“ไอ้เวรเอ๊ย รับโทรศัพท์สิวะ”
ฉันเริ่มหัวเสีย หลังจากโทรย้ำไม่หยุด แต่ก็ยังไม่มีคนรับ หน้าด้านหน้าทนจริงๆ ทำแบบนี้ปิดโทรศัพท์หนีกันไปเลยยังดีซะกว่า
“ฉันว่ามันคงไม่รับหรอก เธอรีบนอนเถอะ พรุ่งนี้มีเดินแบบชุดชั้นในของแบรนด์วิกตอเรียนไม่ใช่เหรอ?”
ก็ใช่น่ะสิ เพราะค่าจ้างงานนี้หลักหมื่นหรอกนะฉันถึงรับ ฝืนแค่ไหนก็ต้องทำ แค่ไม่ขายตัวก็พอ!
“ฉันคงนอนหลับลงหรอกนะ”
“แต่เธอต้องนอนแล้ว เพราะฉันจะเล่นโทรศัพท์ฉันแล้วย่ะ”
พูดจบปวีณาก็ลุกมาแย่งโทรศัพท์ไปจากมือฉัน โอ๊ย จะไปว่าเธอก็ไม่ได้ อยากจะบ้าตาย
แต่ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินปึงปังเข้าห้องตัวเอง ประโยคที่ปวีณาพูดก็ทำเอาฉันต้องหยุดฟังก่อน
“เดี๋ยวนะ นี่เธอเพิ่งโพสต์สเตตัสนี้เหรอวะขวัญ?”
วียื่นโทรศัพท์มาให้ฉันดู หน้าฟีดของเธอมีข้อความว่า
‘เจ้าของผับนี้หล่อจัง ฉันว่าฉันหลงเสน่ห์เขาเข้าแล้วล่ะ’
พร้อมกับเช็คอิน The phantom เสร็จสรรพ โดยมีรูปโปรไฟล์ฉันที่ยืนยันว่าฉันเป็นคนโพสต์เมื่อหนึ่งนาทีที่แล้ว
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!! คงต้องมีผีมาสิงฉันเท่านั้นแหละฉันถึงจะโพสต์อะไรปัญญาอ่อนแบบนั้นลงไปได้!
“อย่าบอกนะว่าเธอเป็นคนทำน่ะวี!?” ฉันกล่าวหา
ปวีณารีบปฏิเสธทันที “จะบ้าเหรอ ฉันจะไปรู้รหัสเฟสเธอได้ยังไงเล่า”
เออ ก็ว่าอยู่ หรือว่าจะ...
“ไอ้คนที่เอาโทรศัพท์ของฉันไป” ฉันพูด พร้อมรู้สึกโมโหจี๊ดขึ้นมาทันที “ต้องใช่มันแน่ๆ”
“แล้วทำไมมันต้องโพสต์แกล้งเธอแบบนี้ด้วย?... หรือว่าจะเป็น...”
ฉันว่าปวีณาคิดถึงคนคนเดียวกันกับฉันนะ...
“ใช่ไหม?” ฉันพูดเครียดๆ “เธอว่าใช่เขาไหม?”
“ฉันว่าใช่”
กรี๊ดดด อีตาบ้าาาา
…
@ Victorian’s fashion show
“วันนี้หน้าตาไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ ทะเลาะกับผู้มาเหรอ?”
พี่ส้มโอช่างแต่งหน้าทักในขณะที่กำลังลงรองพื้นให้ฉันอยู่
“เปล่าค่ะ”
ฉันปฏิเสธอย่างเซ็งๆ เพราะว่าตอนนี้ในใจกำลังคุกรุ่นไปด้วยความหงุดหงิด เปล่าซะที่ไหนกันล่ะ?
หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนฉันก็มั่นใจว่าคนที่เก็บโทรศัพท์มือถือของฉันไว้คืออีตาติณบอสของผับเฮงซวยนั่น
ขโมยโทรศัพท์คนอื่นไปยังไม่พอ ยังเข้าเฟสฉันไปโพสต์สเตตัสอวยตัวเองอีก หน้าไม่ด้านทำไม่ได้นะเนี่ย
“เห็นเนตรดาวไหมคะพี่ส้มโอ?”
สตาฟที่อยู่ข้างนอกชะโงกหน้าเข้ามาถาม
“โอ๊ย! ยังไม่มาหรอก มาสายตลอดแหละรายนั้น” น้ำเสียงของพี่ส้มโอฟังออกเลยว่ารำคาญยัยที่ชื่อเนตรดาวอะไรนี่มาก
“เนตรดาวที่เป็นฟินาเล่เหรอคะ?” ฉันถาม
“ก็ใช่น่ะสิ แรกๆ ก็ทำงานดีนะ แต่พอได้เป็นฟินาเล่บ่อยๆ เข้า ก็หลงนึกว่าตัวเองเป็นนางแบบแนวหน้า”
พี่ส้มโอเมาส์มอยอย่างเหลืออด
“ยิ่งเดี๋ยวนี้มีเสี่ยกระเป๋าหนักเลี้ยง ก็วางมาดขึ้นมาทันที นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วดูซิเนี่ย ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย”
ฉันเคยเห็นยัยเนตรดาวอะไรนี่ตอนซ้อมเดินแล้ว นางเป็นคนสวย หน้าหยิ่ง ใช้ของแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้า ได้ข่าวจากวงในมาเหมือนกันว่ามีแต่คนไม่ชอบนาง แต่สำหรับฉันแล้วเฉยๆ นะ
ตราบใดที่นางยังไม่ทำอะไรให้ฉันเดือดร้อน ฉันก็จะไม่เกลียดนาง เพราะฉันเป็นคนประเภทไม่เกลียดใครโดยไม่มีเหตุผล หึ รู้สึกสวย
“พี่ว่านะ น้องขวัญเนี่ยสวยกว่ายัยเนตรดาวอะไรนั่นอีก นี่ถ้าทำงานในวงนี้มาก่อนหน้านี้นะ พี่รับรองเลยว่ายัยนั่นไม่มีทางได้เกิดแน่นอน”
“ใครเหรอคะ?”
อ้าว ชิบหายแล้ว ยัยเนตรดาวอะไรนั่นเปิดประตูเข้ามาแล้วจ้าา และเหมือนนางจะได้ยินประโยคเด็ดที่พี่ส้มโอเพิ่งพูดไปด้วย เอาล่ะ มีคนเสี้ยมให้เกลียดกันแล้วไง
เนตรดาวที่เพิ่งจะมาถึง ลดแว่นดำเพื่อมองฉันผ่านกระจกอย่างวางมาด มุมปากเธอกระตุกยิ้มเหยียดก่อนจะเดินนวยนาดมานั่งข้างๆ เพื่อรอช่างแต่งหน้า
เหอะ ว่าจะไม่อะไรแล้วนะ แต่เล่นมองจิกกันซะขนาดนี้คนอย่างครองขวัญก็ยอมไม่ได้เหมือนกันจ้า
อยากเป็นศัตรูกันก็จัดไป!
หลังจากที่นางแบบทุกคนแต่งหน้าแต่งตัวด้วยชุดชั้นในตัวจิ๋วกันเสร็จสรรพก็ได้เวลาขึ้นโชว์บนเวที เริ่มจากนางแบบหน้าใหม่อย่างฉันก่อน แล้วตบท้ายด้วยฟิลาเน่ซึ่งก็คือยัยเนตรดาว
ชุดที่ฉันใส่เป็นชุดชั้นในสีขาวลายลูกไม้ มองผ่านๆ อาจจะดูวับแวมเหมือนเป็นผ้าบางๆ
แต่ทว่าที่จริงแล้วผ้าหนามาก เพราะแบรนด์นี้เน้นความเซ็กซี่แบบปลอดภัย ไม่โป๊ะ ต่อให้วันนี้ฉันฉีกขาร้อยแปดสิบองศาก็ไม่มีอะไรแพลมออกมาให้ระคายเคืองตาแน่นอน
วินาทีที่รองเท้าส้นเข็มห้านิ้วของฉันแตะบนพื้นเวที วิญญาณนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ตก็เข้าสิงร่าง ฉันก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ สู้กับทุกสายตาและแสงแฟลชที่สาดส่องเข้ามา
ฉันสวย ฉันเริ่ด จงมองมาที่ฉัน!
นี่คือคำที่ฉันใช้สะกดจิตตัวเองทุกครั้งที่เดินแบบเพื่อสร้างความมั่นใจ
แต่เมื่อฉันเดินไปถึงด้านหน้าสุดของเวที สายตาอันเฉียบคมของฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่นั่งกอดอกอยู่ตรงมุมวีไอพีด้านล่าง ทำเอาฉันที่กำลังยิ้มกว้างอย่างสดใสเกือบหุบยิ้มแน่ะ
ฉันจำมาดของผู้ชายใส่สูทสีดำเรียบกริบเครื่องหน้าคมเข้มที่กำลังจ้องฉันอยู่ได้เป็นอย่างดี ผู้ชายที่จูบฉันเมื่อคืน
อีตาติณมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!!
โอเค ใจเย็นไว้ก่อนครองขวัญ เธอต้องทำงานแบบมืออาชีพ
ไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะเลวร้ายแค่ไหนเธอก็ต้องยิ้มไว้ก่อน อย่าไปสนใจอีตาบ้านั่นเลย อย่ายอมให้หน้าหล่อแบบร้ายๆ นั่นมาทำลายสมาธิเธอได้! ฮึบไว้
แต่รอยยิ้มพิมพ์ใจของฉันก็กลายเป็นรอยยิ้มฝืนแบบยิงฟันตั้งแต่หมุนฟูลเทิร์นจนเดินลงจากเวที
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เจอเขาที่นี่ สายตาที่เขามองฉันเมื่อกี้มันคือสายตาดูถูกชัดๆ เขามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า!
น่าโมโหชะมัด!