จูบแรก

2333 Words
ยามเฉินที่ประตูหน้าตำหนักเก่า [07.00-08.59 น.] ด้อม ๆ มอง ๆ ก็คือท่าทางของชายแก่คนหนึ่งที่คอยชะเง้อและมองเข้ามาภายในตำหนักเก่าถึงจะรู้ว่าเป็นใครแต่องครักษ์ที่เฝ้ามองอยู่กลับทำนิ่งเฉย เพราะเป็นคำสั่งของฮูหยินอิงที่ห้ามให้คนนอกเข้ามาในตำหนักเป็นอันขาดพวกเขาจึงไม่ได้สนใจ แต่ในที่สุดองครักษ์หนุ่มก็อดทนยืนดูต่อไปไม่ไหว ไม่แน่ใจว่าเขารำคาญหูรำคาญตาหรือว่าสงสารกันแน่ "ท่านพ่อบ้าน..ท่านมาด้อม ๆ มอง ๆ อยู่นานแล้วนะมีอะไรหรือไม่ขอรับ" "องครักษ์ เอ่อ.." "เจีย" "อ้อ..องครักษ์เจียข้ามาขอพบท่านอ๋องกับพระชายา คือว่ามีข่าวสารมาจากอู่ซานน่ะ" "โธ่..ท่านพ่อบ้านมีเรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมท่านไม่บอกข้า ต่อให้ไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ถ้ามันมาจากอู่ซานท่านก็ต้องรีบมาบอกรู้หรือไม่" องครักษ์หนุ่มหมดคำที่จะพูดเรื่องสำคัญขนาดนี้แค่บอกมาเขาก็เปิดประตูให้แล้ว หากคิดจะรอให้คนข้างในออกมาน่ะหรือฝันไปเถอะ "ข้าเข้าใจแล้ว ทีนี้ให้ข้าเข้าไปได้หรือยังล่ะ" "แค่นี้ข้าเอาเข้าไปให้ท่านอ๋องเองก็ได้" องครักษ์หนุ่มบอก "ไม่ได้! ให้ข้าเอาไปให้ท่านอ๋องเองเถอะ องครักษ์เจียทำหน้าที่ของท่านต่อไปเลย" ในที่สุดหวั่งซุนก็ทำสำเร็จ นับได้เกือบสองอาทิตย์ที่เขาหาทางมายังตำหนักเก่าแบบมีเหตุอันสมควร ต้องขอบคุณจดหมายจากอู่ซานที่ส่งตรงไปยังตำหนักใหญ่ เขาก็เลยเอามันมาเป็นข้ออ้างชั้นดีที่จะได้เข้าเฝ้าท่านอ๋องและได้พบเจอกับท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงน้อย พ่อบ้านหวั่งคิดได้ดังนั้นก็รีบเดินแกมวิ่งไปโดยไม่สนใจอายุของตัวเองบ้างเลย "พ่อบ้านหวั่งจะรีบไปไหนกัน" "ท่านรองแม่ทัพ ข้าจะนำข่าวสารไปแจ้งต่อท่านอ๋องและพระชายาขอรับ" ‘เจอด่านอีกแล้วหนึ่ง’ หวั่งซุนคิด "พระชายา? อ้อ..ให้ข้าเอาไปส่งดีกว่าไหมท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อย" "ไม่ขอรับข้าไม่เหนื่อยเลย ข้าขอเอาไปส่งท่านอ๋องเองดีกว่าขอรับ" โธ่..ท่านรองแม่ทัพกว่าข้าจะหาข้ออ้างเข้ามาที่นี่ได้มันไม่ง่ายนะ ได้โปรดท่านอย่ามาขวางทางข้า หวั่งซุนโอดครวญและพยายามหาทางออกจากตรงนี้ให้ได้ "ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไปเถอะข้าล้อท่านเล่นน่ะ" ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพ่อบ้านหวั่งต้องการสิ่งใด เกือบสองอาทิตย์ที่หยางเล่อไม่ยอมให้พบหน้าและไม่อนุญาตให้เข้าพบเด็ก ๆ เลย คงจะอัดอั้นมากล่ะสิท่านพ่อบ้านหวั่งซุน "เช่นนั้นข้าไปก่อนนะขอรับ" "ไปเถอะ" "ท่านรองแม่ทัพ ปล่อยให้เขาเข้าไปมันจะดีหรือเจ้าคะ" เหลียนอ้ายและเหลียนอวี่ทั้งสองสาวไม่ใคร่จะยินดีที่ได้เห็นหน้าพ่อบ้านหวั่งสักเท่าใดเลย เพราะความทรงจำที่เกี่ยวกับท่านพ่อบ้านผู้นี้มันก็ไม่ค่อยจะดีนัก "เรียกแต่ท่านรองแม่ทัพอยู่นั่นมันเหินห่างมากรู้ไหม เจ้าสองคนจะเรียกพี่กงซานบ้างไม่ได้หรือ" "รอให้แต่งก่อนเถิดเจ้าค่ะ แล้วท่านรองแม่ทัพจะให้เราเรียกอย่างไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ" สองสาวผลัดกันพูดผลัดกันตอบคนละประโยคจนฟังเสมือนว่าเป็นคนเดียวที่พูด "ก่อนกลับอู่ซานอย่างไรงานหมั้นหมายก็ต้องเกิดขึ้น เจ้าสองคนพร้อมหรือยัง" "แล้วท่านรองแม่ทัพ พร้อมหรือยังเจ้าคะ" "ข้าพร้อมกระทั่งเข้าหอกับเจ้าทั้งสองคนนั่นแล้ว" รองแม่ทัพหนุ่มตอบอย่างมาดหมาย ที่จริงเขาอยากจะแต่งพวกนางก่อนกลับอู่ซานด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะว่าที่พ่อตาและว่าที่แม่ยายเดินทางมายังไม่ถึงเมืองหลวง กว่าจะได้แต่งงานคงต้องรออีกสองถึงสามเดือนโน่น ‘หวังว่าเขาคงไม่ต้องรอจนเหี่ยวแห้งหรอกนะ’ "ท่านรองแม่ทัพ!" เหลียนอ้าย/เหลียนอวี่ "ข้าพูดจริง ๆ นะ สหายของข้ามีลูกกันหมดแล้วเจ้าสองคนไม่สงสารข้าบ้างหรือ ไม่กลัวว่าข้าจะแห้งเหี่ยวก่อนหรือ" "คิก ๆ แห้งเหี่ยวอันใดกันอีกไม่กี่เดือนเองเจ้าค่ะ พูดถึงความน่าสงสารท่านอ๋องไม่ยิ่งไปกว่าท่านหรือเจ้าคะ นางในดวงใจอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย" "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้อาอ้ายกับอาอวี่ช่วยกล่อมข้านอนได้หรือไม่" ได้พวกนางกล่อมนอนแค่นี้เขาก็พอใจแล้ว ว่าที่ภรรยาของเขาทั้งสองคนยอมได้อย่างมากก็แค่จูบผิดกับนิสัยลิบลับ ขนาดจูบพวกนางยังไม่ประสาอย่าได้หวังเลยเรื่องเข้าหอก่อนแต่ง "พูดเสียยืดยาวที่แท้ก็ต้องการแค่คนกล่อมนอน" สองสาวไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบุรุษผู้นี้อายุสี่สิบปีแล้วช่างทำท่าทางออดอ้อนได้น่าตายนัก คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มน้อยอยู่หรืออย่างไรกันนะ ศาลาพักผ่อน… ที่ตำหนักเก่าจะมีศาลาปลูกอยู่ด้านข้างที่มากไปด้วยแมกไม้ปกคลุมทั้งร่มรื่นและเย็นสบายในแบบที่อิงอินชอบ เพราะอย่างนี้นางถึงได้นำแบบเกือบจะทั้งหมดไปสร้างจวนที่อู่ซาน เมื่อมองจากที่ไกลก็จะเห็นหนึ่งครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกทั้งบรรยากาศก็สุดแสนอบอวลไปด้วยความรัก หวั่งซุนที่เพิ่งเข้ามาถึงหน้าตำหนักยังต้องชะงักค้างกับภาพที่เห็น บุรุษที่กำลังเป็นม้าเป็นวัวให้เด็กน้อยสองคนขึ้นขี่หลังนั่นคือชินอ๋องแน่หรือ ทั้งเสียงหัวเราะสนุกสนานแบบนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนและยังมีสตรีที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เขายังจดจำใบหน้านั้นได้ดีนางงดงามกว่าครั้งเก่าก่อนและดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น นางก็คืออดีตหวางเฟยของท่านอ๋องนั่นเอง คิดแล้วเขาก็อดจะเสียดายไม่ได้กับเวลาห้าปีที่ผ่านมาเหลือเกิน "หวั่งซุนมีอะไร จะยืนอยู่นั่นอีกนานไหม" หยางเล่อถามเสียงห้วนเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นตาแก่คนหนึ่งยืน เก้ ๆ กัง ๆ อยู่ไม่ไกล ใจก็คิดอยากจะปล่อยให้ยืนอยู่อย่างนั้นทั้งวันเหมือนกัน หากเขาไม่เรียกน่ะหรือพ่อบ้านหวั่งก็คงจะไม่ยอมก้าวเข้ามาเป็นแน่ หึ ๆ ตาแก่นี่ชอบทำให้เขาโมโหอยู่เรื่อย "โอ้..ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง พระชายา" "ข้าไม่ใช่หวางเฟยแล้วท่านพ่อบ้านอย่าได้เข้าใจผิด เรียกฮูหยินอิงก็พอ" "อ้อ..ขอรับฮูหยินอิง" "มีอะไรเร่งด่วนหรือไม่หวั่งซุน" "มีพ่ะย่ะค่ะ มีข่าวสารส่งมาจากอู่ซานพ่ะย่ะค่ะ" "อู่ซานหรือ..ท่านอ๋องรีบเปิดอ่านเถอะคงจะเกี่ยวกับพี่ปินแน่เจ้าค่ะ" อิงอินได้ยินว่ามีข่าวสารจากอู่ซานก็แสดงอาการดีใจจนเสียกิริยา แต่คาดว่าน่าจะเป็นกิริยาที่ชินอ๋องรอคอยที่จะเห็นเสียมากกว่า "หึ ๆ ใจเย็น ๆ คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรแต่อาจจะเป็นข่าวดี เมื่อเรากลับไปอาเล่ยกับอาเอินคงจะได้อุ้มน้องกันแล้วล่ะ" "น้อง!" หยางเล่ย/หยางเอิน อุทานขึ้นพร้อมกัน [อีกแล้ว] "ใช่น้องน้อย..พวกเจ้าจะมีน้องกันแล้ว ในจดหมายบอกแค่ว่าอิงปินได้คลอดบุตรสาวแล้ว อาอินไม่ต้องเป็นห่วงทุกอย่างปกติดี" "แค่นี้เองหรือเจ้าคะไม่เห็นจะต้องส่งเป็นจดหมายมาเลย ให้คนมาบอกเองก็ได้ ท่านอ๋องเจ้าคะแล้วเมื่อไหร่เราจะได้กลับอู่ซาน" "อีกสองวันก็กลับ ข้าขอทำงานของฝ่าบาทให้เรียบร้อยก่อนนะ" หยางเล่อมองอดีตชายาอย่างแปลกใจวันนี้นางไม่ได้ปิดกั้นเขา นางดูเป็นตัวของนางเองและดูเป็นธรรมชาติอย่างที่สุด เขาพอใจที่ได้เห็นตัวตนของนางเช่นนี้และอยากให้นางเป็นแบบนี้กับเขาตลอดไป "เจ้าค่ะ" "อะ แฮ่ม!" "มีอะไรอีกหรือ หวั่งซุน" "ท่านอ๋อง กระหม่อมขอประทานอนุญาตเล่นกับท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงสักเล็กน้อยได้ไหมพ่ะย่ะค่ะ" หวั่งซุนเห็นท่านอ๋องกำลังเพลิดเพลินกับการแอบมองอดีตชายา เขาเองก็ไม่อยากจะขัดสักเท่าใดนักแต่หากไม่ทำเขาก็คงพลาดโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับท่านอ๋องน้อยและท่านหญิงน้อยเป็นแน่ "ถามอิงอินดูสิ" หยางเล่อออกความเห็นตามอำเภอใจไม่ได้จึงโยนไปให้แม่ของลูกจัดการเอง ถึงนางจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต มันก็ไม่เกี่ยวกับตัวเขาสักนิด "ตามสบายเถอะท่านพ่อบ้านหวั่ง แต่ระวังตัวด้วยล่ะอาเล่ยอาจจะเล่นหนักมือไปบ้างส่วนอาเอินท่านลองเล่นกับนางแล้วก็จะรู้เอง" อิงอินเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี นางเห็นอาเล่ยเล่นกับท่านอ๋องแล้วก็รู้สึกจุกแทน แม้แต่กับผู้เป็นบิดาอาเล่ยก็ไม่คิดจะออมแรงเลยสำหรับท่านพ่อบ้านนั้นจะเหลือหรือ "อ่าา..ขอรับข้าคิดว่าพอรับมือได้ขอรับ" "อย่ามาโอดครวญทีหลังก็แล้วกัน อาเล่ย อาเอิน ท่านตาผู้นี้อยากจะเล่นกับพวกเจ้า ไม่ต้องออมมือพ่ออนุญาตเอาให้เต็มที่เลย ฮ่า ๆ ๆ ๆ" "เต็มที่ได้หรือขอรับท่านพ่อ ถ้าอย่างนั้นท่านตาเราไปเล่นกัน" หยางเล่ยและหยางเอินเหมือนได้เจอของเล่นชิ้นใหม่ จึงพากันจูงมือของพ่อบ้านหวั่งคนละข้างแล้วลากออกไปเล่นที่ลานหน้าตำหนัก ฮ่า ๆ ๆ ๆ วันนี้ชินอ๋องช่างใช้เสียงหัวเราะได้สิ้นเปลืองดีแท้ "ท่านอ๋องดูมีความสุขเสียจริงนะเจ้าคะ วันว่างเช่นนี้ท่านไม่ไปหานางในดวงใจหรือ" "ข้าก็กำลังเกี้ยวพานางอยู่แต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร เจ้าว่าข้าควรเข้าหานางอย่างไรดี" "ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ" "แล้วหากเป็นเจ้าล่ะอิงอิน เจ้าอยากให้เขาทำอย่างไรเพื่อจะได้ครองหัวใจของเจ้า" หยางเล่อได้โอกาสจึงเลียบเคียงถามเอาคำชี้แนะจากอดีตชายา "เอ่อ..ข้า ถ้าหากเป็นข้าเขาควรเข้าหาและบอกกับข้าอย่างตรงไปตรงมาเพราะข้าไม่ชอบคนอ้อมค้อม หากท่านปล่อยไว้นานไม่ยอมบอกนางสักที ท่านอาจจะเสียโอกาสนั้นก็ได้" อิงอินตอบอย่างที่ใจคิด หากเป็นตัวนางนะหรือก็คงต้องการแบบนี้ เมื่อชอบก็ควรจะบอกถ้าไม่ยอมบอกแล้วเมื่อไหร่จะได้ลงเอยกันเสียที ถึงแม้นางจะเป็นจะเป็นสตรีแต่หากได้มีใจกับใครและถ้ามันไม่ใช่เรื่องผิดบาปนางก็อาจจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็ได้ การจะรอให้บุรุษมาเกี้ยวพานะหรือมันไม่ได้อยู่ในตำราของพี่ปินหรอก และการได้เห็นความรักของพี่ปินเริ่มสุขงอมตั้งแต่แรก นั่นแหละที่ทำให้นางได้คิดถึงเรื่องความรักที่ควรจะเป็น "นั่นสินะ..อิงอินนางในดวงใจของข้าก็คือเจ้า" หยางเล่อตัดสินใจบอกความจริงออกไปตามคำแนะนำของนางเอง "ท่านอ๋อง! จะเป็นข้าได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่เคยพบกัน" "เมื่อห้าปีที่แล้วตรงถนนหน้าตำหนักเก่า ข้าเกือบจะทำให้เจ้าบาดเจ็บ" "เป็นท่านเองหรอกหรือ" อิงอินทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านหลายปีบุรุษที่ควบม้าเกือบจะเหยียบนางก็คือเขา มันเรื่องตลกอะไรกันเนี่ย "อืม.." "แต่เราหย่ากันแล้วนะเจ้าคะ" "ข้าไม่เหลือโอกาสเลยหรือ ข้าทำตามที่เจ้าบอกแล้วเข้าหาตรง ๆ และไม่อ้อมค้อม ให้โอกาสข้าบ้างอิงอินข้าจะเริ่มเกี้ยวพาเจ้า อย่าลืมว่าเจ้าอนุญาตข้าแล้ว" "ท่าน.." อิงอินอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกนางจะว่าให้เขาก็ว่าไม่ได้ ใครจะไปคิดว่านางในดวงใจของเขาก็คือตัวของนางเองเล่า "อิงอิน การแต่งงานของเราข้าได้ทำให้เจ้าเจ็บปวดและทำผิดอย่างไม่น่าให้อภัยที่ละเลยต่อเจ้า ข้า.." เสียงที่ขาดหายไม่ใช่ว่าเขาคิดคำพูดไม่ออกแต่มันถูกปากน้อย ๆ ประกบลงมาปิดกั้นเสียก่อน หยางเล่อแทบจะหงายท้องล้มตึงลงไปเมื่ออดีตภรรยาใจกล้าโถมตัวเข้ามากดจูบเขาแบบม่ให้ตั้งตัว อืมมม..แบบนี้คือนางให้อภัยเขาแล้วใช่ไหม หยางเล่อตอบรับจูบอันไม่ประสาของนางและละเลียดชิมริมฝีปากบางอย่างตั้งใจ อิงอินก็เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วนางเปิดปากรับจูบของเขาอย่างว่าง่าย ความรู้สึกที่ริมฝีปากสัมผัสกันมันดีเช่นนี้เองมันดีกว่าที่นางคิดเอาไว้จริง ๆ จูบที่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้สัมผัส และจูบนี้แค่อยากจะบอกว่านางไม่ได้เกลียดเขานางให้อภัยเขาตั้งนานแล้วและจูบนี้คือความรู้สึกที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจนางเอง มันคือความปรารถนาที่แอบซ่อนเร้นเอาไว้ อิงอินปฏิเสธไม่ได้ว่านางก็แอบเสียใจที่รู้ว่าเขามีนางในดวงใจแล้วและก็อดดีใจไม่ได้เช่นกันที่รู้ความจริงในวันนี้ ดีใจจนเผลอจูบเขาไปแล้ว อืมมม..ก็คง อีกนานกว่าเขาจะปล่อยให้นางได้รับอิสระ 'หยางเล่อข้ามีใจให้ท่านแล้วจริง ๆ นะอดีตสามีของข้า’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD