ภรรยาของสหายรัก

2058 Words
"พี่มั่วชงท่านพาอาเล่ยไปไหนมา อย่าคิดโป้ปดกับข้าเชียว" "อาอิน คือข้า.." ‘ตายแน่แล้วมั่วชงเอ๋ยนางรู้ได้อย่างกัน’ มั่วชงหาคำแก้ตัวไม่เจอเพราะคิดไม่ถึงว่าอิงอินจะรู้หรือว่านางส่งคนติดตามเขากันแน่ สตรีบ้านนี้ช่างน่ากลัวเข้าไปทุกทีแต่ก่อนเขานึกว่าคนที่ดูน่ากลัวที่สุดเป็นอาปินภรรยาของเขาเสียอีกแต่กลับเป็นอิงอินหรอกหรือนี่ "ข้าเคยบอกท่านแล้ว หากท่านอ๋องอยากจะเจอลูกก็ให้เขาตามหาเองไม่ใช่หรือ" "ท่านแม่ ลูกเองที่อยากไปเจอท่านพ่อขอรับ" อิงเล่ยวิ่งไปกอดมารดาอย่างสำนึกผิดที่ตนเป็นสาเหตุทำให้บิดาบุญธรรมต้องโดนดุ "แล้วทำไมต้องพากันแอบไปด้วยล่ะ หากเจ้าอยากเจอบิดา แม่ก็ไม่คิดจะห้าม" เป็นดังที่ได้กล่าวกับบุตรชาย นางไม่เคยคิดห้ามเรื่องที่พ่อลูกจะพบเจอกัน และนางก็ไม่เคยปลูกฝังความเกลียดชังผู้เป็นบิดาให้กับลูกทั้งสองคนเลย ฮึ! แค่นางเห็นอาเล่ยยิ้มไม่ยอมหุบตอนเดินเข้ามาในเรือนนางจะไปกล่าวว่าลูกได้อย่างไร เด็ก ๆ เสียโอกาสที่จะได้เจอบิดาแท้ ๆ มาถึงห้าปีตัวนางก็มีส่วนอยู่ไม่น้อย แม้จะไม่ได้เกลียดชังแต่ทิฐิของนางที่มีต่อวังอ๋องมันก็มากล้นยากที่นางจะให้อภัยในส่วนนั้นจริงๆ "ท่านแม่ขอรับ ท่านพ่อก็อยากจะเจอน้อง" "จะมาก็มาแต่แม่จะไม่ยุ่งด้วย" อิงอินบอกกับบุตรชายแล้วก็หันไปกล่าวกับพี่เขยของตน "แล้วท่านก็ห้ามพูดสิ่งใดเกี่ยวกับข้าไม่อย่างนั้นละก็..ข้าจะพาพี่ปินหนี" "ถึงเจ้าไม่ขู่ ข้าก็ไม่กล้าแล้ว" เรื่องนี้เขาพูดจริงใครจะกล้าหือกับสตรีบ้านนี้กันล่ะ "ท่านแม่ไม่อยากเจอท่านพ่อหรือขอรับ" "อาเล่ย แม่กับพ่อของเจ้าได้กลายเป็นคนอื่นไปแล้วไม่เหมือนป้าปินและพ่อบุญธรรมของลูกหรอกนะ เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องเจอกันก็ได้" "ทำไมล่ะขอรับ ท่านพ่อถอดหน้ากากแล้วไม่น่ากลัวเลยสักนิด" อิงเล่ยบอกกับมารดาอย่างใสซื่อตามประสาเด็กน้อยที่คิดว่าหน้ากากของบิดาคือสาเหตุของทั้งหมดทั้งปวง 'เฮ้อ..เด็กหนอเด็กคิดไปคนละเรื่องเลย' มันเกี่ยวกับสวมหน้ากากหรือไม่สวมตรงไหนกัน เห็นไหมล่ะเพราะอย่างนี้นางถึงไม่อยากให้ท่านอ๋องหานางเจอเร็วนัก เพราะอาเล่ยกับอาเอินยังเด็ก นางจึงไม่รู้จะอธิบายถึงความสัมพันธ์ของนางกับท่านอ๋องอย่างไรดี ลูก ๆ ของนางถึงจะเข้าใจ โรงเตี๊ยมอู่หรง... "หยางเล่อเจ้าเป็นอะไร จะได้เจอลูกสาวแล้วไม่ดีใจหรือ" "ดีใจสิแต่ข้ากลับรังเกียจตัวเอง ข้าไม่คู่ควรที่จะให้พวกเขาเรียกว่าบิดาด้วยซ้ำไป หากวันนั้นหวั่งซุนไม่ลืมเรื่องยาห้ามครรภ์ข้าคงไม่มีโอกาสที่จะได้เป็นพ่อคน ข้ามันคนเห็นแก่ตัวใช่ไหมกงซาน แต่นางก็ยังให้โอกาสข้าได้เจอลูก ๆ นางเป็นคนแบบไหนกันนะ" ประโยคสุดท้ายหยางเล่อพูดออกมาเหมือนคนกำลังเพ้อ "อย่าเพ้อ นั่นภรรยาของสหายนางไม่ใช่หวางเฟยของเจ้าอีกแล้ว" "อืม..รู้แล้วน่า" "ถามจริง ๆ เถอะหยางเล่อ เจ้าไม่เคยเห็นใบหน้าของนางจริงหรือ" กงซานเอ่ยถามสหายเป็นครั้งที่ร้อยเห็นจะได้ เพราะมันดูตลกเกินไปที่พวกเขาเข้าหอโดยไม่เคยเห็นหน้ากันเลย "อืม..เลิกถามได้แล้วต่อไปเราไม่ควรพูดเรื่องของนางอีก ข้าไม่อยากผิดใจกับมั่วชง" "นี่แหละสาเหตุที่มั่วชงไม่ยอมส่งเทียบเชิญงานแต่งให้กับเรา" เพราะรู้อยู่แล้วว่าสตรีที่ตัวเองแต่งงานด้วยก็คืออดีตหวางเฟย ของสหายรักนี่เอง กงซานคาดเดาเอาเองอย่างเป็นตุเป็นตะ "พอแค่นี้เถอะกงซาน พรุ่งนี้ข้าจะไปอู่ซานแต่เช้าหากจะไปกับข้าก็หยุดดื่มได้แล้ว" "ก็ได้ แต่ข้ายังไม่เมาเลยนะ" กงซานยังเถียงข้าง ๆ คู ๆ ทั้งที่ใบหน้าก็แดงก่ำขนาดนั้น ยามเหม่า..หยางเล่อปลุกสหายรักแต่เช้าเพื่อจะเดินทางไปยังหมู่บ้านอู่ซานตามที่ได้รับปากกับบุตรชายเอาไว้ จากเมืองอู่ไปถึงหมู่บ้านอู่ซานก็ไม่ได้ไกลนัก ควบม้าอย่างเร็วไม่เกินสองเค่อก็น่าจะถึงแล้ว แต่สำหรับผู้เป็นบิดาที่ต้องการจะเจอบุตรแฝดของตนกลับรู้สึกว่าระยะทางนั้นช่างห่างไกลยิ่งนัก [1เค่อ 15 นาที] [ยามเหม่า 05.00-06.59 น.] "หยางเล่อช้าลงหน่อยก็ได้ จวนสกุลอิงคงไม่ย้ายหนีไปก่อนหรอกน่า" "ข้าแค่ไม่อยากให้ลูกสาวกับลูกชายรอนาน เจ้าไม่เคยเป็นพ่อคนจะไปรู้อะไร" "เฮอะ! อย่างกับเจ้าได้เป็นมานานแล้วอย่างนั้นแหละ ก็เพิ่งจะได้เป็นเมื่อวานนี้เองไม่ใช่หรือ" "........" จวนสกุลอิง… "อาปิน อาอิน พวกเจ้าจะไปไหนกัน" "ท่านพี่ ข้ากับอาอินจะไม่อยู่พบหน้าท่านอ๋องหรอก สหายของท่านท่านก็รับรองเอาเองนะเจ้าคะ" อิงปินเอ่ยกับสามีอย่างไม่ใคร่ใส่ใจเรื่องที่ท่านอ๋องกำลังจะมา "อาอิน เจ้าจะไม่รอพบเขาแน่หรือ" "แน่เจ้าค่ะ ข้าอนุญาตให้เขาเจอเด็ก ๆ แล้วนะ แค่นั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว ดูแลเจ้าแฝดด้วยล่ะอย่าให้เขาขโมยลูกของข้าไปได้เชียว" "หึ ๆ ๆ เขาไม่กล้าหรอก" "ก็ดีเจ้าค่ะ ห้ามท่านรบกวนพวกข้าล่ะ ต้องการสิ่งใดก็เรียกหาเอากับพี่อ้ายและพี่อวี่นะเจ้าคะ ไปกันเถิดพี่ปิน" สถานที่ที่พวกนางจะไปคือศาลาท้ายเรือนเมื่อมองไปทางไหนก็จะเจอแต่ความเขียวชอุ่ม สองพี่น้องจึงมักจะมาหลบพักผ่อนหย่อนใจอยู่เสมอและตอนนี้มันก็เป็นสถานที่ที่อิงอินใช้หลบหน้าชินอ๋องเช่นกัน พอสองพี่น้องเดินลับสายตาไปแล้ว มั่วชงก็ได้แต่ส่ายหน้ากับความดื้อรั้นของพวกนางที่ตัวเขาเองก็ยากจะเอาชนะได้ เพราะทั้งสองคนก็มักจะมีเหตุผลมาแอบอ้างอยู่เสมอซึ่งมันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาไม่กล้าจะขัดใจพวกนาง มั่วชงเดินออกมาก็เจอสองพี่น้องฝาแฝดมานั่งรออยู่หน้าเรือนอย่างสงบเสงี่ยม อิงเอินรู้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าตัวเองนั้นมีบิดาแท้ ๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ วันนี้นางจึงดูเงียบผิดปกติ "ท่านแม่ละขอรับ" "ท่านแม่ของเจ้าพาป้าปินไปพักผ่อนแล้วไม่ต้องไปรบกวนพวกนางหรอก" "ท่านพ่อจะมาแน่นะขอรับ" อิงเล่ยถามบิดาบุญธรรมไปก็หลายรอบแล้วแต่ก็ยังคงถามอยู่นั่นเพื่อให้แน่ใจว่าน้องสาวของเขาจะไม่เจอกับความผิดหวัง แม้ว่าเด็กน้อยจะเชื่อมั่นในตัวของบิดาแค่ไหนแต่มันก็ยังอดคิดกังวลไม่ได้อยู่ดี "มาสิ เขาสัญญาแล้ว อาเอินไม่ดีใจหรือจะได้เจอบิดาแล้วนะ" มั่วชงเอ่ยถามสาวน้อยที่นั่งอยู่อย่างเงียบเชียบไม่ไหวติง ยกเว้นมือน้อย ๆ ที่เกาะกุมและบีบมือของพี่ชายแน่น "ไม่รู้เจ้าค่ะ" "กลัวหรือ" "อื่ออ" “ท่านพ่อไม่ได้น่ากลัวสักนิด” อิงเล่ยบอกกับน้องสาวเพื่อให้นางคลายความกลัวที่มี "ฮึก..ฮึก..ข้าอยากไปหาท่านแม่ข้าไม่อยากเจอท่านพ่อแล้ว" จู่ ๆ อิงเอินก็ร้องไห้ขึ้นมานางสะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุดและเอาแต่ร้องหาผู้เป็นมารดาจนพี่ชายกับบิดาก็จนใจที่จะปลอบ พวกเขาจึงพานางไปส่งให้กับอิงอิน 'หยางเล่อนี่ไม่ใช่งานง่าย ๆ สำหรับเจ้าแล้วนะ' หากนางได้งอแงก็มีแต่อิงอินเท่านั้นที่เอาอยู่ มั่วชงรู้สึกเห็นใจสหายอยู่ไม่น้อยเมื่อเขาเห็นอาการของอิงเอิน "นายท่านขอรับ ท่านแม่ทัพมาแล้ว" คนของฮัวหลงที่ถูกคัดเลือกให้มาประจำอยู่ที่นี่ได้เข้ามารายงานเจ้านายเมื่อเห็นท่านแม่ทัพมาถึง หน่วยสอดแนมของเขาคนนี้นี่เองที่ถูกอิงอินยึดตัวไป 'เฮ้อ' อีกครั้งที่ฮัวมั่วชงจำต้องถอนหายใจยาว ๆ "อืม..พาพวกเขาไปที่ศาลาด้านหน้า" มั่วชงสั่งคนของตน แล้วจูงมือบุตรชายเดินออกไป เพื่อไปพบกับสหายทั้งสอง สองบุรุษหนุ่มได้ถูกเชิญให้มานั่งรอที่ศาลาซึ่งถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามและประณีต เพื่อให้เป็นสถานที่เอาไว้คอยรับรองแขกโดยเฉพาะ สองบุรุษต่างก็นั่งมองทัศนียภาพรอบ ๆ จวนอย่างชื่นชม จวนหลังนี้หากมองให้ดีก็แทบจะไม่มีดอกไม้ให้เห็นเลย จะมองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวเต็มไปหมดช่างดูคุ้นตา ใช่แล้วหากไม่นับความใหม่ของจวนเขาคิดว่าที่นี่ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับตำหนักในอยู่หลายส่วน "นางคงผูกพันกับที่นั่นไม่มากก็น้อยจวนหลังนี้ถึงได้คล้ายกับตำหนักนั้นนัก" กงซานเอ่ยกับสหายที่กำลังนั่งนิ่งอยู่กับความนึกคิดของตัวเอง "มีสิ่งใดให้นางผูกพันหรือ ไม่ใช่ว่าที่นั่นได้สร้างความบอบช้ำให้กับนางหรืออย่างไร" หยางเล่อกล่าวออกมาด้วยเสียงปนเศร้าเพราะรู้สึกผิดกับอดีตชายาจริง ๆ "ที่สร้างความบอบช้ำให้นางคือคนที่ตำหนักใหญ่ต่างหาก นางอยู่ดีและปลอดภัยที่ตำหนักในก็ถูกแล้วที่นางจะผูกพัน" "มั่วชง อาเล่ย" หยางเล่อกับกงซานเรียกขานทั้งสองขึ้นพร้อมกัน "คารวะท่านพ่อ คารวะท่านอาขอรับ" อิงเล่ยค้อมศีรษะคารวะบิดาและสหายของบิดาอย่างสุภาพครั้งนี้เขาเตรียมตัวมาดี ครั้งก่อนที่เจอกับบิดาเขาแค่ตื่นเต้นเลยลืมมารยาทที่ถูกมารดาฝึกสอนมา "อืม..อาเล่ยมานั่งนี่มา" หยางเล่อตบเบาะนั่งข้างตัวเองเพื่อให้บุตรชายได้มานั่งใกล้ ๆ "ขอรับท่านพ่อ" "แล้วน้องล่ะ นางไม่อยากพบพ่อหรือ" "เฮ้อ..ข้าพยายามแล้วหยางเล่อแต่นางก็ร้องหาแต่มารดาไม่หยุด" "แล้วภรรยาของเจ้าล่ะ" หยางเล่อถามหาอิงอินเพราะคิดว่าคราวนี้คงจะได้พบหน้าอดีตชายาเสียที หรือว่านางเองก็ไม่อยากจะพบเขาเช่นกัน "นางกำลังท้องอยู่จึงต้องการพักผ่อน ขออภัยพวกเจ้าด้วย ที่มีแค่ข้ากับอาเล่ยออกมาต้อนรับ" "อืม..ให้ข้าเจออาเอินได้หรือไม่" หยางเล่อรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อยเขาแค่อยากจะเจออิงอินเพื่อจะขอให้นางอภัยให้กับหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมา ตอนนี้คงจะมีแต่บุตรสาวและบุตรชายที่เขาจะต้องพยายามสานสัมพันธ์พ่อลูกให้ได้ นางไม่ได้แค่แต่งงานใหม่ กับสหายของเขาเท่านั้นแต่นางกำลังจะมีบุตรอีกคน เป็นฮัวมั่วชงก็ดีแล้วสหายของเขาคนนี้คงทำให้นางลืมสิ่งเลวร้ายที่เขาเคยกระทำต่อนางได้ "หากท่านพ่อไปแอบดูก็ได้นะขอรับ น้องก็อยากจะเจอท่านพ่อเช่นกันแต่น้องแค่กลัว" "ได้หรือไม่มั่วชง" หยางเล่อหันไปถามสหายรักเพื่อขอความเห็นชอบ "อืม ให้มองได้แต่ต้องไม่ใกล้จนเกินไป ข้ากลัวอาอินจะโกรธหากนางรู้เข้า" "อืมอย่างไรก็ได้ขอแค่ได้เห็นนาง" นางที่ว่านั้นก็คือบุตรสาวของเขาหรอกนะ..
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD