ไร้ร่องรอย

1814 Words
ก่อนที่หยางเล่อชินอ๋องจะกลับคืนสู่ค่ายแดนเหนือ เขาได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำคือขอราชโองการหย่าขาดจากชายาและตอนนี้เขาก็ได้มันมาแล้ว แต่หยางเล่อไม่ได้มอบมันให้นางด้วยมือของตัวเอง หนังสือหย่าจึงได้ถูกส่งไปในตอนเช้าของวันถัดมา เขายินดีที่จะชดเชยให้ทุกอย่างตามที่นางร้องขอแต่การหย่าขาดครั้งนี้ก็ยังคงเป็นความลับ คนภายนอกที่รับรู้เรื่องนี้ก็มีเพียงจวนของท่านราชครูเท่านั้น จวนของท่านราชครู… "อัปยศที่สุด ต่อจากนี้จวนราชครูจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเจ้าคะ ก็ไหนท่านพี่บอกว่านางจะไม่มีทางถูกทอดทิ้งอย่างไรล่ะ เฮอะ! แต่งยังไม่ทันถึงปีก็ถูกเฉดหัวออกจากวังเสียแล้ว สุดท้ายนางก็ทำให้จวนราชครูต้องอับอายจนได้" ฉู่หนิงฮูหยินใหญ่ของจวนตระกูลอิง ได้กล่าวคำเสียดสีออกมาตั้งแต่ได้รับรู้ว่าอิงอินลูกเลี้ยงของนางถูกชินอ๋องหย่าขาดแล้ว นางทั้งคิดสมน้ำหน้าและเฝ้ารอให้ถึงวันนี้อยู่ทุกคืนวัน เพราะนางยังโกรธสามีไม่หายที่ไม่ขอสมรสพระราชทานให้กับบุตรสาวของนางแต่กลับขอให้นังเด็กนั่น "หุบปากเสีย! หากเจ้าไม่พล่ามมันออกมาใครจะไปรู้เรื่องนี้ท่านอ๋องได้สั่งเอาไว้แล้วว่าให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับและพระองค์ก็ยินดีจะชดเชยให้ทุกอย่างที่อินเออร์ต้องการ อย่าให้ข้ารู้นะว่าข่าวนี้เล็ดลอดออกไปจากจวนตระกูลอิง" "เฮอะ! เอ่อ..แล้วท่านอ๋องชดเชยให้ทุกอย่างเลยหรือเจ้าคะท่านพี่" ถึงจะรู้สึกหมั่นไส้แต่พอได้ยินว่ามีสิ่งชดเชยให้ฮูหยินใหญ่ก็แสดงสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที "เจ้าจะดีใจไปทำไม ท่านอ๋องชดเชยให้อินเออร์ไม่ได้ชดเชยให้เจ้านะฮูหยิน" "ได้อย่างไรเจ้าคะ! เมื่อนางกลับมาที่จวนทุกอย่างก็ต้องคืนให้กับจวนราชครูอยู่ดี" "นางไม่กลับมาหรอก เจ้าอย่าได้ฝันเฟื่องไปเลยฮูหยิน หึ ๆ" อิงหยวนค่อยหายใจโล่งขึ้นที่รู้ว่าบุตรสาวจะไม่กลับเข้าจวนอีก แม้นางจะไม่ได้แต่งงานใหม่สมบัติที่ท่านอ๋องชดเชยให้คงทำให้บุตรสาวของเขาสบายไปได้ตลอดชีวิต ขอแค่นางอย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยก็พอ ที่ตำหนักเก่า… "หนังสือหย่าถูกส่งมาเมื่อเช้านี้ พระชายาจะทรงทำอย่างไรดีเพคะ" "พระชายาบอกท่านอ๋องเรื่องท่านอ๋องน้อยกับท่านหญิงเถิดเพคะ" "พวกเจ้าก็รู้สาเหตุที่ท่านอ๋องอยากหย่ากับข้าเพราะท่านอ๋องอยากได้หวางเฟยที่ตัวเองรัก ข้าไม่อยากให้ลูกของตัวเองต้องไปเรียกคนอื่นว่าแม่หรอกนะ แล้วพวกเจ้าจะกังวลไปทำไมข้าอยู่ที่นี่ตั้งเกือบปีเขาก็ไม่เห็นจะมาหาเลยสักครั้ง ข้าถือว่าได้ให้โอกาสที่เขาจะรับรู้เรื่องของอาเล่ยกับอาเอินแล้ว ต่อไปนี้ลูกของข้าคืออิงเล่ยและอิงเอิน พวกเจ้ารีบไปเก็บของให้เสร็จพรุ่งนี้เราจะเดินทางออกจากเมืองหลวงแต่เช้า ส่วนพวกเจ้าห้าคนท่านอ๋องได้มอบพวกเจ้าให้ข้าแล้วต่อไปพวกเจ้าก็เป็นคนของข้า" "พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ พระชายา" "ข้าไม่ได้เป็นพระชายาแล้ว เรียกข้าว่าฮูหยินอิงก็พอ" "ขอรับ/เจ้าค่ะ ฮูหยิน" "แล้วเราจะไปไหนหรือเจ้าคะฮูหยิน" หมอหญิงถาม "ข้าก็ยังไม่รู้เช่นกันท่านอ๋องยกตำหนักนี้ให้ข้าแล้วก็จริงแต่ข้าไม่อยากอยู่ เกรงว่าสักวันคงจะโดนไล่ออกไปอีก" "ไปอยู่เมืองอู่ดีไหมเจ้าคะ มันเป็นเมืองไม่ใหญ่แต่ก็สงบดีมากเจ้าค่ะ เป็นสถานที่เหมาะที่จะเลี้ยงดูคุณหนูทั้งสองเจ้าค่ะ" หมอปินออกความเห็น "เมืองอู่ที่อยู่ระหว่างเมืองหลวงกับแดนเหนือนะหรือ" "เจ้าค่ะ มันไม่ใช่ทางผ่านหรอกฮูหยินอิงอย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ" หมอปินเหมือนจะรู้ว่าอิงอินอยากจะหลบเลี่ยงอะไร จึงได้บอกเล่าให้นางคลายกังวล "ท่านหมอเดี๋ยวนี้รู้ใจข้าไปหมดเลยนะ เราจะจ้างรถม้าและสำนักคุ้มภัยเพื่อขนย้ายพรุ่งนี้ ถิงถิงให้เจ้าไปกับอาฝูและจัดการเรื่องพวกนี้ งานแบบนี้เจ้าถนัดนักนี่นา" อิงอินสั่งคนของตนเสร็จนางก็เร่งจัดเก็บข้าวของทั้งของนางเองและของบุตรทั้งสอง ตามความสัตย์จริงนางไม่ได้เสียใจสักนิดที่โดนท่านอ๋องหย่าขาดเพราะสมรสของนางมันไม่ได้มีความรักมาเกี่ยวข้องตั้งแต่แรก นางก็แค่ตามใจบิดาและอยากจะออกมาจวนตระกูลอิงอยู่เป็นทุนเดิม ส่วนท่านอ๋องก็น่าเห็นใจคงขัดราชโองการไม่ได้ ไม่รู้ว่าบิดาของนางไปมีบุญคุณอะไรกับเหล่าราชวงศ์ถึงได้ขอสมรสพระราชทานให้นางได้ทั้งที่นางไม่ใช่บุตรของฮูหยินใหญ่ ตัวนางเป็นแค่บุตรของฮูหยินรองที่มารดาได้ตายจากไปตั้งแต่นางยังจำความไม่ได้ เพราะอย่างนั้นนางจึงได้เป็นที่รักของบิดาอยู่ไม่น้อยแต่ความรักของบิดากลับทำให้นางอยู่ในจวนได้ไม่สงบสุขนัก คงเป็นสาเหตุนี้กระมังบิดาจึงได้ขอสมรสพระราชทานให้กับนาง เพื่อแยกนางออกจากความวุ่นวาย แต่นางก็ต้องทำให้บิดาผิดหวังเสียแล้ว เพื่อไม่ให้จวนของราชครูต้องด่างพร้อย อิงอินจึงไม่ขอกลับเข้าจวนอีกทั้งไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของอาเล่ยและอาเอินแม้แต่บิดาของนางเองก็ยังให้รู้เรื่องนี้ไม่ได้ ฮึ..หากท่านราชครูรู้ว่ามีหลานที่เกิดกับท่านอ๋อง บิดาของนางต้องมาขัดขวางการย้ายออกจากวังอ๋องแน่ ๆ ค่ำคืนก่อนจะย้ายออกจากตำหนัก... อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้ "โอ๋โอ๋ เด็กดีของแม่ อาเล่ย อาเอิน เจ้าสองคนกินนมแล้วนี่นาหรือว่าจะไม่สบายหื้ม" อิงอินพยายามปลุกปลอบลูกน้อยทั้งสอง นางทั้งแปลกใจและเป็นกังวลที่อยู่ดี ๆ ลูกน้อยก็พร้อมใจกันร้องไห้โยเยขึ้นมาทั้งที่ได้กินนมจนอิ่มแล้ว หากไม่มีไข้หรือเจ็บป่วยแล้วลูกแฝดของนางจะเป็นอะไร เพราะเหตุนี้หมอปินจึงได้เข้ามาตรวจให้อย่างละเอียด "ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลยเจ้าค่ะ คงเป็นเพราะไม่อยากย้ายที่อยู่แน่เลย ตัวแค่นี้ก็รู้ความแล้วหรือเจ้าคะ" หมอปินบอกตามที่เคยได้ยินคำบอกเล่ามาจากผู้เฒ่าผู่แก่ในหมู่บ้านแถบชนบท เด็กน้อยมักจะผูกพันกับสายเลือดและสถานที่เกิดมันจะมีสายใยบางอย่างที่เชื่อมโยงกันเอาไว้ จากที่ดูในกรณีของคุณหนูน้อยทั้งสองน่าจะเป็นข้อแรกเสียมากกว่า "ท่านหมอก็ช่างพูด เด็กตัวแค่นี้จะไปรู้อะไร" "ฮูหยินคงจะไม่เคยรู้ว่าเด็ก ๆ มักจะมีความรู้สึกพิเศษกับคนใกล้ชิด บ้านเกิดและสายเลือดเจ้าค่ะ" สาเหตุสุดท้ายนี่แหละสำคัญนักหมอปินมั่นใจ ตามที่ผู้เฒ่าได้เล่ามายิ่งสายเลือดสูงส่งเท่าใดมันก็ยิ่งส่งผลชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น กล่าวถึงหยางเล่อชินอ๋อง… เมื่อได้ทำตามความปรารถนาของตัวเองสำเร็จหยางเล่อรู้สึกลิงโลดหัวใจก็พองโตเมื่อได้ถือหนังสือหย่าออกมาจากห้องทรงพระอักษรของฝ่าบาท ในใจก็คิดถึงแต่แม่นางคนนั้น ก่อนกลับขึ้นแดนเหนือเขาจะต้องหานางให้เจอและเรื่องเกี้ยวพาสตรีนั้นมันไม่น่าจะเหลือบ่ากว่าแรง เขาต้องทำได้เพื่อจะครองคู่กับนางในดวงใจ แต่หลังจากที่ได้ส่งหนังสือหย่าให้กับชายาแล้วใจของหยางเล่อกลับไม่เป็นสุขอย่างที่คิด เขานอนไม่หลับเอาเสียเลยถึงจะเดินวนรอบตำหนักหลายรอบแล้วแต่ยังไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย จากนั้นก็ได้เริ่มเดินอีกครั้งแต่คราวนี้เส้นทางที่ก้าวเท้าเดินไปคือตำหนักเก่าจนกระทั่งผ่านมาได้เกินครึ่งทาง… อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้ เสียงร้องของเด็กทารกทำให้ชินอ๋องหยุดชะงักแต่ก็ต้องถอนหายใจออกมายาว ๆ 'เฮ้อ..นี่เขาเดินมาไกลถึงเพียงนี้' เกือบจะถึงกำแพงของตำหนักเก่าอยู่แล้วและแถวนี้ก็เป็นที่ปลูกเรือนของบ่าวไพร่ 'นั่นคือที่มาของเสียงเด็กทารก' หยางเล่อคิด บ่าวไพร่ในวังหลายคนก็อยู่กันเป็นครอบครัวหยางเล่อจึงไม่ได้สงสัยเรื่องที่มาของเสียงร้องนั่นอีก เขาจึงหันหลังกลับไปตามเส้นทางเดิม "ท่านอ๋องเสด็จที่ไหนมาพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมนึกว่าบรรทมแล้วเสียอีก" "แค่เดินเล่นน่ะ อ่อ..พ่อบ้านหวั่งเด็กที่เกิดใหม่ในวังคงจะมีเพิ่มมากขึ้น ให้ท่านจัดการแจกจ่ายอาหารและของใช้เด็กเล็กให้ครบถ้วนด้วยล่ะอย่าให้พวกเขาต้องอดอยาก" "พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง" แม้ท่านอ๋องจะไม่รับสั่งหวั่งซุนก็ทำอยู่แล้วไม่เคยขาดแต่สองสามปีมานี้ก็ไม่ได้มีเด็กเกิดใหม่นี่นาแล้วท่านอ๋องไปเจอเด็กที่ไหนมาทำไมเขาถึงไม่รู้แล้วท่านอ๋องเป็นอะไรไปอีกแล้วนะหย่าแล้วเป็นอิสระแล้วก็ควรจะดีใจมิใช่หรือ ทำไมถึงได้ทำหน้าเหมือนคนถูกเมียทิ้งอย่างนี้นะทั้งที่จริงพระองค์เป็นคนทิ้งเมียแท้ ๆ' เฮ้อออ… "ท่านอ๋อง เมื่อใดจะกลับขึ้นเหนือหรือพ่ะย่ะค่ะ" หวั่งซุน เตรียมพร้อมเต็มที่รอเวลาที่จะโดนท่านอ๋องสวนกลับอยู่แล้วแต่ผิดคาดท่าทางเฉยเมยและไร้อารมณ์นั่นยิ่งพ่อบ้านหวั่งรู้สึกไม่ดี 'คราวนี้ท่านอ๋องเป็นอะไรไปอีกป่วยอย่างนั้นหรือ' "อีกสองสามวันข้าก็กลับ..ต่อไปห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับตำหนักในอีก ตำหนักนั้นข้าได้ยกให้อิงอินไปแล้ว” "พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง" เวลาต่อมา… "เป็นอย่างไรพบเจอสิ่งใดบ้างหรือไม่" "รูปลักษณ์ตามภาพวาดที่ท่านอ๋องให้มาเราไม่พบเลยพ่ะย่ะค่ะ บางทีนางอาจจะไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว" "หากนางจะออกจากเมืองหลวงก็ต้องเจอสิ" สตรีที่งดงามเช่นนั้นจะไม่สะดุดตาคนเฝ้าประตูเมืองและคนของเขาเลยหรือยังไง ตั้งแต่วันนั้นวันที่เขาได้พบนาง เขาก็เฝ้าสืบค้นและตามหานางทุกวันนางจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้หรือจะเป็นไปได้อย่างไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD