อ่อนใจ.. ไม่ใช่ใจอ่อน

1982 Words
เพิ่งจะออกพ้นเขตหมู่บ้านอู่ซานได้ไม่ทันไรอิงเอินน้อยก็ผล็อยหลับไปคงมีแค่อิงอินที่นั่งคิดหลายอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่คนเดียว อิงเล่ยก็ขอไปขี่ม้ากับบิดา นางจะห้ามเจ้าเด็กนั่นได้หรือดูเหมือนบุตรชายของนางจะเตรียมตัวมาพร้อมเพื่อการนี้แล้ว ไม่ว่าจะชุดที่สวมใส่แม้แต่หน้ากากก็เหมือนกันไม่มีผิดเห็นแล้วก็อ่อนใจ ยังดีที่อาเอินไม่ร้องขอทำตามพี่ชายด้วย ไม่อย่างนั้นนางคงได้ปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิมแน่ ๆ คิดวนไปวนมานางก็เผลอหลับตามบุตรสาวไปเพราะความเพลียที่ต้องนอนดึกทั้งยังต้องตื่นแต่เช้าสู้รบกับเจ้าตัวน้อยอีก จนกระทั่งตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่พวกเขาหยุดพักและมันก็วนเวียนอยู่แบบนี้ทุกวันของการเดินทาง ในรถม้าก็มีแค่นางกับบุตรสาวส่วนบุตรชายจะเข้ามาอยู่ด้วยก็ต่อเมื่ออากาศข้างนอกมันร้อน อิงเล่ยเป็นเด็กที่มีความอดทนเป็นเลิศแม้จะแค่ห้าขวบแต่เขาก็ได้ฝึกขี่ม้าและไปล่าสัตว์กับพี่มั่วชงมาแล้ว นางจึงไม่เป็นกังวลที่เห็นบุตรชายขี่ม้าตากลมอยู่กับท่านอ๋องนาน ๆ การเดินทางครั้งนี้ท่านอ๋องไม่ได้เร่งรีบอะไรทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่อาเล่ยและอาเอินต้องการ ไม่ว่าจะหยุดชมทิวทัศน์ ภูเขาและน้ำตกหรือตั้งกระโจมค้างแรมถึงสองวันเพื่อพาบุตรชายเข้าป่าล่าสัตว์ ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ตลอดการเดินทาง ท่านอ๋องดูแลนางกับลูก ๆ เป็นอย่างดีไม่มีบกพร่องสักนิด แม้กระทั่งพี่อ้ายและพี่อวี่ก็ยังมีท่านรองแม่ทัพคอยดูแลและใส่ใจเป็นพิเศษ ท่าทางเช่นนั้นมันเหมือนกับตอนที่พี่มั่วชงเริ่มเกี้ยวพาพี่ปินยิ่งนักแลัวท่านรองแม่ทัพกำลังเกี้ยวพาใครอยู่ล่ะ หึ ๆ คงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอกนะ ท่านรองแม่ทัพช่างร้ายนักอย่าได้มาทำให้คนของนางเสียใจก็แล้วกัน ดูเหมือนพวกเขากำลังจะถ่วงเวลาอยู่เลยการเดินทางถึงได้เชื่องช้านักกว่าจะถึงเมืองหลวงคงจะใช้เวลาเป็นเดือน จะว่าไปแล้วมันก็ดีเหมือนกันเพราะนางยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคนในราชวงศ์สักเท่าใดนัก… แต่ไม่ถึงหนึ่งเดือนอย่างที่นางคาดการเอาไว้ แค่ยี่สิบกว่าวันเท่านั้นขบวนรถม้าของเรากำลังจะเข้าสู่เขตเมืองหลวงแล้วและดูจะเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย เพราะว่าท่านอ๋องและรองแม่ทัพเป็นผู้นำขบวนด้วยตัวเองนั่นยิ่งทำให้ผู้คนสงสัย แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าเด็กชายตัวน้อยที่นั่งเคียงคู่มากับท่านอ๋องบนหลังม้าศึกตัวใหญ่นั่น แค่มองปาดเดียวพวกเขาก็คาดเดาได้ไม่ยาก..เหมือนกันขนาดนั้นจะให้คิดเป็นอื่นได้อย่างไร นอกจากจะเป็นท่านชายหรือไม่ก็ท่านอ๋องน้อย "ที่คนเล่าลือกันว่าท่านอ๋องมีบุตรอยู่ต่างเมืองมันก็คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ มิน่าล่ะท่านอ๋องถึงได้หย่าขาดกับพระชายาที่แต่งเพราะสมรสพระราชทานนั่น พระชายาหรือจะสู้แม่ของลูกได้จริงไหม" "น่าเห็นใจท่านราชครูหยวนนะ อุตส่าห์ได้เกี่ยวดองกับราชวงศ์แล้วแท้ ๆ แม่แต่สมรสพระราชทานยังรั้งตัวท่านอ๋องเอาไว้ไม่ได้เลย ดูท่าวังของชินอ๋องจะมีหวางเฟยคนใหม่ก็คราวนี้" นานาจิตตังที่ผู้คนกล่าวถึงล้วนจริงบ้างไม่จริงบ้าง หยางเล่อแม้จะพอจับใจความได้จากเสียงสนทนาเหล่านั้นแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรกลับยิ่งสั่งเร่งขบวนรถม้าเพื่อให้ถึงวังอ๋องโดยเร็ว เพราะตอนนี้เขาสนใจแค่บุตรชายที่น่าจะหลับไปแล้วทั้งที่เมื่อครู่นี้ก็ยังคุยจ้ออยู่เลย "กงซานนำขบวนไปท้ายวัง" หยางเล่อบอกให้สหายเป็นผู้นำขบวน ส่วนตัวของเขายังคงบังคับม้าไปอย่างช้า ๆ เคียงข้างรถม้าของอิงอิน แค่นี้ก็ถือว่านางปราณีเขามากแล้วที่นางกลับมาพักอยู่ตำหนักในแทนที่จะไปจวนของท่านราชครู เขาจะใช้โอกาสนี้ดูแลนางกับลูกให้ดีที่สุดถึงแม้มันจะชดเชยไม่ได้กับอดีตที่ผ่านมา แต่อย่างน้อยนางก็ยังรับไมตรีจากเขาอยู่บ้างโดยเฉพาะเรื่องของลูก ๆ นางไม่เคยขัดขวางเลยแม้แต่น้อย อิงอินอยู่ในรถม้ากับบุตรสาว เจ้าตัวเล็กกำลังนอนหลับอยู่บนตักของนางอย่างสบายเชียว ตัวก็ไม่ใช่น้อย ๆ แต่ก็ยังชอบนอนเหมือนเด็กทารกอยู่เช่นนี้ เพราะใกล้จะถึงที่หมายอยู่รอมร่อนางจึงไม่ได้ขยับตัวหรือเปลี่ยนท่านั่ง จนตอนนี้ช่วงขาของนางเริ่มจะชาไปหมดแล้วแต่นางก็ทำได้แค่อดทน ยามเซินขบวนรถม้าเริ่มจอดสนิทเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพวกนางมาถึงตำหนักในแล้วแต่นางกลับลุกขึ้นไม่ไหว อิงอินปลุกบุตรสาวเหมือนอย่างที่เคยทำในอดีตและบอกกล่าวกับลูกน้อยว่าเรามาถึงบ้านอีกหลังแล้ว อิงเอินน้อยจึงได้งัวเงียตื่นแต่ก็ไม่ได้งอแง[ยามเซิน 15.00-16.59 น.] "ฮูหยินถึงแล้วเจ้าค่ะ" "พี่อ้ายหรือ มาอุ้มอาเอินให้ข้าทีเถิด..อาเอินให้ป้าอ้ายอุ้มออกไปก่อนนะเด็กดี" "ถึงบ้านแล้วหรือเจ้าคะ อิงเอินถามมารดาทั้งที่ตาก็ยังสะลึมสะลืออยู่" "ถึงแล้วจ้ะ อาเอินให้ป้าอ้ายพาไปนอนนะเดี๋ยวแม่ตามไป" อิงอินบอกบุตรสาวพร้อมกับส่งต่อเจ้าตัวน้อยให้กับเหลียนอ้ายดูแล "อื่อออ" นางช่างว่าง่ายแค่ถูกอุ้มขึ้นมาซบอยู่บนไหล่ของเหลียนอ้ายอิงเอินตัวน้อยก็หลับไปอีกแล้ว หยางเล่อมาถึงก็จัดการปลุกบุตรชายให้รู้สึกตัวแล้วบอกกล่าวให้ลูกรู้ว่าตอนนี้มาถึงบ้านแล้ว อิงอินบอกให้เขาทำเช่นนี้ ทำไมจะต้องปลุกลูกให้ตื่นด้วยนะแล้วทำไมถึงไม่พาไปนอนเลยแต่ก็อดใจเอาไว้เดี๋ยวค่อยถาม เพราะเขายังไม่เห็นนางลงมาจากรถม้าเลยนอกจากนางกำนัลที่กำลังอุ้มบุตรสาวของเขาผ่านไปและยังมีนางกำนัลอีกคนที่มาได้จังหวะพอดี เขาจึงได้ส่งอิงเล่ยไปให้ "อิงอินล่ะ" เขาถามนาง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้คำตอบอะไร "เอ่อ.." "ช่างเถอะพาอาเล่ยไปนอนก่อนไป" สำหรับเรือนหลังนี้เขาคงไม่ต้องจัดแจงสิ่งใดให้พวกนางอีก เพระพวกนางก็คุ้นเคยกับที่นี่ดี แม้จะผ่านมาห้าปีแล้วก็ตามเขาแค่ให้คนมาตกแต่งใหม่และจัดหาสิ่งของเครื่องใช้ไว้ให้ก็เท่านั้น "อิงอินเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ทำไมยังไม่ลงมา" "ท่านอ๋องคือว่า.." อิงอินว่าจะรอจนกว่าเท้าของนางจะหายชาไปเองแล้วค่อยลงจากรถม้า แต่ยังไม่ทันไรชินอ๋องก็มาอยู่นี่เสียแล้ว ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้นะ "ทำไมหรือ ไม่กล้าลงมาหรือว่ากลัวอะไร" "ไม่ใช่เสียหน่อย คือ..เท้าของข้ามันชาเป็นเหน็บเจ้าค่ะ" "หึ ๆ ๆ ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกจะรอให้มันหายเองเลยหรือ แล้วเมื่อใดถึงจะได้ลงมา หรือรังเกียจจนไม่กล้าขอให้ข้าช่วย" "ก็ข้าเพิ่งบอกท่านไปอยู่นี่ไง!" นางขึ้นเสียงกับเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ปกติแล้วนางจะทำหน้าเรียบเฉยและทำตัวเงียบ ๆ เหมือนคนไร้อารมณ์เมื่อคุยกับเขา หยางเล่ออดดีใจไม่ได้ที่นางเริ่มรู้จักโมโหบ้างแล้ว มันดีกว่าที่นางทำตัวเย็นชาใส่เขาเป็นไหน ๆ "ขออภัยด้วยฮูหยินอิง ข้าคงต้องอุ้มเจ้าแล้วนะ" หยางเล่อ เย้าแหย่สรรพนามเรียกขานของนางจนทำให้อิงอินมีสีหน้ามึนตึงขึ้น "จะอุ้มก็อุ้ม" นางบอกเขาเสียงห้วน ก็มันหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วนี่นางก็ต้องยอมให้เขาอุ้มเข้าเรือน จะให้คนอื่นมาอุ้มหรือก็คงจะดูไม่งามสักเท่าใดนัก อิงอินถูกช้อนตัวออกจากรถม้านางไม่ได้หันไปมองหน้าคนอุ้มเลย ต่างกับหยางเล่อที่เอาแต่จับจ้องใบหน้าของอดีตชายาและนางในดวงใจ ท่าทางแบบนี้นี่เองที่เขาชอบในตัวนาง ท่าทางที่ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนหน้าตาเลยสักนิดช่างเหมือนตอนที่พบเจอกันบนถนนครั้งนั้น หยางเล่ออุ้มนางเข้าเรือนแล้วตรงดิ่งไปยังห้องนอนทันที เหลียนอวี่กับเหลียนอ้ายเห็นท่านอ๋องอุ้มฮูหยินอิงเข้ามาในเรือนถึงแม้จะตกใจแต่ก็พากันทำตัวลีบเล็กและเดินออกไปแบบเงียบ ๆ ผิดกับอาเล่ยและอาเอินที่พากันนั่งยิ้มแฉ่งอยู่บนเตียงนอน เมื่อทั้งสองเห็นบิดากำลังอุ้มมารดาเหมือนเด็ก ๆ พวกเขาก็พากันหัวเราะชอบใจ "ถึงแล้วก็ปล่อยข้าลงเถิดเจ้าค่ะ อายลูกบ้าง" “อ้อ” แม้จะรู้สึกเสียดายที่ระยะทางจากรถม้ามาถึงเรือนนอนก็ช่างใกล้นักแต่มันก็เกินพอแล้วที่นางไม่ได้รังเกียจสัมผัสจากเขา 'อดทนเถิดหยางเล่อเจ้าจงอดทนเข้าไว้' หยางเล่อปลอบตัวเองก่อนจะวางนางลงข้างบุตรชายและบุตรสาว "ท่านแม่ง่วงหรือเจ้าคะ โดนอุ้มเหมือนลูกเลย คิก ๆ" "แม่ก็ง่วงจริงนั่นแหละ เอ่อ..ท่านอ๋องก็ควรจะกลับตำหนักใหญ่ได้แล้วเจ้าค่ะ" "ท่านพ่อ ไม่ได้อยู่กับพวกเราหรือขอรับ" "พ่อก็จะอยู่กับพวกเจ้านี่แหละตำหนักใหญ่กลับเมื่อใดก็ได้ อยู่ใกล้ ๆ แค่นี้เอง" หึ ๆ อุ้มมาส่งถึงที่นอนแทนที่นางจะขอบคุณกลับมาไล่ส่งให้เขากลับตำหนักเสียนี่ มันไม่ง่ายนักหรอกฮูหยินอิง "ทำไมถึงเรียกว่าตำหนักไม่เรียกบ้านหรือจวนละขอรับ" "เป็นคำถามที่ดี เดี๋ยวพ่อจะอธิบายให้เจ้าทั้งสองคนฟัง" "ดีขอรับ/ดีเจ้าค่ะ" เจ้าแฝดตอบรับอย่างดีใจและพร้อมเพรียงกันเช่นเคย อิงอินได้แต่มองพ่อลูกอย่างอ่อนใจอีกครั้ง นางแค่อ่อนใจนะยังไม่ได้ใจอ่อน หน้าประตูของวังอ๋อง... พ่อบ้านหวั่งซุนกระวนกระวายใจจนอยู่ไม่เป็นสุขตั้งแต่ได้รับข่าวสารมาจากวังหลวงให้เขาเตรียมการต้อนรับท่านอ๋องกับครอบครัว นั่นหมายความว่าพระชายาทรงให้อภัยท่านอ๋องของพวกเขาแล้วจึงได้ยินยอมที่จะมายังวังอ๋องแห่งนี้ เหล่าข้าราชบริพารทั้งนางกำนัลและบ่าวไพร่ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอรับเสด็จอย่างล้นหลาม เมื่อพากันได้รับข่าวสารที่น่ายินดีเช่นนี้ "ท่านพ่อบ้าน ขบวนรถม้าของท่านอ๋องเลี้ยวเข้าเส้นทางสู่วังเก่าแล้วขอรับ" หนึ่งในทหารที่คอยสังเกตการณ์เข้ามารายงานกับท่านพ่อบ้านใหญ่ทันทีที่รถม้าเลี้ยวเข้าถนนอีกเส้น "ว่าอย่างไรนะ" แล้วที่เขาเตรียมไว้ทั้งหมดนี้เล่า หวั่งซุนแทบลมจับ 'เดี๋ยวท่านอ๋องก็คงจะมา' พ่อบ้านหวั่งปลอบใจตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD