เทียบเชิญจากวังหลวง

1790 Words
ครึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ชินอ๋องมาพบเด็ก ๆ ครั้งนั้นและวันนี้ก็เป็นวันที่อิงอินคิดหนักที่สุด เพราะในมือของนางมันคือเทียบเชิญจากวังหลวง นางคิดอยู่แล้วว่ามันจะต้องมาถึงสักวันเมื่อเรื่องราวของอาเล่ยและอาเอินถูกเปิดเผยแต่ว่ามันรวดเร็วเกินไปสำหรับนางและลูก ๆ นางยังไม่ทันจะได้เตรียมใจเลยไหนจะเรื่องพี่ปินที่ยังไม่คลอดอีก ก่อนหน้าที่เทียบเชิญจากวังหลวงจะมาถึงท่านอ๋องได้ส่งข่าวมาบอกกับนางว่าจะเดินทางเข้าเมืองหลวงไปด้วยกัน ฮึ! แค่ได้ยินว่าบิดาจะร่วมเดินทางด้วยเจ้าลูกลิงก็อยู่ไม่เป็นสุขแล้ว ดูสิจะพากันดีใจอะไรนักหนา ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้อิงอินแทบจะขำไม่ออกเมื่อรู้ว่าบุตรชายขอให้พี่มั่วชงสั่งทำหน้ากากให้ พวกเขาเพิ่งเคยเจอกันแค่สองครั้งเองนะ อาเล่ยก็ทำท่าจะลอกเลียนแบบบิดาแทบจะทุกกระเบียดนิ้วแล้ว "พี่เขยหากข้าไม่ไปด้วยจะเป็นอะไรหรือไม่" "ก็ไม่เป็นอะไรนี่หากเจ้าไม่อยากจะไป แต่ถ้าพวกเขากักตัวเด็ก ๆ เอาไว้ล่ะเจ้าจะทำอย่างไร" เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกแต่เขาก็แค่ขู่อิงอินเท่านั้นเอง อิงอินกำลังจะดีใจอยู่แล้วเชียวแต่ก็ต้องหยุดชะงักค้างนางลืมไปได้อย่างไร แม้ว่าท่านอ๋องจะไม่กล้าขัดใจนางแล้วคนที่อยู่ในวังล่ะ ฮองไทเฮาเชียวนะ อดีตแม่สามีที่นางไม่เคยเห็นหน้า "แต่ข้าอดเป็นห่วงพี่ปินไม่ได้นี่เจ้าคะ นางก็ใกล้จะคลอดเต็มทึแล้ว" "ข้าก็อยู่ทั้งคน ไหนจะแม่นมและสาวใช้ที่คนบ้านฮัวจะส่งมาให้อีก เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเดินทางเถอะ" ก่อนจะถึงวันเดินทางหนึ่งวันท่านอ๋องกับท่านรองแม่ทัพก็มาถึงจวนสกุลอิง นางสงสัยจริง ๆ ทำไมถึงได้เห็นท่านรองแม่ทัพ ติดตามตัวท่านอ๋องอยู่ตลอดเวลา แล้วที่ค่ายแดนเหนือใครเป็นคนดูแลให้กัน 'แล้วนางจะไปอยากรู้เรื่องของพวกเขาทำไมเนี่ย' อิงอินเผลอคิดเรื่องของท่านอ๋องกับท่านแม่ทัพไปต่าง ๆ นานา 'พวกเขาคงไม่ใช่บุรุษนิยมตัดแขนเสื้อกระมัง คิก ๆ' ยามซวีสหายทั้งสามกำลังร่ำสุรากันอย่างสนุกสนานนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีเลยทีเดียว เพราะไม่ค่อยจะมีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ระหว่างที่พวกเขากำลังนั่งดวลสุรากันอยู่นั้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นดวลน้ำชากันทันทีเมื่ออาเล่ยกับอาเอินเข้ามาหาและไม่ยอมไปนอน เจ้าแฝดเอาแต่นั่งเฝ้าบิดาไม่ยอมห่างไปไหนแค่นี้ลูก ๆ ของนางก็เริ่มจะดื้อแล้ว หากอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวงนานวันเข้านางคงได้โดนพวกเขาลืมเป็นแน่ อิงอินมองเจ้าแฝดอย่างอ่อนใจก่อนจะหันหลังกลับโดยไม่พูดอะไร [ยามซวี19.00-20.59 น.] "เจ้าพาอาเล่ยกับอาเอินไปส่งนางเถอะ ดูเจ้าแฝดก็คงง่วงนอนอยู่เหมือนกัน" เมื่อเวลาผ่านไปสักพักกงซานก็บอกกับสหายให้พาเด็ก ๆ ไปนอน เพราะหยางเล่อมัวแต่เก็บกำเอาความสุขเข้าตัวที่มีบุตรทั้งสองมานั่งเฝ้า โดยไม่ได้สังเกตดูสีหน้าแม่ของลูกเอาเสียเลย มันน่าทุบสหายคนนี้ให้หายเซ่อจริง ๆ หยางเล่อเพิ่งจะรู้ตัวว่าได้ทำพลาดไป เขามัวแต่ดีใจที่มีลูกทั้งสองมาห้อมล้อมซ้ายขวาจนลืมนึกถึงอิงอิน หากเขาทำให้นางโกรธมันคงจะไม่ดีแน่ นางอาจจะพาลและไม่ให้เขาพาลูกไปเมืองหลวงก็ได้ "มั่วชง" "รู้แล้วน่า" มั่วชงรีบลุกขึ้นไปอุ้มเอาอิงเล่ยแล้วเดินนำหน้าสหายออกไป หึ ๆ กงซานมองตามจนพวกเขาลับสายตาไป รู้สึกสะท้อนในใจอยู่ลึก ๆ สหายทั้งสองต่างก็มีครอบครัวกันแล้ว ถึงครอบครัวของหยางเล่อจะไม่สมบูรณ์แต่เจ้านั่นก็มีบุตรถึงสองคน เขาเริ่มจะอิจฉาสหายขึ้นมาบ้างแล้วสิเนี่ย "เฮ้อ..ข้าอยากแต่งเมีย!" ท่านรองแม่ทัพหนุ่มไม่ได้แค่คิดแต่กลับโพล่งมันออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ "คิก ๆ น่าเห็นใจท่านรองแม่ทัพนะ ความอิจฉาคงจะประทุจนแน่นอก รูปก็งามปานนั้นเหตุใดถึงไม่มีสตรีหมายปองนะ" "ไม่ใช่ว่าไม่มีแต่ช่างเลือกเกินไปต่างหาก เราไปนอนกันได้แล้วพรุ่งนี้จะต้องออกเดินทางแต่เช้า" เหลียนอ้ายจีบปากจีบคอพูดกับน้องสาวแต่สายตากลับมองไปที่บุรุษที่กำลังนอนแผ่หราอยู่ไม่วางตา "พี่อ้ายดูเหมือนเขาจะเมาแล้ว เราจะปล่อยเอาไว้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ" "เดี๋ยวท่านอ๋องกับนายท่านก็มา รีบไปกันเถอะหากมีใครมาเห็นเราแอบมองบุรุษเช่นนี้มันจะดูไม่งาม" "คิก ๆ ท่านพี่น่ะหรือกลัวคนจะมองว่าไม่งาม วันนั้นข้ายังเห็นท่านอ่านตำรานั่นอยู่เลย" "อาอวี่พูดเบา ๆ ได้หรือไม่" เหลียนอ้ายดุน้องสาวที่พลั้งปากพูดสิ่งที่เป็นความลับของนางออกมา หากว่ามีใครมาได้ยินเข้าจะคิดว่านางเป็นสตรีเช่นไรนางก็แค่อยากรู้อยากเห็นเองนะ "ไม่มีใครอยู่แถวนี้เสียหน่อยท่านรองแม่ทัพก็คงจะเมาและหลับไปแล้ว ไปกันเถิดเจ้าค่ะข้าขออ่านตำรานั่นด้วยท่านพี่คงไม่หวงกับข้าใช่หรือไม่เจ้าคะ" "หึ ๆ ๆ สตรีแบบนี้ก็มีด้วยหรือ พวกนางช่าง.." กงซานคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินอะไรเช่นนี้ เขาไม่ได้โกรธเคืองที่ถูกพวกนางนินทาแต่ต่อไปเขาจะเริ่มมองพวกนางใหม่ เขารู้ฐานะของทั้งสองดีว่าเป็นอย่างไรนางกำนัลที่ถูกคัดเลือกให้มาอยู่ที่วังอ๋องไม่ใช่หญิงสาวชาวบ้านธรรมดาแน่ พวกนางต้องเป็นคุณหนูจากตระกูลใดตระกูลหนึ่งนั่นแหละ ส่วนมากจะเป็นฝ่าบาทส่งพวกนางมาให้ชินอ๋องทั้งนั้น แต่โชคร้ายหน่อยที่นางกำนัลหลายคนต้องถูกส่งตัวกลับทั้งที่ยังไม่ได้รับใช้ชินอ๋องเลยสักครั้ง แต่นางกำนัลสองพี่น้องนี้ช่างน่าสนใจ 'ตำรานั่นจะมีอะไรข้างในกันนะ' ฮ่า ๆ ๆ ๆ "เมาแล้วเพี้ยนหรืออย่างไร นั่งหัวเราะอยู่คนเดียวก็ได้" "เปล่า..แค่มีเรื่องให้ขำ เจ้าอุตส่าห์อุ้มลูกไปส่งถึงห้องหอยังได้เดินหน้าหงอยออกมาอีกหรือ" "หากนางดุด่าข้าบ้างก็คงจะดีไม่น้อย แต่นางกลับเงียบไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาสักคำ" "อดทนคือสิ่งที่เจ้าต้องทำ นางอดทนอุ้มท้องมาตั้งหลายเดือนทั้งยังเลี้ยงลูกมาคนเดียวอีกตั้งหลายปี สีหน้าแบบนี้อย่าทำให้นางเห็น นางไม่เห็นใจเจ้าหรอกหากเป็นอาเล่ยกับอาเอินก็ว่าไปอย่าง หึ ๆ" "อืม..ต่อให้นางไม่ยินดียินร้ายข้าก็จะอดทนอย่างน้อยข้าก็ได้เป็นบิดาแล้ว ไปพักผ่อนกันเถอะสหายเราต้องออกเดินทางแต่เช้า อาเล่ยอยากจะขี่ม้า" "แล้วมันเกี่ยวกันอย่างไรหากไปสายจะขี่ม้าไม่ได้หรือ" "สาย ๆ แดดมันร้อน อิงอินจะไม่อนุญาต" "เฮอะ! ที่แท้ก็กลัวเมีย" ยามเหม่า[05.00-06.59 น.] วันเดินทางมันช่างเป็นเช้าที่วุ่นวายที่สุด อาเอินไม่เคยตื่นแต่เช้าเท่านี้มาก่อนเลยเจ้าตัวน้อยถึงได้งอแงอย่างหนัก จนใจจริง ๆ อิงอินก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับบุตรสาวอย่างไรดี นางรู้สึกอับจนหนทางเลยตั้งใจจะไปขอให้ท่านอ๋องเลื่อนการเดินทางออกไปอีก "อาเอินหยุดร้องเถิด เจ้าจะนอนต่อไปอีกก็ได้แม่ไม่กวนเจ้าแล้ว เดี๋ยวแม่จะไปบอกบิดาให้ว่าเจ้ายังไม่อยากจะตื่น" "ท่านพ่อหรือเจ้าคะ? ท่านแม่ลูกตื่นแล้วเจ้าค่ะ" เฮอะ! อะไรกันแค่เอาบิดามาอ้างนางก็ยอมตื่นแล้วหรือมันจะดูง่ายดายเกินไปหรือไม่ ช่างน่าตีเสียจริงลูกคนนี้ แต่กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ทำเอานางเหนื่อย ที่เหลือก็คือการร่ำลาคนท้องและฝากฝังนางให้พี่เขยดูแลให้ดี แค่ที่กล่าวมานี้ก็กินเวลาไปถึงหนึ่งชั่วยามทีเดียว กลับไปเมืองหลวงคราวนี้ที่บ้านอิงมีเดินทางไปด้วยกันแค่สี่คนมีนางกับบุตรอีกสองคนและพี่อ้ายกับพี่อวี่เท่านั้น ส่วนถิงถิงไม่ได้ตามไปด้วยนางขออยู่ช่วยงานอาฝูที่นี่ อิงอินก็ไม่ได้บังคับนางดูออกว่าถิงถิงกำลังมีความรัก ถิงถิงก็ไม่ใช่เด็กแล้วอายุก็พอ ๆ กับนางสมควรแล้วที่จะปล่อยให้มีคู่ครองเสียที แต่ยังเหลือพี่อ้ายและพี่อวี่สองคนนี้มีอายุมากกว่านางสองปีหากทั้งสองจะมีคนรักอิงอินก็ไม่คิดจะขัดแต่สองพี่น้องนั้นกลับไม่ได้สนใจใครนี่สิ ก่อนที่ความคิดของนางจะเตลิดไปไกลกว่านั้นท่านอ๋องก็มาเรียกนางเสียก่อน "อิงอินได้เวลาแล้ว ขึ้นรถม้าเถิด" "อ้อ..เพคะ" "พูดกันธรรมดาก็ได้ เดี๋ยวลูก ๆ จะสับสน" "เจ้าค่ะ" อิงอินตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ก็แอบถอนหายใจเบา ๆ จะให้นางเรียกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละนางหาได้สนใจไม่ เมื่อนางขึ้นรถม้าเรียบร้อยดีแล้วด้วยการช่วยเหลือของชินอ๋องในที่สุดก็ได้เวลาออกเดินทางเสียที เป็นครั้งที่สองในรอบห้าปีที่พวกนางจะได้เดินทางไกล ครั้งก่อนพวกนางถูกคุ้มกันจากสำนักคุ้มภัยฮัวหลงแต่ครั้งนี้กลับแปลกตาไป นางนึกว่าพี่มั่วชงจะส่งคนมาคุ้มกันให้เสียอีกที่ไหนได้เหล่าองครักษ์ในเครื่องแบบมากมาย พวกเขามาได้อย่างไรกัน เมื่อวานนี้นางก็เห็นมีแค่ท่านอ๋องกับสหายนี่นา ช่างทำอะไรอึกทึกครึกโครม ไปแบบเงียบ ๆ ไม่ได้หรืออย่างไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD