แผนการที่ล้มเหลว

2378 Words
อิงอินกับลูก ๆ มาอยู่ที่ตำหนักเก่าได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้วและอีกสามวันนางกับลูกแฝดถึงจะได้เข้าวัง แต่ช่วงเวลาที่รอ พวกนางก็ต้องเรียนรู้พิธีรีตองของคนในวังบ้าง ถึงนางจะไม่ได้ข้องเกี่ยวกับท่านอ๋องแต่นางก็จำเป็นต้องเรียนรู้เอาไว้เพื่อบุตรของนางเอง ดีหน่อยที่ชินอ๋องไม่ได้มาขลุกอยู่กับลูกทั้งวันเด็ก ๆ จึงได้มีเวลาร่ำเรียนมารยาทจากข้าหลวงเก่าแก่ในวังอย่าง มามาหวี่ ที่ถูกส่งมาจากตำหนักของฮองไทเฮา เรื่องของมารยาทไม่ใช่ว่านางจะไม่เคยสอนสั่งลูก ๆ แต่ที่นางสอนพวกเขาคือมารยาททั่วไปในแบบของคุณชายและคุณหนูทั่วไปเท่านั้นไม่ใช่ตามแบบของราชวงศ์เสียทีเดียว โชคดีที่มามาหวี่ไม่ได้เคร่งครัดกับเด็ก ๆ มากนักแต่กลับมาลงที่นางแทน มันจะไม่ช้าไปหรือก่อนแต่งงานไม่เห็นจะมีใครมาสอนนางอย่างนี้เลย ตอนนี้นางก็ไม่ใช่สะใภ้หลวงแล้วจะมาเคร่งครัดอะไรตอนนี้ กว่านางจะได้พักในแต่ละวันก็เหนื่อยเอาการ ยังดีที่มีคนช่วยดูแลเจ้าแฝดอยู่หลายคน "ท่านอ๋องน้อยช่างเหมือนชินอ๋องยิ่งนัก ดูสิแม้แต่กิริยาท่าทางก็เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนท่านหญิงน้อยก็คงจะเหมือนมารดานะเจ้าคะ" มามาหวี่แค่มาไม่กี่วันก็หลงเจ้าแฝดเสียแล้ว แค่อิงเอินน้อยเรียกขานมามาหวี่สองสามคำและทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ เหล่าข้าหลวงอาวุโสที่มาด้วยกันก็ยิ้มหน้าบานและพากันหัวเราะครื้นเครงอย่างที่ไม่เคยได้หัวเราะที่ไหนมาก่อน อยู่แต่ในรั้วในวังมันจะมีก็แต่เรื่องเคร่งเครียด พวกนางจึงไม่เคยได้ปลดปล่อยอารมณ์เช่นนี้เลยนับว่าเป็นโชคของพวกนางที่ถูกส่งตัวมาที่นี่ ตอนแรกพวกนางก็ไม่ได้อยากจะมาเท่าใดนักเพราะกลัวอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของชินอ๋อง แต่เท่าที่ได้เห็นมันช่างต่างกับสิ่งที่ได้ยินมาอย่างลิบลับ บุรุษที่พวกนางเห็นอยู่ตอนนี้ก็คือคนที่ใช้รอยยิ้มพร่ำเพรื่อเกินจำเป็นเท่านั้นเองไม่ได้น่ากลัวสักนิด วังหลวง ตำหนักกงหยา... "เมื่อใดแม่จะได้พบพวกเขา เจ้าน่าจะพามาด้วยนะชินอ๋อง อุตส่าห์พามาถึงเมืองหลวงได้แล้วยังต้องให้แม่รออีกหรือ" "เสด็จแม่เย็นพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ให้นางและลูก ๆ ได้ปรับ ตัวเสียก่อน" "แล้วอย่างไรชินอ๋อง ลูกก็มีด้วยกันแล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไปจะแต่งตั้งนางให้เป็นหวางเฟยอีกครั้งหรือไม่" "เรื่องคงจะไม่ง่ายพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทำผิดต่อนางเกินกว่าจะให้อภัยยังดีที่นางยอมให้โอกาสลูกได้ช่วยเลี้ยงดูบุตร เสด็จแม่..ที่แท้นางก็คือสตรีที่ลูกคิดอยากจะแต่งงานด้วย หม่อมฉันละอายใจและเสียใจเหลือเกินที่เคยเพิกเฉยต่อนาง" หยางเล่อปล่อยให้น้ำตาร่วงเผาะต่อหน้าพระมารดาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้แต่ตอนที่เป็นเด็กน้อย พระนางหรือจะเคยเห็นน้ำตาของโอรสผู้นี้ "น่าอายจริงลูกเมียก็มีแล้ว อายุก็ปูนนี้ยังจะมาบีบน้ำตาอยู่ได้ หากรู้สึกละอายใจเจ้าก็ต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้นพาสะใภ้แม่กลับคืนมาให้ได้ กงซานก็อีกคนคิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มน้อยอยู่หรืออย่างไร หากปีนี้เจ้ายังหาสตรีที่จะแต่งด้วยไม่ได้ป้าจะหาให้เจ้าเอง" "เสด็จป้า! ไม่ต้องหาใครมาให้กระหม่อมหรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะหาเอง" กงซานกำลังจะเยาะเย้ยเรื่องนางในดวงใจของชินอ๋องอยู่แล้วเชียว เหตุใดเสด็จป้าถึงได้เลี้ยวกลับมาเรื่องของเขาได้นะ "ให้มันจริงเถอะ อย่าให้มารดาของเจ้ามาขอร้องป้าก็แล้วกัน" "พ่ะย่ะค่ะเสด็จป้า" หึ ๆ กงซานไม่ได้กลัวคำขู่สักนิดก็เขามีคนที่เพ่งเล็งเอาไว้แล้วนี่ 'ตั้งสองคนเชียวนะเสด็จป้า' วังชินอ๋อง... "ท่านพ่อบ้านจะเดินไปเดินมาอีกนานไหมขอรับ ทำไมท่านไม่เรียกให้องครักษ์เปิดประตูให้เล่า" บ่าวชายที่ตามมากับพ่อบ้านทุกวันอดไม่ได้ที่เห็นพ่อบ้านเอาแต่เดินไปเดินมา แต่ไม่เห็นจะทำอะไรสักอย่าง หวั่งซุนเดินไปก็ถอนใจไปด้วย เขาเป็นทุกข์ใจอยู่เช่นนี้มาหลายวันแล้วตั้งแต่ท่านอ๋องกลับมา ตำหนักใหญ่ก็ยังไม่มีเจ้านายมาพำนักสักคนวังแห่งนี้ก็แทบจะเป็นวังร้างไปแล้ว ผิดกับตำหนักเก่า ในแต่ละวันเขาจะได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงน้อยลอยออกมาอยู่เสมอ เขาอยากจะเห็นพระโอรสและพระธิดาของท่านอ๋องเหลือเกิน แต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปหาได้แต่แอบเมียงมองอยู่แถวประตูตำหนักเก่า สุดท้ายพ่อบ้านหวั่งก็อดใจไม่ไหวจึงได้ตัดสินใจเดินเข้าไปหาองครักษ์ เพื่อจะขอเข้าไปยังตำหนักในแต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย "ประตูนี้ห้ามใครผ่านทั้งนั้น" "องครักษ์เหวินท่านสนทนากับใครอยู่หรือ" เหลียนอวี่ไม่ได้บังเอิญมาเดินเล่นหรอกนะแต่นางตั้งใจมาที่นี่โดยเฉพาะ เมื่อนางสังเกตเห็นคนมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวนี้หลายวันแล้ว ที่แท้ก็เป็นท่านพ่อบ้านเจ้าปัญหานี่เอง "แม่นางเหลียน แค่คนจากตำหนักใหญ่ขอรับ" หวั่งซุนเมื่อได้ยินชื่อแซ่ของคนที่อยู่ข้างใน ก็เกิดความยินดีผุดขึ้นบนใบหน้า "นางกำนัลเหลียนนี่ข้าเองพ่อบ้านของวังนี้อย่างไรล่ะ ให้องครักษ์เปิดประตูให้ข้าได้หรือไม่" "พ่อบ้านหรือ? ใครกันข้าไม่เห็นจะรู้จักเลย ท่านองครักษ์เหวินหากใครคิดจะเปิดประตูนี้ท่านจัดการลงโทษได้ตามสมควรเลยนะเจ้าคะ นี่เป็นคำสั่งของฮูหยินอิงน่ะเจ้าค่ะ" "ขอรับแม่นางเหลียน ท่านพ่อบ้านได้ยินแล้วนี่ท่านกลับไปเถอะ แม้แต่ท่านอ๋องยังใช้ประตูนี้ไม่ได้เลยท่านคงต้องหาทางอื่นแล้วขอรับ" 'ท่านพ่อบ้านไปทำอะไรให้คนในตำหนักเก่าไม่พอใจกันนะ' องครักษ์เหวินครุ่นคิด เพราะมันผิดสังเกตแม้แต่ท่านอ๋องเองก็ยังเมินท่านพ่อบ้านเลย หวั่งซุนจำต้องหันหลังกลับไปด้วยความผิดหวัง พลางนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวเมื่อห้าหกปีที่ผ่านมา ความซื่อตรงที่เขาภูมิใจนักหนาตอนนี้มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกยินดีแม้แต่น้อย หากครั้งนั้นเขาตามหมอหลวงให้พระชายาป่านนี้ที่ตำหนักใหญ่คงได้มีท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงน้อยวิ่งเล่นกันเต็มตำหนักแล้วกระมัง หวั่งซุนเพิ่งจะรู้แจ้งและเห็นชัดถึงความผิดมากมายของตัวเองก็คราวนี้ หากเป็นคนอื่นเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย 'เฮ้อ..ไม่เป็นไร ท่านอ๋องเข้าทางไหนเขาก็จะเข้าทางนั้นบากหน้าไปทุกวันทำหน้าให้หนาเข้าไว้' หวั่งซุนคิดอย่างไม่ยอมแพ้ "คิก ๆ ฮูหยินท่านไม่เห็นสีหน้าหน้าของพ่อบ้านหวั่งซีดเผือดเป็นไก่ต้มเชียว ข้าละอยากเอาคืนให้หนัก ๆ เหลือเกินเจ้าค่ะ" เหลียนอวี่ปิดปากหัวเราะคิกคักเมื่อเล่าเรื่องของพ่อบ้านหวั่งให้อิงอินและเหล่าข้าหลวงฟังอย่างออกรส "พี่อวี่ละก็เขาก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น เจตนาร้ายคงจะไม่มีหรอก" อิงอินพูดไปตามความเป็นจริงและเป็นกลางที่สุด "ในอดีตเขาเคยเป็นคนใกล้ชิดของจักรพรรดิองค์ก่อน เพราะความเถรตรงไม่เข้าท่าหนักเบาก็ไม่เคยผ่อนผันจนเกือบจะโดนเนรเทศไปแล้ว ยังดีนะที่ชินอ๋องขอไว้ แต่ไม่นึกเลยนะเจ้าคะว่าจะมาเกิดเรื่องเช่นนี้อีกที่วังของชินอ๋อง ตาแก่นั่นช่างไม่รู้จักจำ" มามาหวี่ที่พอจะทราบความจริงมาบ้างแล้ว ต่อให้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ นางก็พอจะคาดเดาอะไร ๆ ได้บ้าง นางอยู่ในรั้วในวังมาทั้งชีวิตเรื่องของท่านอ๋องกับอดีตพระชายาถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยหากเทียบกับเรื่องวุ่นวายในวังหลังที่มีอยู่ทุกวี่ทุกวัน อย่างน้อยวังของชินอ๋องก็ไม่ได้มีสตรีอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งยังดูสงบทำให้ตัวของนางได้ผ่อนคลายไปด้วย อีกไม่กี่วันก็หมดหน้าที่นี้แล้วเสียดายยิ่งนักเพราะนางยังอยากอยู่ที่นี่ต่อ อยู่เล่นกับท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงน้อยไปแบบนี้เรื่อย ๆ อิงอินไม่อยากจะรู้หรอกว่าพ่อบ้านหวั่งทำสิ่งใดลงไปถึงกับต้องโดนเนรเทศ แต่อย่าให้เขาได้มายุ่งและวุ่นวายกับนางจนเกิดเรื่องอีกก็แล้วกัน "ท่านแม่ขอรับ/ท่านแม่เจ้าคะ" สองแสบร้องเรียกมารดามาแต่ไกล อิงอินไม่ได้เป็นห่วงเลยที่ลูกทั้งสองออกไปวิ่งเล่นไกลหูไกลตา ขอแค่ให้อยู่ในรั้วกำแพงของตำหนักเก่าก็ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้นางกลัว แค่เด็ก ๆ ก้าวเท้าไม่ว่าจะเป็นที่ไหนองครักษ์ก็ตามติดดั่งเป็นเงาแล้ว "ไปเที่ยวไหนมาล่ะไม่เหนื่อยกันบ้างหรือ" "ไปรอบ ๆ ตำหนักเลยขอรับ" อิงเล่ยตอบมารดาอย่างตื่นเต้น "วังหลวงอยู่ไกลมากไหมเจ้าคะท่านแม่" "ไม่ไกลมากหรอก อาเอินถามทำไมหรือ" "ท่านพ่อบอกว่าจะเข้าวัง ค่ำแล้วยังไม่กลับเลยเจ้าค่ะ" อิงเอินตอบมารดาเสียงเศร้า "ท่านพ่อก็ต้องทำงานเดี๋ยวก็กลับแล้วจ้ะ" นางได้แค่ปลอบลูก ๆ เพราะรู้ว่าพวกเขากำลังเห่อบิดา ตอนนี้เป็นอิงเอินที่ติดบิดายิ่งกว่าพี่ชาย ส่วนอาเล่ยมีองครักษ์มากฝีมือคอยสอนวรยุทธ์ให้ทั้งยังมีท่านรองแม่ทัพคอยอยู่เล่นด้วยในบางเวลา เขาจึงไม่ได้ร้องเรียกหาบิดาตลอดเวลาเหมือนกับน้องสาว ยามซวีปกติแล้วท่านอ๋องต้องมาหาลูก ๆ ก่อนที่พวกเขาจะเข้านอนทุกวัน แต่วันนี้งานที่วังหลวงคงจะล้นมือเขาถึงกลับมาช้านัก อิงอินจึงหาวิธีที่จะล่อลวงให้บุตรสาวหลับ แต่เจ้าตัวน้อยกลับจะรอให้บิดามากล่อมนอนเท่านั้น ผิดกับอาเล่ยที่ตอนนี้ได้เข้าเฝ้าเง็กเซียนไปแล้ว [ยามซวี 19.00-20.59 น.] "ท่านพ่อยังไม่มาหรือเจ้าคะ" "ยังไม่มาจ้ะ หืม..อาเอินลูกรออยู่นี่นะเดี๋ยวแม่มา" อิงอินรู้สึกได้ว่ามีคนเดินวนเวียนอยู่แถวหน้าห้องนางจึงอยากออกไปดูให้แน่ใจ 'บุรุษผู้นี้กลับมาแล้วทำไมถึงยังให้ลูกรอ' นางคิดว่าเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากท่านอ๋อง ตำหนักนี้ถูกห้อมล้อมไปด้วยองครักษ์ฝีดีคงไม่มีใครฝ่าเข้ามาถึงเรือนของนางได้หรอกนอกจากเขาผู้เดียว ครืดดด... "มาแล้วทำไมยังอยู่นี่เจ้าคะ" "ข้าคิดว่าลูกน่าจะหลับไปแล้วจึงไม่อยากจะรบกวน" "ไม่อยากรบกวนแต่เดินวนไปวนมาเนี่ยนะ ท่านดื่มมาหรือเจ้าคะ" "อืม..ไม่มากหรอก ดื่มกับฝ่าบาทมานิดหน่อยไม่ได้เมา" "อาเอินยังไม่นอนลูกยังรอท่านอยู่ เคี้ยวนี่ซะ" อิงอินยื่นเม็ดกลม ๆ สีเขียวให้กับชินอ๋อง ปกตินางหรือจะได้พกของแบบนี้แต่พี่มั่วชงก็ยังเตรียมเอาไว้ให้นาง มันเป็นยาแก้เมาและช่วยลดกลิ่นเหล้าได้เป็นอย่างดี พี่ปินเป็นผู้คิดค้นและปรุงมันขึ้นมาเพื่อสามีของนางโดยเฉพาะ "มันคืออะไรหรือ" "หากจะเข้าไปหาลูกท่านก็ต้องกิน ยาแก้เมาและลดกลิ่นของสุราน่ะเจ้าค่ะ" หยางเล่อไม่พูดพล่ามหรือสงสัยสิ่งใดอีกเขารีบเคี้ยวเม็ดยาทันทีโดยไม่ต้องรอให้อิงอินได้บอกซ้ำ ชั่วอึดใจที่เขาได้กลืนเม็ดยาลงท้องจนหมดนางจึงให้เขาเข้าไปพบบุตรสาว "อาเอินรอพ่ออยู่หรือคนดี" หยางเล่อเข้ามาในห้องได้ก็ตรงไปหาบุตรสาวตัวน้อยที่ยังคงนอนรอเขาอยู่บนเตียงนั่นแล้ว "เจ้าค่ะ ท่านพ่อทำงานอยู่หรือเจ้าคะ" "อืม..ทำงานอยู่ แต่ตอนนี้พ่อกลับมาแล้ว" "อื่ออ.." แค่รู้ว่าบิดากลับมาแล้วอิงเอินตัวน้อยก็ไม่ต้องฝืนตัวเองอีกต่อไปนางจึงผล็อยหลับแทบจะทันที จุ๊บ จุ๊บ หยางเล่อจุ๊บแก้มบุตรทั้งสองเบา ๆ และยังคงนั่งมองลูกหลับอยู่อย่างนั้นและไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวไปไหน จนอิงอิน ต้องเตือนเพราะกลัวว่าเขาจะเผลอหลับไปเสียก่อน "นางหลับไปแล้วท่านก็ควรกลับเรือนได้แล้วเจ้าค่ะ" หึ ๆ ช่างหลับง่ายดายแค่บิดามาพูดด้วยไม่กี่คำนางก็หลับปุ๋ยไปเลย คงแค่ฝืนตัวเองเพื่อรอให้บิดากลับมาแค่นั้นใช่ไหมเจ้าตัวน้อย "อ้อ..ข้าจะกลับเรือนแล้ว" "เจ้าค่ะ" "เฮ้อ..เสด็จพี่มันจะง่ายอย่างที่ท่านว่าได้อย่างไรแสร้งเมาแล้วหลับกับลูกน่ะหรือ เฮอะ! ข้าน่าจะกลับมาตั้งแต่ยังไม่ทันได้ดื่ม" หยางเล่อบ่นให้พี่ชายทั้งยังรู้สึกเสียดายเวลาที่เขามักจะได้เล่น กับลูก ๆ ก่อนนอนเสมอเขาไม่น่าหลงกลของฝ่าบาทเลย ที่จริงเขาควรจะได้เล่นกับลูกน้อยและได้เล่าอะไรหลาย ๆ อย่างให้ลูกฟังก่อนนอน แถมยังมีอิงอินที่คอยนั่งฟังอยู่ด้วยแม้นางจะทำท่าทางไม่สนใจก็เถอะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD