ตอนที่ 1-1 แรกพบสบตา

1770 Words
ตอนที่ 1 แรกพบสบตา อัญญาดา...สาวมั่นทันสมัยในชุดเดรสรัดรูปตัวสั้นโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งสมส่วนดูเย้ายวน ใบหน้าหวานแต่งแต้มเครื่องสำอางแต่พอดีแต่กลับขับให้หน้าสวยดูเซ็กซี่น่าหลงใหล ในขณะที่หญิงสาวกำลังออกวิ่งด้วยความรีบร้อนบนร้องเท้าส้นเข็มที่สูงเกือบหกนิ้ว พร้อมทั้งหอบหิ้วแฟ้มงานพลุงพลังมาเต็มวงแขน เพราะเช้านี้เธอดันตื่นสายทั้งที่วันนี้มีนัดประชุมสำคัญ แถมประธานบริษัทคนใหม่ก็เข้ามาทำงานวันนี้เป็นวันแรก จะให้เธอนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาก็กระไรอยู่ก็ข้าวของพลุงพลังมากมายขนาดนี้ เลยจำใจต้องโบกแท็กซี่มา แต่นั่นแหละที่ทำให้เธอรู้ว่าเธอคิดผิดถนัด เมื่อเป็นที่รู้ๆกันดีอยู่แล้วว่าถนนในเมืองกรุงนั้นรถติดมากขนาดไหน แต่เมื่อเห็นตึกสูงใหญ่เป็นสง่าของแพรพรรณดีไซด์กรุ๊ปตั้งอยู่ไม่ไกล หญิงสาวจึงตัดสินใจจ่ายค่าแท็กซี่ก่อนจะโอบอุ้มหอบเอาแฟ้มงานมากมายพลางเปิดประตูลงรถกลางถนนที่มีรถติดยาวเป็นเทือก หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งอย่างรีบร้อนกว่าจะมาถึงหน้าบริษัทได้ก็แปดโมงยี่สิบเข้าไปแล้ว...อีกสิบนาทีการประชุมก็จะเริ่มขึ้น แต่เธอยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ให้ตายเถอะ!! “แย่แล้วอัญ แย่แล้ว...แกตายแน่!! ” อัญญาดาวิ่งไปบ่นไปพลางจิตนาการถึงหน้าตาของประธานคนใหม่ที่เขาว่ากันว่าเป๊ะทุกระเบียบนิ้ว...ก็คงจะเป็นคุณลุงจอมเหี้ยมหวีผมเรียบแป้ ส่วมสูทเนี๊ยบกริบ...เฮ้อ!! หวังว่าคงจะไม่โหดขนาดนั้นหรอกนะ มาทำงานวันแรกคงจะหยวนๆบ้างแหละน่า หญิงสาวหยุดวิ่งก่อนจะถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองออกเพื่อจะได้สะดวกและไม่เสี่ยงต่อการล้มหน้าทิ่ม เธอหยิบรองเท้าขึ้นมาถือไว้ข้างหนึ่งส่วนอีกข้างก็หอบแฟ้มงานพลุงพลังตามเดิม เริ่มใจชื้นขึ้นมาเมื่อเห็นทางขึ้นบันไดทรงพีระมิดซึ่งเป็นทางเข้าหลักของบริษัทอยู่ใกล้แค่เอื้อมจึงตัดสินใจออกตัววิ่งสุดกำลังอย่างรีบร้อน นึกเพียงแต่ว่าต้องไปให้ทันก่อนการประชุมจะเริ่มเท่านั้น โดยไม่ทันสังเกตรถยนต์คันหรูที่แล่นเข้ามาจากอีกทางอย่างรวดเร็ว เสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นดังลั่นเมื่อคนขับต้องเหยียบเบรกกะทันหัน ทำให้หญิงสาวตกใจจนล้มฟุบลงไปกับพื้น ปล่อยข้าวของที่อยู่ในมือตกกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุงขึ้นนั่งอย่างโอดโอยเมื่อความเจ็บจากแผลถลอกที่เข่าสวยเริ่มทำงาน “โอ๊ย!!...นี้มันวันอะไรเนี่ย ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้นะ!!” “นี่เธอ!! อยากตายรึไงถึงได้วิ่งตัดหน้ารถแบบนี้น่ะ หะ!!” เสียงเข้มดังขึ้นเมื่อคนขับเดินลงมาจากรถอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าร่างบางที่นั่งอยู่ที่พื้น อัญญาดาถือโอกาสกวาดตามองเขาไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ดูจากการแต่งตัวแล้วผู้ชายคนนี้รสนิยมดีใช้ได้ ชุดที่เขาสวมใส่อยู่ออกแนวกึ่งสูทกึ่งแฟชั่นที่หาดูได้ยากแต่กลับดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ทรงผมสีดำขำถูกเซตอย่างลวกๆตามแบบฉบับวัยรุ่นยุคใหม่ ดูรวมๆแล้วราวกับนายแบบชั้นนำของต่างประเทศยังไงยังงั้น...นี่มันเทพบุตรชัดๆ...แต่ความคิดนั้นก็ต้องถูกสลัดทิ้งเมื่อเสียงเข้มๆของคนที่ถูกจ้องดังขึ้น พร้อมทั้งร่างสูงที่ถอดแว่นกันแดดสีชาของเขาออกแล้วมองมายังเธออย่างเซงๆ “นี่แม่คุณ!!...จะมองอีกนานไหม!! คนกำลังรีบ นี่ต้องมาเสียเวลาก็เพราะเธอเนี่ย มันใช่เรื่องไหม...ให้ตายเถอะ!!” ...เทพบุตรอะไรกัน หมอนี่มันมารชัดๆ... “นี่คุณรีบเป็นคนเดียวรึไง ฉันก็รีบเหมือนกันนั่นแหละ...ขับรถไม่ดูตาม้าตาเรือ ซื้อใบขับขี่มารึไงยะ!!” หญิงสาวตอกกลับอย่างไม่อย่างลดละก่อนจะลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นตามร่างกายออกแล้วหันไปเก็บแฟ้มเอกสารที่กระจายอยู่ตามพื้นโดยไม่สนใจคนที่ยืนทำหน้าเหวออยู่ ...นี่หล่อนหาว่าเขาซื้อใบขับขี่มางั้นเหรอ!! เหอะ!!... “นี่คุณ!! ถ้าไม่มีน้ำใจจะช่วย ก็กรุณาไสก้นไปไกลๆได้ไหมคะ...เกะกะ!!” อัญญาดาเอ่ยขึ้นพลางก้มเก็บแฟ้มที่หล่นอยู่ตรงปลายเท้าของชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะถอยหลังออกห่างจากเธอสองสามก้าวอย่างคนกำลังระงับอารมณ์ที่กำลังจะเดือด แต่หญิงสาวก็ทำเป็นไม่สนใจทั้งที่ได้ยินเขาบ่นด่าเธอสารพัด ...ทั้งยัยบ้า... ...เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ... ...แน่ใจเหรอว่าเป็นผู้หญิง... ‘เออสิคะ สวยขนาดนี้ไม่ใช่ผู้หญิงแล้วจะให้เป็นอะไรล่ะ ผู้ชายอะไรตาถั่วชะมัด!!’ หญิงสาวบ่นอุบอิบในใจ ก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหารองเท้าส้นสูงคู่ใจของเธออีกข้างหนึ่งที่ยังหาไม่เจอ “หาไอ้นี้อยู่หรือเปล่า?” เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับหน้าหล่อๆที่มองมาอย่างคาดโทษ ก่อนที่อัญญาดาจะมองตามมือของเขาที่ชี้ไปบนกระโปรงรถคันหรูสีดำโฉบเฉี่ยว และก็พบว่ารองเท้าส้นสูงอีกข้างหนึ่งของเธออยู่บนนั้น... ปลิวขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ยังไงกันเนี่ย... ...รถนี่ก็อ่อนแอชะมัด ดูสิ.. โดนแค่นี้ก็บุบซะแหละ ถลอกอีก!! บรรลัยแล้วอัญ!!... “รู้ไหมว่ารถคันนี้ราคาเท่าไหร่...” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียมจนอัญญาดาลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะหันไปปั้นหน้าสวยพลางซีกยิ้มให้เขาพร้อมทั้งหัเราะเสียงอ่อยอย่างฝืดเคือง “แฮ่ แฮ่...เอ่อ คือว่า...” หญิงสาวหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มไม่ขำตาม จึงฉวยโอกาสหันไปเพื่อคว้าเอารองเท้ามาแต่ก็ถูกมือหนาคว้าตัดหน้าไปถือไว้ซะก่อน ก่อนที่เขาจะชูมันขึ้นมาไว้ตรงระดับหน้าของเธอ หญิงสาวรีบคว้าเอาแต่ชายหนุ่มก็ชูมันขึ้นเหนือศีรษะซะอย่างนั้น แล้วคนตัวเล็กกว่าอย่างเธอจะไปเอื้อมถึงได้ยังไงกันเล่า ตาบ้านี้ก็สูงชะมัด ...นี่มันคนหรือเสาไฟฟ้า!!.... “จะชดใช้ค่าเสียหายให้ฉันยังไง ทั้งบุบทั้งถลอก...ไม่น้อยหรอกนะจะบอกให้” “ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้คุณแน่ๆ แต่เอาร้องเท้าคืนฉันมาก่อนสิ นี่ฉันรีบนะคุณ!!” อัญญาดาตอบกลับพลางก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง...แปดโมงสี่สิบห้า!! นี่มันเลยเวลาประชุมมาแล้วนิ... “ฉันก็รีบเหมือนกันนะ งานของฉันสำคัญกว่าเธอแน่รู้ไว้เถอะ!!” ให้ตายสิ นี่มันวันทำงานวันแรกของเขา แต่ดูสิเพราะยายบ้านี่ เขาถึงได้สายมากขนาดนี้ แต่ไหนๆก็สายแล้วยังไงเขาก็จะต้องได้ค่าตอบแทนจากเธอให้ได้ ค่าที่ทำให้เขาเสียเวลา... อีกอย่างยังไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมายืนเถียงกับเขาฉอดๆแบบนี้มาก่อนเลย “งั้นเอาแบบนี้ล่ะกัน เอาเบอร์ของคุณมาเสร็จงานแล้วฉันจะรีบติดต่อกลับไป รับรองว่าฉันไม่เบี้ยวแน่ๆ” “ฉันไม่ชอบให้เบอร์ใครก่อน” ชายหนุ่มตีหน้ามึนพูดออกไปทั้งที่แค่หมั่นไส้หญิงสาวเท่านั้น ไม่วายกลับถูกเธอมองมาอย่างเอาเรื่องอีก...นี่สรุปว่าใครควรจะเอาเรื่องใครกันแน่เนี่ย!! “งั้นก็ช่วยไม่ได้นะ อยากเรื่องมากเอง!!” หญิงสาวพูดขึ้นพลางหยิบปากกาสีส้มจี๊ดจ๊าดที่เธอชอบออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเปิดฝาปากกาออกแล้วเดินตรงเข้าไปล็อกแขนแกร่งของชายหนุ่มเอาไว้ในท่าที่เธอหันหลังชนกับอกกำยำโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะเขียนเบอร์โทรศัพท์ของเธอลงไปบนแขนเสื้อสีฟ้าอ่อนของเขาตัวใหญ่เป้ง ที่ต่อให้อยู่ไกลสิบเมตรก็อ่านออก โดยไม่ฟังเสียงร้องท้วงอย่างตกใจของคนที่ยืนซ้อนอยู่ข้างหลังเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังคงล็อกแขนของเขาเอาไว้แน่นไม่ให้ขยับไปมา “อยู่นิ่งๆได้ไหม จะเสร็จแล้วเนี่ย...อ่ะ เรียบร้อย” “ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย เสื้อตัวนี้ฉันซื้อมาแพงนะยายบ้า!!” ชายหนุ่มโวยลั่นอย่างเจ็บใจพลางมองเบอร์โทรตัวใหญ่ที่ถูกเขียนตั้งแต่ข้อมือยาวมาจนถึงบนแขนแกร่ง...นี่มันเสื้อตัวโปรดของเขาด้วยนะ...แต่ดูคนทำสิ หัวเราคิกคัก ...ตลกมากนักรึไง!!... “ก็ไม่รู้แหละ เขียนไปแล้วนิ...ดูไปดูมามันก็ดูดีไปอีกแบบนะ” “ดูดีกับผีน่ะสิ!!” “ว้าย!! สายแล้วๆ...นี่คุณอย่าลืมโทรมาล่ะ แล้วก็รองเท้านั่นน่ะจะไม่คืนใช่ไหม...ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยคืน ตอนนี้ฉันรีบ ไปก่อนนะ บ๊าย!!” หญิงสาวพูดรัวเร็วเมื่อมองที่นาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วก็พบว่าเธอเลยเวลาประชุมมาครึ่งชั่วโมงแล้ว จึงรีบหอบแฟ้มงานมาอุ้มไว้ ก่อนจะรีบวิ่งเท้าเปล่าเข้าบริษัทไปปล่อยให้ ชายหนุ่มมองตามอย่างเอ๋อๆ ทำอะไรไม่ถูก “ให้ตายเถอะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!!” ชายหนุ่มมองตามร่างบางที่วิ่งแจ้ดเข้าไปข้างในตัวอาคารสลับกับมองรองเท้าส้นสูงที่ถืออยู่ในมือ และเลยไปมองสภาพรถยนต์คันโปรดของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจฮึดฮัดออกมาอย่างเจ็บใจ พลางเดินไปเปิดประตูรถพร้อมทั้งโยนรองเท้าคู่สวยไปไว้ที่เบาะหลังอย่างไม่ใยดีก่อนจะสตาร์ทรถเพื่อขับเข้าไปจอดในที่เก็บรถ ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ...เดี๋ยวนะ!! ยายนั่น วิ่งเข้าไปในบริษัทของเรานี่หว่า...หึหึ...เธอเสร็จฉันแน่ยายลูกกวาง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD