจแล้วว่าเขาใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ทำไมถึงยังช้าสำหรับคนพี่อยู่ดี
“ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ ช้าแล้วหรอพี่แทน”
แทนตวัดหางตามองไปยังคนตั้งคำถาม เสียงจิ๊ปากดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะเสยผมที่ยาวระเรี่ยคอไปด้านหลัง
“กูบอกว่าช้าก็คือช้า ยิ่งโตยิ่งถามมากจัง” คนถูกดุไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีกเลย ดวงตาสีอ่อนก้มมองเท้าตัวเองแล้วเดินตามคนตัวสูงออกไปขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
แทนแวะมาส่งปลายที่ตึกคณะแพทย์ก่อนที่ตัวเขาจะขับรถวนครึ่งรอบเขตมหา’ลัยเพื่อกลับคณะตัวเอง เขาทำแบบนี้มาตั้งแต่คนข้างกายเข้าเรียนปีหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว
“เดี๋ยว!” คนอายุเยอะกว่ารีบคว้ามือเรียวที่กำลังปลดสายเข็มขัดเพื่อลงจากรถ การกระทำถึงเนื้อถึงตัวโดยไม่ได้ใส่ใจของแทนกำลังสร้างความหวังและความรู้สึกดีให้กับเด็กรุ่นน้องคนหนึ่งมากขึ้นเรื่อยๆ “มึงยังติดต่อกับไอ้รุ่นพี่วิศวะคนนั้นอยู่ไหม”
ปลายนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ไม่ได้คุยครับ”
“ก็ดี อย่าไปยุ่งกับมัน” คนตัวเล็กพยักหน้ารับ สายตาสวยก้มมองไปยังมือใหญ่ที่กุมมือเขาไว้ไม่ปล่อย รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าที่เกิดจากการแนบชิดกัน
แทนไม่ได้สนใจสายตาของปลายที่กำลังรู้สึกดีกับตัวเขาขึ้นทีละนิด เพราะมัวแต่จดจ้องออกไปนอกตัวรถ พุ่งไปยังจุดที่มีร่างของคนที่อยู่ชั้นปีเดียวกับเขายืนรอเด็กข้างกายคนนี้อยู่
“เดี๋ยวกูไปส่งที่ห้อง” พูดจบแทนก็หุนหันเปิดประตูรถออกมาทันที ก่อนที่จะเดินวนไปเปิดประตูอีกฝั่ง จับแขนคนตัวเล็กให้เดินขนาบข้างตีคู่ไปด้วยกัน
“พะ..พี่แทน ช้าก่อน ผมเดินตามไม่ทัน” ปลายรีบซอยเท้าให้เดินเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะคนที่ลากแขนเขาอยู่ช่างเดินเร็วเสียเหลือเกิน หากก้าวพลาดไปสักก้าวคงล้มหน้าทิ่มพื้น
“อ๊ะ!” คิดยังไม่ทันไรเท้าเจ้ากรรมก็ก้าวพลาดจากขั้นบันไดหน้าตึก ฉุดให้ร่างเพรียวบางล้มลงเข่ากระแทกกับขั้นบันไดเต็มแรง สองมือตะปบลงกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ พร้อมกับเสียงใสที่ร้องเพราะความเจ็บปนตกใจ
“โอ๊ย!!”
แทนหยุดเท้าทันทีที่รู้ว่าแขนที่จับมาหลุดออกจากมือไปแล้ว พอหันกลับมาก็มีเพียงเด็กรุ่นน้องที่นั่งกองอยู่กับขั้นบันได ดวงตาสีอ่อนกำลังเอ่อคลอหยาดน้ำใส แต่ยังไม่ได้ปล่อยให้ร่วงหล่นลงมา
“เดินอะไรของมึงวะปลาย” ถึงปากจะดุแต่ก็รีบเดินเข้าไปพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นยืน ไม่รู้ว่าทำไมตั้งแต่เจอกันจนถึงตอนนี้ปลายถึงได้หาเรื่องเจ็บตัวให้เขาต้องดูแลได้ตลอดเวลา แม้แต่เดินก็ยังล้ม
หมับ!
ดวงตาสีเข้มตวัดมองมือใหญ่ที่คว้าจับเรียวแขนอีกข้างของปลายทันที เด็กวิศวะชั้นปีเดียวกับเขากำลังช่วยเด็กในการปกครองของเขาให้ลุกขึ้นยืน โดยที่เด็กน้อยก็เต็มใจ ทำเอาคนพี่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาในอก ไม่ชอบมือที่กำลังแตะเนื้อต้องตัวเด็กน้อยข้างบ้านของเขาชะมัด!
ผลั่ก!
“โอ๊ย!” คนตัวบางต้องร้องเจ็บอีกครั้งเมื่อถูกรั้งด้วยแรงมหาศาลจากฝั่งของแทน จนลำตัวเพรียวบางต้องลอยมาปะทะกับอกแกร่งของพี่ชายข้างบ้าน
แทนรวบร่างกายที่แสนจะบอบบางของปลายเอาไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียว หลังจากที่กระชากเด็กน้อยให้เข้ามาอยู่ในอกได้สำเร็จ ‘พี’ มองค้อนแทนด้วยความไม่พอใจ เช่นเดียวกับแทนที่มองพีกลับด้วยความไม่เป็นมิตร
‘พี’ เป็นเด็กของคณะวิศวะชั้นปีสี่ที่มาสะดุดตากับร่างกายบอบบางของปลาย ตอนที่เดย์เคยพาปลายไปหาแทนแล้วเดินสวนกันกับเขา เขาอดใจไม่ไหวเลยต้องคอยมาตามตื๊อที่คณะเกือบจะทุกวัน แม้ว่าเด็กน้อยร่างบางจะตอบเขามาแค่รอยยิ้มเป็นมิตรและความเงียบก็ตาม
“เสือก” แทนพูดกระแทกเสียงใส่หน้าพีกลางทางเดินเข้าตึก พีตอบกลับคำพูดนั้นมาเพียงรอยยิ้มหวานเรียกน้ำโหได้จากแทนไม่น้อย “ไอ้พี!”
“ครับ” พีขานรับการเรียกชื่อ ร่างสูงมองมายังเด็กน้อยในอ้อมแขนแทนอีกครั้ง ส่งรอยยิ้มจริงใจไปให้ก่อนจะเดินเฉียดไหล่คนตัวสูงพอกันผ่านไป
“เชี่ย! ถ้าไม่ติดว่ามึงเจ็บกูลากมันไปต่อยแม่งละ” แทนกัดฟันพูดด้วยความโมโห อยากจะกำหมัดระบายความโกรธแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมีร่างบางให้ต้อง
คอยพยุง
“พี่พีเขาแค่มาช่วยผมเองนะพี่แทน อีกอย่างพี่พีก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันไม่ดีสักหน่อย” ปลายบอกไปตามที่ใจคิด
เขาไม่เคยเห็นพีไปวุ่นวายอะไรกับแทนเลยสักครั้งเท่าที่รู้จักกับแทนมา ไม่น่าจะทำอะไรให้แทนไม่ชอบ แต่ทำไมทุกครั้งที่เจอหน้าพีแทนมักจะมองด้วยสายตารังเกียจ โกรธแค้น จนอยากจะฆ่าให้ตายคามือ
“อยากให้มันดูแลมากเลยรึไง”
“โอ๊ย!” เจ้าของแขนเรียวร้องเจ็บอีกรอบเมื่ออีกฝ่ายเผลอออกแรงบีบที่ต้นแขน “พี่แทนจะบีบแขนผมทำไมเนี่ย ผมแค่ถามเฉยๆนะ”
เสียงร้องของปลายเหมือนเสียงระฆังเรียกสติ หลังจากที่เมื่อครู่แทนเผลอเอาตัวเองกลับเข้าไปอยู่กับเหตุการณ์ในอดีตอีกครั้ง ร่างสูงสะบัดหน้าสองสามทีเรียกสติ แล้วคลายมือที่กำจนแน่นออก
“มึงนี่” แทนขึ้นเสียงดุคนในอ้อมแขน “ทำไมยิ่งโตยิ่งทำให้กูอารมณ์เสียวะ”
“ตะ..แต่”
“ไปอยู่กับเพื่อนมึงเลยไป” ร่างสูงปล่อยอ้อมแขนออกจากคนตัวเล็กทันทีที่หันไปเห็นเพื่อนสนิทของอีกคนยืนรออยู่ และชิ่งเดินขึ้นรถไป ไม่อยู่รอให้คนเจ็บเอ่ยปากถามอะไรต่อ
แทนรีบเดินกลับเข้ามาในรถ เขาสตาร์ทรถทิ้งไว้แต่ยังไม่ได้จับพวงมาลัย
ขยับตัวรถไปไหน ดวงตาสีเข้มเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างไร้จุดหมาย สองมือกำหมัดเข้าหากันแน่นก่อนจะทุบไปที่พวงมาลัยแรงๆสองสามที ทั้งระบายความคับข้องใจและความรู้สึกผิดที่บังคับตัวเองให้อยู่กับปัจจุบันไม่ได้ แถมยังลากคนที่ไม่รู้เรื่องมารับแรงกระทำจากในอดีตของเขาอีก
แทนค่อยๆหลับตาลงช้าๆ ฉากหลังของความมืดมิดทั้งสองดวงตาค่อยๆฉายภาพรอยยิ้มหวานขึ้นมา มันค่อยๆชัดเจนขึ้นทีละนิด จนชัดเหมือนกับว่าคนคนนั้นกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ แต่พอเอื้อมมือออกไปจะคว้าเอาไว้กลับมีเพียงแค่ควันสีขาว สุดท้ายก็ต้องลืมตากลับมาอยู่กับความเป็นจริง
“คิดถึง..” แทนพูดเสียงสั่น น้ำตากำลังจะไหลลงอาบแก้มของเขาในไม่ช้า แต่แล้วก็ถูกเช็ดออกไปด้วยหลังมือหยาบ
ก่อนจะขับรถออกไปจากหน้าคณะแทนหันกลับไปมองปลายอีกครั้ง เด็กตัวเล็กยังยืนมองเขาอยู่ที่เดิมกับเพื่อนอีกสองคน ดวงตาสีอ่อนละเอียดมองมายังเขาด้วยความเป็นห่วง ไม่ต่างจากแววตาของใครบางคนในความทรงจำที่มองเขาแบบนี้เช่นกัน
@คณะเกษตรศาสตร์
“ดอกกุหลาบหรอวะ” ‘โชว์’ อดีตเดือนสุดฮอตของมหา’ลัยมองต้นดอกไม้ที่ประดับด้วยหนามแหลมคมในมือเพื่อนสนิท แทนตอบเพียงการพยัก เพราะสมาธิกำลังจดจ่ออยู่กับต้นไม้ที่กำลังย้ายกระถางใหม่ในมือ
แทนบรรจงเปลี่ยนกระถางให้ดอกกุหลาบราวกับมันมีชีวิตเหมือนกับคนคนหนึ่ง ค่อยๆวางอย่างประณีต สายตาจดจ้องมองไม่ละระคนหลงใหล จนโชว์ก็อดรู้สึกขนลุกกับสายตาที่แทนมองต้นกุหลาบต้นนี้ไม่ได้
“มึง…ชอบดอกกุหลาบหรอวะ เห็นในรายงานมึงก็ทำเรื่องดอกกุหลาบ”
“กูไม่ได้ชอบ” แทนตอบโดยที่ยังไม่ละสายตาไปไหน ปลายนิ้วทั้งห้าค่อยๆจรดลงจับใบของกุหลาบอย่างแผ่วเบา ค่อยๆไล้ไปตามแนวใบราวกับเป็นฝ่ามือที่บอบบาง
“แล้วใครชอบวะ น้องปลายหรอ” แค่ได้ยินชื่อของน้องข้างบ้านแทนก็ชะงักมือทันที เขาเกือบลืมไปสนิทว่าเด็กคนนั้นก็ชอบดอกกุหลาบเหมือนกัน
“อืม”
“ถ้างั้น..มึงก็ปลูกให้น้องปลายอะดิ” โชว์พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“เปล่า คนที่กูอยากให้เห็นเขาไม่อยู่ดูมันแล้ว” แทนตอบแล้วลุกหนีเพื่อนสนิททันที ยิ่งเขาอยากจะหนีจากอดีตมากเท่าไร เด็กน้อยข้างบ้านก็มักจะพาอดีตวนกลับมาหาเขาเท่านั้น ทั้งๆที่มั่นใจว่าใช่แต่ปลายก็ชอบมาทำให้ไขว้เขว