“แน่นอน ไม่เชื่อเหรอเดี๋ยวจะทำให้ดู”
ฉันยกมือปิดปากเมื่อเห็นว่าน้องทำจริง เปิดห้องแรกแล้วกวักมือเรียกฉันให้ไปดู
“อะไรวะ ! “ ฉันรีบส่ายหน้าเพราะแขกในห้องแรกไม่ใช่พี่แม็กผู้ชายที่ฉันกำลังตามหา
“แบบนี้จะไม่ดีนะ มันดิบไป น้องจะเดือดร้อน”
“ชักช้าจะไม่ได้เรื่องนะ” ฉันต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่น้องจะเปิดห้องถัดไป ถ้าเกิดในห้องกำลังโบ๊ะบ๊ะกันอยู่ล่ะแบบนั้นจะถูกฟ้องมั้ย เสียชื่อร้านแล้วจะเอาปัญญาจากไหนมาชดใช้
“โทรก่อน ใจเย็นๆพี่กำลังโทร” ฉันรีบหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าสะพายก่อนที่ห้องต่อไปจะถูกเปิด
“อายุเท่าไหร่แล้ว ทำไมคิดว่าผมเป็นน้อง” ฉันเหลือบตาขึ้นมองเขาแวบนึงก่อนที่จะเลื่อนหาชื่อของพี่แม็กต่อ
“หน้าพี่แก่กว่ามั้ง” เพราะฉันเคยหน้าแตกไปเรียกคนอื่นว่าพี่ก่อนแล้วไง หลังจากนั้นก็คิดว่าตัวเองเป็นพี่ตลอดเลย เล่นตัวเองก่อนจะได้ไม่เจ็บหนัก
“ตรงไหน ไม่นะ”
“เดี๋ยวเลี้ยงเหล้าเลยพูดงี้ แต่ไม่ใช่ร้านนี้นะ ไม่มีปัญญาจ่าย แพงเกิน”
พอกดโทรออกฉันก็เดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นเล็กน้อย ด้านบนเป็นโซนวีไอพีอย่างที่เขาบอกจริงๆ ได้ยินเสียงดนตรีจากด้านล่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“ฮัลโหลพี่แม็ก อยู่ไหนอ่ะวันนี้มารับก้อยหน่อยได้มั้ย” ฉันเหลือบตามองร่างสูงที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล ยังกระดกเหล้าอย่างชิลล์ๆไม่ยอมไปไหน
(เลิกกี่ทุ่ม ทำโอเหรอ)
“ที่บริษัทมีงานเลี้ยงน่ะ พี่แม็กอยู่ไหนเหรอ ร้านเหล้าหรือว่าบ้านเพื่อน” ระหว่างที่ถามก็ชะเง้อคอมองประตูห้องวีไอพีไปด้วย
(พี่อยู่ข้างนอก ก้อยเลิกกี่ทุ่มถ้าไม่ดึกมากพี่จะไปรับ พรุ่งนี้พี่มีงานเช้ากลัวตื่นไม่ทัน)
“ก็เกือบเที่ยงคืนเลยอ่ะ บริษัทจัดงานเลี้ยง”ฉันไม่เคยอ้อนพี่แม็กให้ทำแบบนี้เลย เรื่องไปรับ-ส่งฉันไม่เคยรบกวนเขาเลยเชื่อมั้ยเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไม่ได้ลำบากอะไรเลย
แต่คนเป็นแฟนกันคบกันมาตั้งสามปีมันก็ควรมีบ้าง แต่ฉันเลือกปัดทิ้งเพราะเราทั้งคู่ต่างก็ทำงานมีภาระหน้าที่ แต่ตอนนี้ฉันกำลังอ้อนเขาอยู่ อ้อนเขาให้ทำในสิ่งที่ฉันไม่เคยมีโอกาสได้รับ
(จิ๋วล่ะ ว่างมั้ย)
“ไม่เป็นไร ก้อยกลับเองก็ได้”
(โกรธพี่หรือเปล่า)
“พี่แม็กอยู่ไหน บอกก้อยได้มั้ย”
(ก้อย เป็นอะไรหรือเปล่าปกติก้อยไม่เซ้าซี้พี่แบบนี้นี่)
“ก้อยก็แค่อยากรู้ไม่ได้เหรอ”
(แค่นี้ก่อนนะ พี่กำลังคุยงานกับเพื่อนอยู่) ฉันยังไม่ยอมวาง เดินไปตามทางแล้วแนบหูกับประตูห้องเผื่อได้ยินเสียง
“พี่แม็ก มีอะไรโกหกก้อยอยู่หรือเปล่า”
แกร็ก
(ก้อยกำลังงี่เง่าอยู่รู้ตัวมั้ย)
ประตูห้องข้างหน้าถูกเปิดออก พร้อมปรากฏร่างสูงที่คุ้นเคยของผู้ชายที่ฉันรัก
“อยู่นี่ทำไมไม่บอกคะ”
“พี่แม็กก็ไหนบอกเลิกแล้วไงคะ พลอยทนไม่ไหวแล้วนะ”
“พลอยพี่กำลังจะเคลียร์อยู่นี่ไง” แขนหมดแรงโทรศัพท์แทบหลุดจากมือ ถึงจับไม่ได้คาหนังคาเขาว่าทั้งคู่แอบคบกันแต่ปฏิกิริยาของผู้หญิงคนนั้นเป็นใครก็มองออกว่ากำลังหวงพี่แม็กอยู่
“ก้อยจะไม่อาละวาด ออกมาคุยกันดีๆ”
“ได้ พี่ก็อยากคุยกับก้อยนานแล้วเหมือนกัน” นานแล้วเหรอ ก็แสดงว่าแอบนอกใจกันมานานแล้ว ฉันเข้าใจถูกมั้ย
ฉันเดินตามพี่แม็กมาที่บันไดหนีไฟ เป็นสถานที่สงบเหมาะสำหรับการเคลียร์ใจในครั้งนี้ ฉันขอให้มีแค่เราสองคน ไม่อนุญาตให้บุคคลที่สามเข้ามาอย่างเด็ดขาด
“พี่แม็กเริ่มก่อนสิ”
“ก้อย” แค่ได้ยินเสียงเรียกชื่อน้ำตาฉันก็จะไหลแล้ว
“พี่มีคนอื่นใช่มั้ย”ตลอดเวลาที่คบกันฉันไม่เคยคิดเรื่องอื่นเลยรู้มั้ย ฉันรักผู้ชายคนนี้มาก เขาดีกับฉันอยู่ข้างฉันมาตลอดแม้ในวันที่ฉันไม่มีอะไรเขาก็ยังไม่ไปไหน ทำไมวันนี้เขาถึงเปลี่ยนไปทำร้ายความรู้สึกจนฉันจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
“ใช่”
“ทำไม เป็นเพราะครอบครัวก้อยใช่มั้ยหรือเพราะก้อยดูแลพี่ไม่ดี พี่อยากให้ก้อยเอาใจแบบผู้หญิงคนนั้นใช่มั้ย ก้อยก็ทำได้อ่ะ ทำไมไม่บอกก้อย” ฉันพยายามควบคุมสติ พูดคุยกันด้วยเหตุผลแต่ก็ไม่ไหว
“ก้อยก็รู้ว่าแม่พี่ไม่ชอบครอบครัวก้อย แต่งกันไปก็มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ก็เลยเลือกนอกใจกันแบบนี้เนี่ยเหรอ”
“พี่ตั้งใจจะบอกอยู่แล้ว”
“ตั้งใจกี่โมง ไม่รักแล้วก็บอกมาดิจะได้ทำใจ ทำร้ายกันแบบนี้ทำไม ชีวิตก้อยมันยังแย่ไม่พออีกเหรอ พี่รู้มั้ยว่าก้อยทะเลาะกับแม่จนไม่มีที่อยู่”
“ทำไมก้อยไม่บอกพี่”
“พี่ละเลยก้อยมานานแล้วรู้ตัวบ้างมั้ย” คนเปลี่ยนไปมักไม่รู้สึกตัวหรอก หรือบางทีเขาอาจจะตั้งใจก็ได้
“ก้อย พี่ขอโทษ” ฉันมองหน้าพี่แม็กนิ่ง ไม่พูดต่อเพราะรู้อยู่แล้วว่ามันจะจบลงยังไง
“เราเลิกกันเถอะ ก้อยขอเป็นคนพูดนะเพราะไม่อยากถูกนินทาว่าโดนผู้ชายทิ้ง”
มันไม่ได้แย่เลยสักนิดก็แค่เสียใจฟูมฟายอยู่สักพักเดี๋ยวก็หาย สามปีที่ผ่านมาฉันไม่เสียดายเพราะมันดีมากๆ ถึงแม้ตอนจบจะไม่แฮปปี้ก็ไม่เป็นไร
“น้องเบียร์ขวดนึง”
เขาไม่รั้ง ไม่ห้ามและไม่บอกลาฉันเลยสักคำ เป็นฉันเองที่ก้าวออกมา
“เจ็บฉิบหาย” เดินออกมาจากผับพร้อมกับเบียร์หนึ่งขวด กระดกดื่มมาเรื่อยแล้วมาหยุดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ ปรือตามองรถเมล์เที่ยวสุดท้ายที่เพิ่งขับออกไปแล้วหัวเราะกับตัวเอง
ปี๊น ปี๊น
“ไหวมั้ย” เสียงแตรและตามมาด้วยประโยคคำถามของน้องพนักงานทำให้ฉันตาโตเพราะรถที่ขับมาจอดไม่ธรรมดา
“ไหว”
“กลับไง”
“เดินมั้ง รถไปนู่นแล้ว”
“ไปส่ง ขึ้นรถเร็ว” แล้วฉันก็ใจง่ายขึ้นรถไปกับน้องพนักงาน
“เล่นเป็นขวดเลยเหรอ”
“ถือแก้วด้วย ไม่ไหว เอามั้ย”
“เอาอะไร”
“เบียร์ไง รังเกียจมั้ยล่ะ” ยื่นทั้งขวดให้
“ผมพาไปเลี้ยงดีกว่า อยากดื่มต่อมั้ยล่ะ”
“เอาดิ”
"จบยังไง"
"เป็นคนบอกเลิกเอง อย่างเศร้าเลย"
________