กึก!
ดอกแก้วมั่นใจว่าตัวเองขยับกายแค่เพียงแผ่วเบา แต่ก็ยังไม่วายเกิดดังเสียงจนคนข้างๆ หันกลับมามอง
“เอ่อ...”
“...?”
ใบหน้าของเขามีคำถาม แต่ไม่ได้ถามออกมา ดอกแก้วเองก็ไม่ยอมพูด จนในที่สุดก็เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง
อึดอัด แต่ไปไหนไม่ได้
ดวงตาโตสวยมองไปด้านนอก บรรยากาศสี่ทุ่มของเมืองหลวงช่างสดใส แม้ไร้แสงอาทิตย์ แต่ก็ยังมีแสงไฟจากร้านรวงและที่พักอาศัยกระจายไปทั่ว
รถคันหรูแล่นไปตามทางของมัน ดอกแก้วไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปไหน ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร เธอรู้แค่ว่า… วันนี้เธอได้ตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตลงไปแล้ว
ตัดสินใจ... ขายเรือนร่างให้ใครคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก เพื่อแลกกับเงินและความสะดวกสบาย
ศักดิ์ศรีของเธอ... ในวันนี้เธอขายมันไปแล้ว
ไม่ถึงยี่สิบนาที ดอกแก้วก็ต้องลงจากรถคันหรู เสี่ยที่พาเธอมาด้วยเดินไปอีกทางกับลูกน้องอีกคน ทิ้งเธอไว้กับลูกน้องอีกคนที่ก้มหน้าลงเล็กน้อยไม่ยอมสบสายตากับเธอ
“เสี่ยไปไหนคะ?”
“เสี่ยไปทำธุระ คุณขึ้นไปรอบนห้องก่อน”
“บนห้อง?”
“ครับ” เขาพยักหน้าเบาๆ “ตามผมมา”
พูดจบ เขาก็ก้าวเดินเข้าไปในตัวอาคารทันที
ดอกแก้วไม่มีทางเลือกมานัก ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงอย่างเดียวคือเดินตามหลังชายแปลกหน้าในชุดสูทคนนั้นไป
ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม ดอกแก้วเห็นว่ามีเจ้าหน้าร่างใหญ่สองคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกระจก แต่ผู้ชายที่เดินนำเธอก็ยังต้องสแกนม่านตาเพื่อเข้าอาคารอยู่ดี
“อ๊ะ! ทำอะไร!” หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบ เมื่อหนึ่งในชายร่างใหญ่เดินเข้ามาใกล้พร้อมอุปกรณ์ในมือ
“ไม่ต้องตกใจครับ เขาแค่ทำตามหน้าที่”
ไม่ให้ตกใจได้ยังไง ท่าทีคุกคามแบบนั้น...
ดอกแก้วเม้มปากแน่น ปล่อยให้เจ้าหน้าที่คนนั้นเอาเครื่องสแกนโลหะมาตรวจ เมื่อเรียบร้อย ชายในชุดสูทก็เดินนำเธอไปที่ลิฟต์
เธอไม่รู้ว่าที่นี่มีความสูงกี่ชั้น แต่เวลาเกือบนาทีที่อยู่ในลิฟต์มันทำให้เธอหูอื้อไปหมด ทั้งเงียบ ทั้งอึดอัด
ติ๊ง!
ในที่สุดลิฟต์ก็เปิดกว้างที่ชั้นสี่สิบเก้า ชายในชุดสูทออกเดินนำอีกครั้ง
“คุณรออยู่ที่นี่” เขาพูด พร้อมเปิดประตูห้องห้องหนึ่งให้เธอ “อาบน้ำให้เรียบร้อย ครีมอาบน้ำกลิ่นที่ท่านชอบวางอยู่ในห้องน้ำแล้ว”
“คะ?” ดอกแก้วสมองโล่งกะทันหัน เธอไม่เข้าใจจนต้องอีกฝ่ายต้องขยายความ
“ท่านไปทำธุระครับ อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะตามมา คุณรออยู่ที่นี่ อาบน้ำให้สะอาด เพราะท่านไม่ชอบกลิ่นอื่น นอกจากกลิ่นครีมอาบน้ำที่วางอยู่ในห้องน้ำ”
“เขา เอ่อ... เสี่ยตกลงรับเลี้ยงดูฉันแล้วหรือคะ?”
“ยังครับ” อ้าว... ดอกแก้วเกือบร้องออกไปแบบนั้น ดีที่ห้ามตัวเองได้ทัน “ท่านจะไม่รับเลี้ยงใคร ถ้ายังไม่ถูกใจ”
“หมายความว่า... ฉันต้องนอนกับเสี่ยก่อน?”
“ครับ ถ้าท่านถูกใจเรื่องบนเตียงของคุณ ท่านก็จะรับเลี้ยงคุณ”
“แล้วถ้าเสี่ยไม่ถูกใจ ฉันก็เสียตัวฟรีน่ะสิ!” ดอกแก้วเสียงดัง เธอเริ่มไม่ชอบใจ แค่จะเป็นเด็กเลี้ยงใครซักคน ทำไมมันต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วยนะ!
“ไม่หรอกครับ ท่านมีค่าตอบแทนให้คุณสำหรับคืนนี้ รับรองว่าคุณจะไม่เสียเปรียบแน่นอน” ชายหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงโทนเดิม แม้ว่าเธอจะเพิ่งขึ้นเสียงใส่เขาไปก็ตาม
“แต่ฉันอยากเป็นเด็กของเสี่ยนี่!” ดอกแก้วห้ามปากตัวเองไม่ทัน เผลอบอกความในใจออกไปอย่างหน้าไม่อาย จนคนที่ไม่ยอมสบตากันเงยหน้าขึ้นมามองในที่สุด “คุณ... ช่วยพูดกับเสี่ยหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากให้เสี่ยรับเลี้ยงฉันจริงๆ”
“ผมไม่ได้มีหน้าที่นั้น”
“แต่...”
“แต่ถ้าคุณอยากให้ท่านถูกใจ ผมแนะนำได้แค่อย่าเนียมอายเวลาอยู่บนเตียง ท่านไม่ชอบคนไม่ประสา ไม่มีความมั่นใจจนน่ารำคาญ”
“คะ... แค่นี้เหรอ?”
“ครับ ผมต้องขอตัวก่อน ขอให้คุณโชคดี”
ชายหนุ่มไม่รอให้เธอได้เอ่ยรั้ง เพราะเมื่อพูดจบ เขาก็ปิดประตูลงและเดินจากไปทันที
ดอกแก้วมองประตูไม้สีน้ำตาลค้างอยู่แบบนั้น เมื่ออยู่คนเดียวทุกอย่างมันก็เงียบไปหมด หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา ขาของเธอสั่นเทาจนแทบยืนไม่อยู่
ครึ่งชั่วโมง เธอมีเวลาเตรียมใจแค่นั้น
เธอใช้เวลาห้านาทีในครึ่งชั่วโมงนั้นยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู ก่อนจะพบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร เธอจึงค่อยๆ เดินสำรวจห้องที่ถูกพามาปล่อยไว้เป็นครั้งแรก
ที่นี่ โรงแรมสินะ...
ชื่อของโรงแรมเด่นชัดอยู่ตรงหน้า โรงแรมระดับหกดาวที่เธอเคยทำได้แค่เดินผ่าน แต่ตอนนี้เธอได้มาอยู่ในนี้อย่างง่ายดาย ห้องที่เธออยู่กว้างใหญ่กว่าบ้านแม่ที่ต่างจังหวัดทั้งหลัง ของที่ตกแต่งก็หรูหราจนไม่กล้าเอาร่างกายไปสัมผัส
ขาเรียวเดินไปใกล้กระจกบานใหญ่ ห้องนี้คงราคาแพงมาก เพราะวิวที่เธอเห็นตอนนี้มันช่างสวยงามเหลือเกิน เหมือนว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนก้อนเมฆ และมองลงไปด้านล่างซึ่งเป็นที่อยู่ของมนุษย์
“พ่อจ๋า บนนั้นสูงมากไหมจ๊ะ?”
“ไหน? สูงสิ สูงเหมือนอยู่บนก้อนเมฆเลย”
“แก้วอยากขึ้นไปจัง”
“เราขึ้นไปไม่ได้หรอก ที่นั่นเป็นที่อยู่ของเทวดาและนางฟ้า”
“แก้วอยากเป็นนางฟ้า...”
“แก้วคือนางฟ้าของพ่ออยู่แล้วลูก....”
พ่อจ๋า ตอนนี้แก้วกำลังเป็นนางฟ้าอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?
“เพ้อเจ้อ...” เสียงหวานดุตัวเองแผ่วเบา ก่อนจะขยับกายออกจากกระจกบานนั้น ดอกแก้ววางประเป๋าลง ถอดรองเท้าส้นสูงออก ก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำหรูด้วยเท้าเปล่า
เธอไม่ได้เป็นนางฟ้า ไม่ได้อยู่บนก้อนเมฆอะไรทั้งนั้น ตอนนี้เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่กำลังจะขายร่างกายให้กับผู้ชายที่เพิ่งเจอกันครั้งแค่เดียว
ดอกแก้วสลัดความคิดทุกอย่าง พร้อมกับเสื้อผ้าที่เคยใช้ห่อหุ่มร่างกายออกไป
ร่างเปลือยค่อยๆ หย่อนตัวลงในอ่างสีขาวบริสุทธิ์ ความสบายทำให้ดวงตากลมเผลอปิดลง กลิ่นครีมอาบน้ำลอยวนไปทั่ว
“เสี่ย!”
เท้าเล็กหยุดนิ่งทันทีเมื่อเห็นว่าในห้องไม่ได้มีเธอแค่เพียงคนเดียวอีกแล้ว...
เขามาแล้ว... ผู้ชายใบหน้าคมเข้ม รูปร่างสูงใหญ่แข็งแกร่ง เขานั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ด้วยท่าทีสบาย
“มาร์คไม่ได้บอกหรือว่าฉันจะมาภายในครึ่งชั่วโมง?”
มาร์ค... ผู้ชายที่เดินมาส่งเธอชื่อมาร์คสินะ
“บะ... บอกค่ะ”
“งั้นก็แปลว่าเธออาบน้ำนานมากเลยนะ”
“แก้วขอโทษค่ะเสี่ย” ใบหน้าปราศจากเครื่องสำอางซีดลง เธอมัวแต่คิดอะไรเพลินๆ และน้ำอุ่นๆ ก็ทำให้เธอผ่อนคลายจนเผลอใช้เวลาในห้องน้ำนานเกินไป
นานจนเสี่ยต้องมานั่งรอ
ดอกแก้วเอ๋ย... แค่ความประทับใจแรกก็ติดลบเสียแล้ว
“ลบเมคอัพออกเหรอ?” พิธานไม่ได้สนใจคำขอโทษนั้น เขาเพียงแค่ตั้งคำถามในเรื่องที่กำลังสงสัย
ผู้หญิงคนนี้ลบเครื่องสำอางจนหมดเกลี้ยง เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อย เพราะปกติแล้วไม่ว่าจะหวานหรือเนย หรือเด็กคนก่อนๆ ที่เขาเคยเลี้ยงมา พวกเธอเหล่านั้นไม่ค่อยชอบเปลือยหน้าสดให้เขาเห็น นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาไม่จูบหรือหอมแก้มพวกเธอ
พิธานมีประสาทสัมผัสรับกลิ่นที่ดีเยี่ยม และกลิ่นเครื่องสำอางมันไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่สำหรับเขา
“ค่ะ แก้วไม่ชอบแต่งหน้า แต่ถ้าเสี่ยไม่ชอบ แก้วจะเข้าไปแต่งเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ได้บอกซักคำว่าไม่ชอบ” พิธานตอบสั้นๆ พร้อมกับมองสำรวจใบหน้ากระจ่างใสไปด้วย
เธอเป็นผู้หญิงที่สวยในระดับหนึ่ง อาจจะไม่เท่าผู้หญิงที่เขาเคยเลี้ยงมาที่บางคนเป็นดารา บางคนก็เป็นนางงามนางแบบ แต่กลับมีเสน่ห์มากกว่าใคร โดยเฉพาะใบหน้าเนียนใสที่ไร้เครื่องสำอางนั่น
เขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้กล้าเปลือยหน้าสดให้เขาเห็น ก็เธอมีผิวที่ดีขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องเอาเครื่องสำอางมาปกปิดไว้
และดูริมฝีปากเธอสิ เขาชักจะสงสัยแล้วว่าเธอลืมลบลิปสติกออกหรือเปล่า ทำไมมันถึงได้ชมพูสวยขนาดนั้น?
แล้วส่วนอื่นในร่างกายของเธอล่ะ มันมีสีเดียวกับริมฝีปากคู่นี้หรือเปล่า?
มุมปากของพิธานยกขึ้นเล็กๆ เธอทำให้เขาถูกใจไม่น้อย
“ชื่ออะไร”
“แก้วค่ะ ดอกแก้ว”
“ดอกแก้ว? ดอกไม้?”
“ใช่ค่ะ ดอกแก้วเป็นดอกไม้ มีสีขาว และมีกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์”
“อย่างนั้นหรือ?”
พิธานเลิกคิ้วขึ้น ท่าทางเหมือนแค่ฟังผ่านๆ ไม่ได้สนใจอะไร
ดอกแก้วเม้มริมฝีปาก เธอพูดมากเกินไปจนเขารำคาญหรือเปล่า? แต่เธอแค่ภูมิใจกับชื่อของตัวเอง เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่พ่อทิ้งไว้ให้
ชื่อนี้ พ่อเธอเป็นคนตั้งให้ตั้งแต่เกิด แม้ใครจะบอกว่าเชย แต่เธอก็ไม่คิดเปลี่ยน
สิ่งที่พ่อให้มา เธอจะรักษามันไว้ตลอดชีวิต
"ถอดชุดคลุมของเธอออก”
“คะ?”
“ฉันบอกว่าให้ถอดชุดคลุมที่เธอใส่อยู่ออก แล้วเดินเข้ามาหาฉัน.... ดอกแก้ว”