พบเจอนางในดวงใจ

1631 Words
"ท่านอ๋องไม่กลับขึ้นเหนือหรือพ่ะย่ะค่ะ" หวั่งซุนมองนายเหนือหัวของตนที่ยังทำตัวเรื่อยเปื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นี่ก็นับได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว พ่อบ้านหวั่งอดสงสัยไม่ได้เลยเอ่ยถามท่านอ๋องออกไปอย่างกล้า ๆกลัว ๆ เพราะตั้งแต่ออกจากวังมาดูท่าทางท่านอ๋องจะอารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าใดนัก "ทำไม! พ่อบ้านหวั่งเบื่อหน้าข้าแล้วหรือ" "ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมไหนเลยจะกล้า แค่ไม่เคยเห็นพระองค์พำนักอยู่วังนาน ๆ พ่ะย่ะค่ะ" "ข้าต้องรอกลับพร้อมกับรองแม่ทัพกงซานคงจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักสิบวัน พ่อบ้านหวั่งวันนี้ข้าอยากจะเดินตรวจวัง" "ให้กระหม่อมตามไปด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ" "ตามใจ" วันนี้ท่านอ๋องมาแปลกนัก ร้อยวันพันปีไหนเลยจะเคยเดินตรวจวัง และแล้ววันนี้พระองค์ก็ได้ทำให้หวั่งซุนตกใจไปหลายรอบทีเดียว สองนายบ่าวเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่เร่งรีบแต่ก็บ่ายหน้าตรงไปยังทิศทางของตำหนักเก่าระหว่างทางก็ไม่คิดจะหยุดดูและตรวจตราตรงไหนเลยและได้เดินไปจนสุดทางที่มีเพียงกำแพงและประตูกั้นระหว่างสองตำหนัก จากนั้นก็เดินกลับแล้วก็เดินวนไปอีกจนมาหยุดอยู่สุดทางเดินที่เดิม และมายืนนิ่งอยู่หน้าประตูของตำหนักในแต่ก็ไม่ยอมที่จะเปิดประตูเข้าไปเสียที "จะเข้าไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" หวั่งซุนถามขึ้นมาในความเงียบเหมือนหยั่งเชิงผู้เป็นนาย หยางเล่อมองข้ามกำแพงเข้าไปจนสุดสายตาจึงจะมองเห็นว่ามีเรือนปลูกอยู่ท่ามกลางแมกไม้ ตอนเป็นเด็กเขาเคยชอบที่แห่งนี้ แต่หลังจากได้เข้ากองทัพไปแล้วและได้รับพระราชทานตำหนักใหม่ เขาก็ไม่ได้เข้ามาที่นี่อีกเลย แต่ก็คอยบำรุงดูแลรักษาไม่ให้เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาก็เท่านั้นเอง เขาก็อยากจะเดินเข้าไปอยู่หรอกนะแต่ทิฐิในใจมันมีมากกว่าจึงได้หยุดอยู่แค่นี้แค่ประตูของตำหนัก "เฮ้อ..ไม่ล่ะนางคงอยู่สุขสบายดีกระมัง" 'ท่านอ๋องนี่ก็กระไรช่างปากไม่ตรงกับใจแล้วจะเดินวนเวียนอยู่ตั้งหลายรอบไปเพื่ออะไรกัน เฮ้อ..' หวั่งซุนนั้นรู้ดีว่าภายในจิตใจลึก ๆ ของท่านอ๋องนั้นเป็นเช่นไร ภายนอกแม้จะดูแข็งกร้าวแต่ภายในนั้นกลับอ่อนไหวอยู่ไม่น้อย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่พาเขาเดินวนไปมาเป็นสิบรอบหรอก "หวั่งซุนกลับ" "พ่ะย่ะค่ะ" "สำรับกลางวันไม่ต้องเตรียมข้าจะออกไปพบสหาย" "พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง ให้กระหม่อมเตรียมรถม้าหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" "ข้าดูเหมือนบุรุษที่ต้องลมไม่ได้หรือ" นั่นยังไงล่ะอารมณ์แบบนี้ไงที่หวั่งซุนพูดถึงผู้เป็นนาย ช่างขึ้น ๆ ลง ๆ จนตามไม่ทันและเอาใจไม่ถูกเลยทีเดียว "ขอประทานอภัยท่านอ๋อง กระหม่อมหาได้คิดเช่นนั้นไม่พ่ะย่ะค่ะ" 'เฮ้อ..ก็ใครจะไปรู้เมื่อคราวที่แล้วก็ยังเห็นใช้อยู่เลย' หวั่งซุน อดบ่นให้เจ้านายในใจไม่ได้อีก หากท่านอ๋องมีท่านชายและท่านหญิงน้อยเมื่อใดอารมณ์เช่นนี้คงจะหายไปกระมัง แต่เมื่อใดจะมีเล่าแค่กำแพงกั้นก็ยังไม่กล้าจะข้ามไปเลย ย่านการค้าและตลาดในเมืองหลวง... "พระชายาอย่าเดินเร็วนักสิเพคะ" หมอปินอดเป็นห่วงคนที่เพิ่งจะคลอดบุตรไปไม่นานนี้ไม่ได้ "ท่านหมอข้าบอกแล้วอย่างไร เมื่อยู่ข้างนอกอย่าได้เรียกเช่นนี้" อิงอินปรามหมอปินที่มักจะพลั้งเผลอเรียกนางอย่างเต็มยศอยู่บ่อยครั้ง "ก็ได้เพคะ โอ๊ะ..ก็ได้เจ้าค่ะคุณหนูอย่าเดินเร็วนักสิเจ้าคะ ฮิฮิ มันไม่คุ้นชินเลยเจ้าค่ะ" "ข้าเป็นห่วงสาว ๆ น่ะ หากอาเล่ยและอาเอินตื่นพวกนางคงจะรับมือไม่ไหว" หากนางไม่จำเป็นจะต้องซื้อของใช้ส่วนตัวคงไม่ต้องออกมาโดยทิ้งลูกไว้ที่ตำหนักหรอก ว่าแล้วก็น่าห่วงนักนางจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นจนท่านหมอถงปินวิ่งตามแทบไม่ทัน "เห็นไหมเจ้าคะข้าบอกแล้วว่าไม่ต้องมา ให้ข้ามาคนเดียวก็ได้" "แค่ครั้งนี้เท่านั้นต่อไปท่านหมอก็ซื้อให้ข้าได้แล้วล่ะเรารีบไปกันเถอะ" กุบกับ..กุบกับ..กุบกับ ม้าศึกตัวใหญ่ได้วิ่งมาในจังหวะที่อิงอินกำลังจะข้ามถนนไปอีกฝั่งพอดี อ๊ายยย!! โชคดีที่ม้าไม่ได้วิ่งเร็วนักจึงมันแค่เฉียดนางไปแต่ก็ทำให้นางล้มลงและของที่ถือมาก็ตกเกลื่อนกลาดไปหมด บุรุษชาติทหารอย่างหยางเล่อไหนเลยจะปล่อยผ่านเขาได้กระโดดลงจากหลังม้า เพื่อเข้ามาสอบถามอาการบาดเจ็บ ใจหนึ่งก็คิดว่าอาจจะเป็นกลลวงของสตรีเพราะเหตุการณ์แบบนี้เขาเจอมานักต่อนักแล้ว "คุณหนู! เจ็บไหมเจ้าคะ" "แม่นางข้าขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะ" "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะข้าก็รีบเกินไปเลยไม่ทันมอง ข้าก็ขออภัยคุณชายเช่นกันเจ้าค่ะ" อิงอินกล่าวโดยไม่หันไปมองหน้า นางสนใจแค่ข้าวของที่ตกเกลื่อนกลาดเท่านั้น หยางเล่อเหม่อมองหญิงสาวตาไม่กะพริบ บอกตามตรงเขาไม่เคยเจอสตรีเช่นนี้มาก่อน นางไม่ได้มีทีท่าว่าสนใจเขาสักนิดหากจะคิดว่านางเสแสร้งแกล้งวิ่งออกมาบนถนนเพื่อสร้างเรื่องก็คงไม่ใช่ นางดูเหมือนไม่รู้จักเขาเลย มีจริงหรือที่สตรีในเมืองหลวงจะไม่รู้จักหยางเล่อชินอ๋อง แต่นางเป็นแบบนั้นไม่ได้ให้ความสนใจและมองหน้าเขาเลยสักนิด "ไม่มีอะไรแล้วข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ข้าขอตัวลาก็แล้วกันคุณชาย" อิงอินกล่าวลาทั้งยังไม่สนใจที่จะมองหน้าบุรุษผู้นี้เช่นเดิม "เดี๋ยวก่อนสิแม่นาง พอจะบอกชื่อแซ่แก่ข้าได้หรือไม่" "ขออภัยอีกครั้งเจ้าค่ะคุณชายเราก็แค่คนแปลกหน้าข้าต้องขอตัวลาก่อน" หยางเล่อแทบไม่อยากจะเชื่อที่เขาถูกสตรีปฏิเสธเป็นไปได้อย่างไรกัน 'หึ ๆ อย่างนี้สิค่อยจะคู่ควรกับอ๋องอย่างข้าหน่อย' ชินอ๋องกระหยิ่มในใจ นางงดงามแต่การพูดจากลับไม่ได้อ่อนหวานดังใบหน้าเลยเขาชอบสตรีเช่นนี้ 'ข้าจะสืบค้นหาเจ้าเองแม่นางและคงจะต้องเข้าเฝ้าเสด็จพี่ก่อนกลับค่ายแดนเหนือแล้วละสิ' เกือบหนึ่งปีที่เขาแต่งงานมา หากว่าชายาของเขาเรียกร้องสิ่งใดเขาจะชดเชยให้นางตามแต่ที่นางต้องการยกเว้นตัวและหัวใจของเขาเท่านั้น และตอนนี้หยางเล่อคิดว่าเขาพบนางในดวงใจแล้วหากนางพำนักอยู่ในเมืองหลวงก็ไม่ยากเลยหากเขาคิดจะตามหา "เจ้ายิ้มอะไรนักหนาตั้งแต่พบหน้าเจ้าแล้ว ได้เข้าหอกับชายามาหรืออย่างไร ถึงได้อารมณ์ดีนัก" "ปากเสีย ข้าแค่เจอนางในดวงใจ" "เจ้าเนี่ยนะ! แล้วอย่างไรจะแต่งนางเข้าเป็นชายารองหรือ" กงซานงงเป็นไก่ตาแตก ชินอ๋องนะหรือมีนางในดวงใจตลกสิ้นดีมาเจอก็ต่อเมื่อแต่งงานแล้วเนี่ยนะ "ใครว่า นางจะต้องเป็นหวางเฟยของข้าเท่านั้น เสด็จแม่รับสั่งแล้วว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของข้าและเห็นชอบหากข้าจะหย่ากับอิงอิน" "จิ ๆ ๆ เจ้าจำชื่อของชายาได้ด้วยประหลาดแท้ หึ ๆ ข้าแค่ประหลาดใจน่ะ" "ก็แค่ชื่อไม่ใช่หรือมันน่าประหลาดตรงไหน" 'ประหลาดสิ หยางเล่อชินอ๋องผู้เกรียงไกรเคยจำชื่อแซ่สตรีได้ด้วยหรือ' อีกฟากฝั่งหนึ่ง… "พระชายาเจ็บมากหรือไม่เพคะ ให้หม่อมฉันเรียกรถม้ารับจ้างดีไหมเพคะ" "ไม่เป็นไรข้าทนได้ใกล้จะถึงตำหนักแล้วล่ะ ป่านนี้เจ้าแฝดคงตื่นแล้ว" อิงอินกัดฟันเดิน นางคิดว่าข้อเท้าคงจะแพลงเป็นแน่ นางช่างไม่รู้จักระมัดระวังดีนะที่ไม่เจ็บหนักกว่านี้ คุณชายผู้นั้นก็ช่างกระไรในเวลาเช่นนั้นยังคิดจะเกี้ยวพานางอีกช่างมั่นใจในหน้าตาของตัวเองนัก ฮึ! อุแว้ อุแว้ อุแว้ อุแว้ "ว่าแล้วเชียว เจ้าแฝดตื่นแล้ว เร็ว ๆ เข้าเถิดท่านหมอ" เมื่ออิงอินเข้ามาถึงตำหนัก เสียงลูกน้อยก็กำลังแข่งกันร้องไห้เซ็งแซ่ นางกำนัลทั้งสองและถิงถิงก็พากันเอาไม่อยู่ เมื่อนางเห็นภาพนั้นแล้ว นางจึงได้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งลูกไปไหนอีกเลย อิงอินแม้จะเจ็บข้อเท้าแต่ก็ยังฝืนเดินแกมวิ่งเพื่อจะไปรับลูกน้อยเข้ามาแนบอกนี่คงเป็นครั้งแรกที่นางจะให้นมบุตรพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นเสียงร้องคงจะไม่หยุดแน่เลย "ไหวไหมเพคะ ให้หม่อมฉันไปตามแม่นมหรือไม่" "ไม่ต้องแล้วดูสิสงบลงแล้วล่ะ อีกไม่นานหรอกพวกเขาก็จะรู้ความ ต่อไปคงต้องได้วิ่งตามจับกันน่าดู" "ไม่น่าจะซนนะเพคะ ดูสิเงียบสงบเหมือนไม่เคยร้องไห้มาก่อนเลย คิก ๆ" สาว ๆ ทั้งสี่คนไม่ยอมย่างกายไปไหนเลย พวกนางได้แต่นั่งมองท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงดูดนมพระมารดาอย่างมีความสุขช่างเป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD