ใจอ่อน

1192 Words
"อิงอิน เจ้าจะหลบหน้าข้าอีกนานไหม" "......" "ให้ข้าเข้าไปเถอะนะข้าจะไม่กล่าวสิ่งใดและจะไม่ล้อเลียนเจ้าเลย" อิงอินพิงผนังใกล้ ๆ กับประตูคอยเงี่ยหูฟังเสียงของชินอ๋องที่พยายามจะอ้อนวอนและขอให้นางยอมเปิดประตูเสียที ตามปกติเขาจะต้องเข้ามาร่ำลาลูกน้อยก่อนนอนเสมอแต่วันนี้นางไม่สะดวกจริง ๆ นางยังเขินอายต่อเขาอยู่เลย "เด็ก ๆ หลับไปแล้วเจ้าค่ะท่านอ๋องกลับไปนอนเถอะ" "อืม..ฝันดีนะอิงอิน" แค่นี้หยางเล่อก็โล่งใจแล้วที่นางยังพูดกับเขาอยู่ อิงอินเดินกลับไปหาลูกทั้งสองเมื่อแน่ใจว่าท่านอ๋องไปแล้ว นางยังไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเลยจนถึงตอนนี้ ช่างหาญกล้าและน่าอายเสียจริงคิดถึงทีไรใบหน้าก็ร้อนผะผ่าวไปหมด ต่อให้พึงใจเขาแค่ไหนนางก็ไม่สมควรที่จะไปจูบเขาก่อน หากพี่ปินและพี่สาวเหลียนรู้เข้านางคงจะโดนล้อเลียนยันลูกโตแน่ ๆ "ท่านแม่" อาเล่ย/อาเอิน เด็กน้อยทั้งสองกำลังสงสัยว่าทำไมบิดาถึงไม่เข้ามาและทำไมมารดาถึงห้ามไม่ให้ส่งเสียง "จุ๊ ๆ นอนได้แล้ววันนี้แม่ขอนะลูกรัก พรุ่งนี้ค่อยพบท่านพ่อนะ" ใช่แล้วนางจะขอทำใจแค่คืนนี้หลังจากพรุ่งนี้เป็นต้นไปนางจะเผชิญหน้ากับความจริงและมองหน้าเขาอย่างกล้าหาญ ไม่มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวเลยนี่นา "ขอรับ/เจ้าค่ะ" สองแฝดไม่เซ้าซี้มารดาต่างคนก็ต่างล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่ายและพากันหลับไปในที่สุด "เด็กดี" อาเล่ยกับอาเอินว่าง่ายอย่างนี้เสมอไม่เคยต่อต้านและไม่เคยดื้อดึงกับนางเลย อิงอินนั่งมองลูกแฝดด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง ต้องขอบคุณพ่อบ้านหวั่งซุนจริง ๆ ที่เขาลืมให้นางดื่มยาห้ามครรภ์ "เศร้าไปไยสหาย เจ้าถือว่าก้าวผ่านสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในใจมาแล้วอย่าเพิ่งไปกดดันนางสิ" "นั่นสินะข้าคงใจร้อนไป พอรู้ว่านางให้อภัยและอาจจะมีใจให้อยู่บ้าง แต่เหมือนตัวข้าต้องการมากกว่านั้น หึ ๆ" "อ๋องเลว..ตัวข้าเองก็ยิ่งแล้วมีว่าที่ภรรยาถึงสองคนคอยคลอเคลียอยู่ข้างกายทุกค่ำคืน ความรู้สึกนั้นมันทรมานยิ่งกว่าเจ้าเป็นไหน ๆ อ้อ..หยางเล่อม้าเร็วของเราส่งข่าวมาจากแดนเหนือแล้ว งานที่กำลังทำให้ฝ่าบาทคงต้องพักไปก่อน เราจะต้องออกเดินทางในวันพรุ่งนี้แล้วนะ" "แล้วงานหมั้นของเจ้าล่ะ" เขาไม่ได้ห่วงเรื่องงานของฝ่าบาทสักนิดงานพวกนี้จะให้ใครทำให้ก็ได้แต่สหายที่กำลังจะมีงานหมั้นหมายนี่สิ "ไม่ต้องห่วงข้า เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้พบหน้าพวกเขาจะจัดการเองนั่นแหละ ห่วงตัวเจ้าเถอะกำลังจะดีแท้ ๆ แต่ก็ต้องได้จากกันแล้ว พวกโจรหลายกลุ่มรวมตัวกันเจ้าว่ามันผิดปกติหรือไม่ทั้งที่แดนเหนือก็สงบร่มเย็นมานานแสนนาน" "ข้าควรไปบอกให้อิงอินเตรียมตัว" หากไม่บอกกับนางคืนนี้เขาคิดว่านางอาจจะโมโหหรือถึงขั้นโกรธก็ได้ "ไม่ต้องเลยพรุ่งนี้ก็ยังทัน เราออกเดินทางสายหน่อยก็ไม่เป็นไร" และเช้าอันวุ่นวายก็ได้เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นอย่างที่หยางเล่อคิดไว้ อิงอินบ่นให้เขาจนหูชาเรื่องที่ไม่ยอมมาบอกว่าจะต้องกลับอู่ซานในวันนี้ การจัดเตรียมของก็ฉุกละหุกเหลือเกินแม้ว่าสามสาวจะช่วยกันแล้วก็เถอะ ทหารอย่างพวกเขาหรือจะละเอียดลออกับเรื่องเหล่านี้ "เราจะกลับอู่ซานไปหาน้องน้อยกันแล้วใช่ไหมขอรับ" "อืม..อาเล่ยดีใจหรือไม่" "ดีใจขอรับ ลูกคิดถึงป้าปินและท่านพ่อมั่วชงมากเลย" "คิดถึง เจ้าก็เตรียมตัวได้แล้ว" "ลูกเตรียมตัวแล้วขอรับ" หยางเล่ยพูดพร้อมกับชูหน้ากากให้บิดาดู "หึ ๆ ไปกันเถอะแม่กับน้องคงพร้อมแล้วล่ะ" "ขอรับท่านพ่อ" ยามซื่อพวกเราก็เริ่มออกเดินทางกันแล้วและดูเหมือนจะรีบเร่งกว่าปกติไม่ได้เอื่อยเฉื่อยเหมือนตอนขามา รถม้าในขบวนก็มีแค่สามคัน ท่านอ๋องบอกจุดประสงค์ถึงความจำเป็นที่ต้องออกเดินทางอย่างเร่งด่วนในครั้งนี้ให้นางทราบเพียงเล็กน้อย ถึงจะไม่บอกนางก็พอจะเข้าใจสิ่งที่เรียกให้ทหารกลับฐานทัพได้ก็คงจะมีแค่เรื่องเดียวก็คือมีศัตรูรุกราน [ยามซื่อ 09.00-10.59 น.] อิงอินมองออกนอกหน้าต่างรถม้า นางเห็นท่านอ๋องกับบุตรชายควบม้าอยู่ไม่ไกลนัก ครั้งนี้นางสามารถมองคนผู้นี้ได้เต็มตาแล้วเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นแล้วหรือไม่..นางคิดเช่นนั้น "ท่านแม่ลูกอยากจะขี่ม้าบ้างเจ้าค่ะ" "ต้องถามท่านพ่อดู หากไม่ได้เจ้าห้ามงอแงนะเข้าใจไหม" "เข้าใจเจ้าค่ะ" เมื่อถึงเวลาพักม้าและเวลาหยุดพักของคณะเดินทาง เป็นเวลาเดียวที่หยางเล่อจะพาบุตรสาวขี่ม้าเดินเล่นได้ หากจะให้นางขี่ม้าด้วยตอนเดินทางอยู่มันคงจะไม่ไหว มีแค่เวลานี้เท่านั้นที่เขาจะได้เอาใจบุตรสาวตัวน้อย ไม่เหมือนกับอาเล่ยที่ติดหนึบอยู่กับเขาตลอดเวลาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเอาใจกันอีก "อิงอิน เจ้าไม่อยากขี่ม้าบ้างหรือ" "ท่านแม่มาขี่ม้าด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ" "ไม่เป็นไรจ้ะ..ลูกไปกับท่านพ่อเถอะ ท่านอ๋องพาอาเอินไปขี่ม้าก็อย่าให้นานนักล่ะ ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้วนะเจ้าคะ" หยางเล่อพยักหน้าตอบรับพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำกล่าวเตือนของนาง มันไม่ใช่คำบอกรักแต่มันคือคำพูดดาดดื่นที่ภรรยามักจะใช้กับสามีไม่มีผิด แบบนี้จะไม่ให้เขาหัวใจพองโตได้อย่างไร ก่อนจะกลับค่ายแดนเหนือคงจะมีเวลาแค่ช่วงนี้ที่เขาจะได้ใกล้ชิดกับนาง เขาสัญญาว่าจะทำมันให้ดีที่สุด เมื่อเป็นเช่นนั้นตลอดการเดินทางทุกคนก็จะเห็นชินอ๋อง ในอีกรูปลักษณ์หนึ่งคือบุรุษที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นและมีแต่รอยยิ้มแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา บางครั้งพอมองแล้วมันก็ชวนให้น่าขนลุกอยู่ไม่น้อย "ท่านอ๋องไปทำอย่างไร ฮูหยินอิงถึงได้ใจอ่อนเจ้าคะ" "นั่นน่ะสิข้าก็สงสัย ต่อให้นางหายโกรธแต่ไม่ใช่แบบนี้แน่ ๆ ท่านรองแม่ทัพ ท่านรู้อะไรมาบ้างบอกพวกข้ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ" "ฮ่า ๆ ๆ ๆ พวกเจ้าก็ไปถามนางเองสิ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD