อวด

2066 Words
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เดินหน้าเหี่ยวออกมาเลยนะ ข้าบอกเจ้าแล้วอย่าไปเชื่อฝ่าบาทให้มากนักพระองค์ไหนเลยจะเคยง้อใคร ทำตามใจตัวเองสิที่ผ่านมาเจ้าก็ทำได้ดีแล้วนี่" กงซานมองดูสหายเดินคอตกออกมาก็อดที่จะค่อนแคะไม่ได้ ทั้งยังนึกเห็นใจในความตลกของโชคชะตาที่ หยางเล่อต้องพานพบอีก "หากตามใจตัวเองตอนนี้ ข้าก็อยากจะจูบนาง" หยางเล่อตอบกลับไปอย่างเลื่อนลอย สิ่งที่เขาคิดมันก็คงเป็นได้แค่เพียงความฝัน ต่อให้นางในดวงใจเป็นอดีตชายาแล้วอย่างไรทุกอย่างมันดูผิดที่ผิดทางไปหมด เพราะตัวเขาเป็นคนก่อมันขึ้นมาเอง "บะ..บ้าไปแล้ว เจ้าจะจูบใคร? นางในดวงใจหรือว่าอดีตชายา" กงซานมองสหายอย่างอ่อนใจกับความคิดที่เพ้อฝัน ยังไม่ได้เกี้ยวพาแต่จะข้ามขั้นคิดถึงเรื่องจูบ 'หยางเล่อเจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ เลย' "ก็ทั้งสองนั่นแหละ!" หยางเล่อกระแทกเสียงใส่สหายทั้งที่รู้อยู่แล้วก็ยังมีหน้ามาถามอีก "เฮอะ..โลภมาก" "แล้วทีเจ้าล่ะคิดว่าไม่มีคนรู้หรือ หากพวกนางผิดใจกันขึ้นมาเพราะเจ้าเป็นต้นเหตุ อิงอินคงจะไม่ยอมแน่และเจ้าจะพลอยทำให้ข้าเดือดร้อนไปด้วย" "เจ้าควรจะเป็นห่วงข้านะสหาย ที่จะต้องโดนพวกนางรุมทึ้งเสียมากกว่า หึ ๆ ๆ" หยางเล่อได้แต่มองตามสหายรักเดินห่างออกไปอย่างน่าหมั่นไส้ กงซานก็เป็นอีกคนที่จะสมหวังในความรักในไม่ช้านี้แล้วสินะ คงจะมีแต่เขาคนเดียวที่ต้องไร้คู่เมื่อยามแก่เฒ่า ฮึ..หยางเล่อชินอ๋องแม่ทัพแดนเหนือผู้เกรียงไกรต้องมาพ่ายให้กับสตรีตัวน้อยที่เขาเคยเมิน ฉายาบุรุษไร้ใจและนักรบไร้รักคงไม่มีอีกแล้ว เวลานี้เขาอยากจะถูกนางรักใจแทบขาด 'ด้านได้อายอด' มันใช้ไม่ได้กับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว... ที่เรือนหลักของตำหนักเก่า ยามเฉิน [07.00-08.59 น] "ท่านอ๋องน้อย ท่านหญิง เสวยมื้อเช้ายังไม่หมดจะรีบไปไหนกันเพคะ" มามาหวี่เรียกถามก่อนที่สองพี่น้องจะพากันวิ่งออกจากเรือนไป "ไปตามท่านพ่อมากินมื้อเช้าเจ้าค่ะ" อิงเอินรีบตอบแล้ววิ่งตามพี่ชายออกไป "พวกเขามีเวลาแค่ช่วงนี้แหละที่จะได้ใกล้ชิดกับบิดา มามาหวี่ปล่อยพวกเขาไปเถิดเจ้าค่ะ" อิงอินเข้ามาทันได้ยินและเห็นลูก ๆ วิ่งออกไปพอดี หากกลับอู่ซานไปเมื่อใดอิงเล่ยและอิงเอินจะเป็นเช่นไร นางยังจะเห็นความสดใสของพวกเขาเช่นนี้อยู่หรือไม่ นางยอมรับก็ได้ว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาตัวนางเองก็คุ้นชินที่มีเขาอยู่รอบกายไม่น้อย แต่นางก็ยังปักใจมั่นว่าไม่ได้มีใจให้กับเขาอย่างแน่นอน "หากชินอ๋องมาได้ยินคงจะดีใจมากนะเจ้าคะ ทำไมข้าไม่เห็นความโกรธหรือความเกลียดในดวงตาของฮูหยินเลยสักนิด" มามาหวี่ถามอย่างอดไม่ได้เพราะความสงสัย ความใจเย็นและสงบนิ่งของนางช่างน่าทึ่งนักสตรีแบบนี้แหละที่คู่ควรกับราชวงศ์หยาง "ข้าเคยโกรธเขานะเจ้าคะโกรธมาก ๆ ด้วยแต่ข้าไม่เคยเกลียด ความโกรธที่เคยมีมันคงหายไปเพราะลูกทั้งสองก็เป็นได้ แต่ข้าไม่ได้รักเขานะ ยังไม่ได้รัก" ประโยคสุดท้ายอิงอินพูดเสียงแผ่วเบาคล้ายกับกระซิบ เรื่องราวของนางกับท่านอ๋องมันผ่านมาห้าปีแล้ว เราสองคนต่างก็ผิดรวมถึงพ่อบ้านหวั่งอีกคน ถึงนางจะเคยโกรธพ่อบ้านหวั่งอยู่บ้างแต่หากไม่เป็นเพราะเขานางหรือจะมีอาเล่ยและอาเอินให้เชยชม แค่นั้นก็ทำให้มามาหวี่ถึงกับยิ้มออก บางทีชินอ๋องอาจจะมีโอกาสได้หวางเฟยคืนในอีกไม่ช้า ขอแค่พระองค์อดทนรอให้ได้ก็พอ มามาหวี่แทบจะอดทนรอไม่ไหวนางอยากจะรีบรายงานความคืบหน้าให้ฮองไทเฮาได้รับรู้เหลือเกิน ฮูหยินอิงคือผู้ที่เหมาะกับตำแหน่งหวางเฟยของชินอ๋องที่สุดแล้ว แบบนี้สินะนางถึงไม่เหมาะที่จะอยู่ในวังหลังของฝ่าบาท... เรือนรับรองหลังเล็กที่ชินอ๋องมาขอพำนักอยู่ ทั้งที่มีตำหนักหลังใหญ่อยู่ไม่ไกลแค่สะกิดปลายเท้าออกไปก็ถึงแต่หยางเล่อกลับยังไม่ไปเหยียบที่นั่นด้วยซ้ำ ไม่ใช่ว่าโกรธให้พ่อบ้านหรืออะไรหรอกแต่เป็นเพราะเขาลืม เมื่อมาอยู่ที่ตำหนักเก่ามีลูก ๆ และอิงอินอยู่ด้วยทำให้เขาไม่อยากออกไปไหนไกลยกเว้นวันที่เขาต้องเข้าวังหลวงเท่านั้น ตึง ๆ ตึง ๆ ตึง ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงวิ่งและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ แว่วมาแต่ไกลทำให้ หยางเล่อที่กำลังหลับใหลสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาตื่นสายใช่มันสายมากเลยเพราะเมื่อคืนเขามัวแต่คิดเรื่อยเปื่อยจนแทบจะไม่ได้นอน กระทั่งรุ่งสางและเพิ่งจะหลับไปได้นิดเดียวเอง "ท่านพ่อออ..ตื่นหรือยังขอรับ/เจ้าคะ" อิงเล่ยและอิงเอิน ตะโกนถามบิดามาแต่ไกลก่อนจะวิ่งทะลุทะลวงเข้าสู่ห้องนอนของผู้เป็นบิดาจนองครักษ์ที่คอยเฝ้าอารักขาชินอ๋องอยู่เปิดประตูให้เกือบไม่ทัน พึ่บ! ปึก! จี้ ๆ จี้ ๆ โอ๊ะ..ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ "พอ ๆ พ่อตื่นแล้ว" "ฮิฮิฮิ/คิก ๆ วันนี้ท่านพ่อตื่นสายนะขอรับ หากช้าแบบนี้ อาหารคงได้หมดก่อน" "ใช่เจ้าค่ะ ท่านแม่ลงครัวเองเลยนะเจ้าคะ" "มาปลุกพ่อเพราะเหตุนี้หรือ" "แล้วท่านพ่อไม่อยากกินอาหารที่ท่านแม่ทำหรือเจ้าคะ" "ใครบอกพ่ออยากจะกินมากเลย รอพ่อประเดี๋ยวเดียว" ไม่ถึงหนึ่งเค่อหยางเล่อก็จัดการตัวเองเรียบร้อยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรวดเร็วที่มักจะเอาไว้ใช้แค่ในสนามรบก็ต้องได้เอามาใช้ในการนี้ สองมือหอบหิ้วบุตรซ้ายขวาสะกิดเท้าดีดตัวออกนอกเรือนไปอย่างไร้ร่องรอยจนมาหยุดที่หน้าเรือนหลัก "โอ้..ท่านพ่อต้องสอนข้าบ้างนะขอรับข้าอยากใช้วิชาตัวเบาได้..ได้ไหมขอรับ" อิงเล่ยตื่นเต้นที่ถูกบิดาอุ้มกระโดดลอยตัวเหมือนเหาะเหินอยู่กลางอากาศได้ เด็กน้อยเคยเห็นแต่องครักษ์ใช้วิชานี้กัน เขาจึงได้ร้องขอให้บิดาช่วยสอนวรยุทธ์ให้บ้าง "แน่นอนพ่อจะสอนให้เจ้าเอง" หยางเล่อรับคำกับบุตรชายเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วถึงได้พากันเดินเข้าเรือน บรรยากาศของมื้อเช้าก็เต็มไปด้วยความชื่นมื่น แม้อิงอินจะเฉยชาเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแต่นางก็ยังใส่ใจจัดเตรียมอุ่นสำรับไว้ให้ หยางเล่อนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าคิดไปต่าง ๆ นานาดังว่านางคือภรรยารัก มันพิเศษเช่นนี้นี่เองการมีเมียไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาเคยคิดเลย มันดีมาก ๆ ต่างหาก "ไม่กินหรือเจ้าคะ หากไม่อยากกินข้าจะได้เก็บ" ดับฝันไปเลย..การกระทำที่ดูอ่อนหวานแต่เสียงที่เอ่ยมานั้นกลับสะท้านทรวงยิ่ง "กินสิ เจ้าอุตส่าห์ลงครัวมิใช่หรือ" เฮอะ! ช่างรู้ดีนักคงไม่พ้นอาเล่ยกับอาเอินแน่เลยที่นำเรื่องไปบอกบิดา "แค่ทำแก้เบื่อเจ้าค่ะ" "หากเบื่อนักก็ไปเดินตลาดดีหรือไม่ เด็ก ๆ ยังไม่เคยออกไปไหนเลย" "ท่านแม่ลูกอยากไปเดินตลาดเจ้าค่ะ" "ลูกก็อยากไปขอรับ" "ไปเถิดนะอิงอิน วันนี้ข้าไม่เข้าวังและก็ว่างทั้งวัน" ฮูหยินไปเถิดเจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะละเว้นการสอนให้ท่านได้ผ่อนคลายก็แล้วกัน มามาหวี่ได้ทีก็สนับสนุนความคิดของชินอ๋องอย่างออกนอกหน้า จนอิงอินไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยและบุตรของนางอีก คงจะดูใจร้ายกับลูกมากหากนางคิดจะคัดค้าน "ก็ได้เจ้าค่ะ" เสร็จสิ้นมื้อเช้าหยางเล่อก็สั่งเตรียมรถม้าคันงามของวังอ๋อง เพื่อพาครอบครัวออกไปเที่ยวชมเมืองหลวง หวั่งซุนแม้จะไม่ได้เห็นหน้าท่านอ๋องน้อยและท่านหญิง แต่ก็กุลีกุจอจัดเตรียมรถม้าตามรับสั่งของนายเหนือหัวอย่างมีความสุขเพราะรู้ว่ารถม้าคันนี้จะต้องนำไปใช้ที่ตำหนักเก่าอย่างแน่นอน ในที่สุดวันนี้เขาก็ถูกท่านอ๋องใช้งานแล้ว ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งยวด ยามซื่อรถม้าคันงามจากวังของชินอ๋องกำลังวิ่งอวดโฉมไปรอบ ๆ เมืองหลวง น้อยคนนักที่จะเคยเห็นธงประดับยศและตราสัญลักษณ์อันงดงามนี้ เพราะปกติแล้วชินอ๋องแทบจะไม่ได้ใช้งานรถม้าคันนี้เลยนอกจากจะเข้าวังหลวงเมื่อมีงานพิธีสำคัญเท่านั้น [ยามซื่อ 09.00-10.59 น.] "อาเล่ย อาเอิน เป็นอย่างไรลูกชอบเมืองหลวงหรือไม่" "ไม่ชอบเลยสักนิดขอรับ" "ลูกก็ไม่ชอบเจ้าค่ะ ลูกชอบบ้านที่อู่ซาน" "หึ ๆ ๆ พ่อก็ไม่ชอบเมืองหลวงเช่นกัน คราวหน้าพ่อจะพาพวกเจ้าขึ้นไปเที่ยวชมแดนเหนือที่มีหิมะขาวโพลนไปทั่วทั้งหุบเขา พวกเจ้าคงจะไม่เคยเห็น" "แล้วไม่ชวนท่านแม่ไปด้วยหรือขอรับ" "........" อิงอินที่กำลังนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเพลิดเพลินจึงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าพ่อลูกเขาคุยเรื่องอะไรกันบ้าง ได้ยินคลับคล้ายคลับคลาว่าท่านอ๋องจะพาลูกไปที่ไหนสักที่ เรื่องอะไรนางจะยอมให้เขาพรากลูกไปจากอกเล่า "ก็ต้องถามท่านแม่ว่าอยากไปด้วยหรือไม่" "ก็ต้องไปอยู่แล้วสิ ข้าไม่ให้ท่านพาลูก ๆ ไปไหนโดยไม่มีข้าหรอกนะ" "ได้ยินกันหรือยังไม่ว่าพวกเจ้าจะไปไหนกับพ่อ แม่ของลูกก็จะไปด้วย" "ฮิฮิ/คิก ๆ ได้ยินแล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ" เห็นสีหน้าเจ้าเล่ห์ของชินอ๋องแล้ว 'เฮ้อ..นี่นางตกหลุมพรางของเขาไปแล้วหรอกหรือ' "ท่านแม่ลูกหิวอีกแล้วขอรับ" อิงเล่ยบอกกับมารดาเสียงออดอ้อนเพราะกลัวว่าจะโดนดุเรื่องเมื่อเช้า ที่เขากินข้าวไม่หมด กระเพาะน้อย ๆ จึงเริ่มประท้วงและร้องเรียกหาอาหาร หยางเล่อได้ยินดังนั้นจึงรีบทำตามความต้องการของบุตร เพราะเขาเองก็มีส่วนที่ทำให้อาเล่ยและอาเอินกินข้าวได้น้อย เพียงแค่ดีดนิ้วรถม้าคันงามก็มาจอดที่หน้าเหลาอาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองหลวงตามคำสั่ง… หยางเล่อลงมาจากรถม้าอย่างสง่างามเรียก เสียงฮือฮาจากผู้คนที่คอยจับจ้องรถม้าของวังอ๋องอยู่ก่อนแล้ว เพียงไม่นานเสียงสนทนาที่ดังเซ็งแช่ก็ดังขึ้นยิ่งกว่าเดิมเมื่อชินอ๋องแทบจะอุ้มสตรีงดงามผู้หนึ่งลงมาจากรถม้า นางช่างงดงามหวานหยดย้อย จนสตรีน้อยใหญ่ที่อยู่ในเหลาอาหารต่างก็พาอิจฉา ข่าวลือที่ชินอ๋องมีภรรยาอยู่ต่างเมืองก็คงจะเป็นเรื่องจริงและข่าวลือที่ว่านั้นได้ถูกตอกย้ำอย่างชัดเจนอีกครั้งเมื่อชินอ๋องได้อุ้มเด็กน้อยวัยกำลังน่ารักสองคนลงมา ทั้งรอยยิ้มกว้างของชินอ๋องและเสียงหยอกล้อกันไปมาระหว่างบิดากับบุตรแค่นี้ก็ชัดเจนทุกอย่างแล้ว พวกเขาไม่รู้จะอิจฉาใครดีระหว่างชินอ๋องที่ได้ภรรยางดงามทั้งยังมีลูกที่น่ารักตั้งสองคนอีกหรือจะอิจฉาสตรีนางนั้นที่สามารถครองใจของชินอ๋องได้ไม่ว่าจะคิดไปในทิศทางใดพวกเขาก็เป็นครอบครัวที่น่าโอ้อวดจริง ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD