กว่าจะได้ที่ดินและสร้างบ้านจนแล้วเสร็จก็นับได้หนี่งเดือนพอดี วันนี้อิงอินจะย้ายของเป็นรอบสุดท้ายเพื่อจะเข้าไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ นางรู้สึกภูมิใจที่ได้มีบ้านเป็นของตัวเองโดยไม่ต้องหวั่นเกรงต่อสิ่งใด ถึงจะไม่ได้มันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของนางเองก็เถอะ ถึงอย่างไรนางก็ได้มันมาด้วยความชอบธรรม ตอนนี้อิงอินได้หารถม้าไว้ใช้สอยแล้วถึงสองคัน กำลังพอเหมาะพอดีสำหรับคนที่บ้านและจะสะดวกในการเดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านอู่ซานกับเมืองอู่ด้วย บ่าวชายของนางทั้งสาม อาฝู อาไห่ และอาหมานได้ขนของรอบสุดท้ายไปก่อนแล้ว ส่วนพวกนางก็ได้รถรถม้าอีกคันไว้ใช้ โดยมีหมอปินเป็นคนขับให้ นางช่างเป็นสตรีสารพัดประโยชน์จริง ๆ
"หมอปินท่านแน่ใจนะว่าขับได้"
"ฮูหยินกลัวหรือเจ้าคะ สบายใจได้ข้าฝึกบังคับรถม้ามาตลอดหนึ่งเดือนเชียวนา ข้าไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอกน่า"
"ข้ากลัวที่ไหน ข้าห่วงอาเล่ยกับอาเอินต่างหาก"
สิ้นคำสนทนาและการโอ้อวดหญิงงามทั้งห้าก็ได้ขึ้นรถม้า และมุ่งหน้าไปสู่หมู่บ้านอู่ซานต่อไป
"โรงหมอสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือหมอปิน" อิงอินเอ่ยถามหมอปินเมื่อนางได้ออกมานั่งเคียงข้างกับคนขับและปล่อยให้สามสาวดูแลเจ้าแฝดไป
"เรียบร้อยทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ ตามที่ฮูหยินต้องการ"
"ไม่ใช่เพื่อข้าหรอกนะ โรงหมอนั่นเป็นของท่านต่างหาก"
“ของข้าหรือเจ้าคะ” ถงปินถามย้ำไปอย่างนั้นแหละ ทั้งที่จริงก็พอจะรู้อยู่ว่าโรงหมอที่สร้างขึ้นมานั้นก็เพื่อนางนั่นเอง
“อืม..ชอบหรือไม่”
"ชอบมากเลย..ขอบคุณฮูหยินอิงเจ้าค่ะ ข้าล่ะขำคุณชายฮัว ที่คิดว่าเราจะไปทำนาจริง ๆ นะ บ่าวชายของเราก็มีไยจะต้องลงมือทำนาเองด้วย ฮิฮิ"
"ระวังเถอะพูดถึงเขาบ่อย ๆ เข้า จะได้ครองคู่โดยไม่รู้ตัว"
"โธ่..เขาชอบท่านไม่ได้ชอบข้าเสียหน่อย" หมอปินคนงาม วัยยี่สิบสามทำหน้าตาใสซื่อเหมือนสาวแรกรุ่นทั้งยังอดขำกับคำพูดของอิงอินไม่ได้ บ่งบอกว่านางไม่เชื่อสิ่งที่อิงอินกล่าวอ้างเลยสักนิด
เพียงสองเค่อการเดินทางของพวกนางก็จบลงที่หมู่บ้านอู่ซาน ต่อจากนี้ไปที่นี่คือบ้านแห่งเดียวของนางกับลูก ๆ และกับทุกคน ไว้ตัวนางพร้อมเมื่อใดนางจะส่งข่าวถึงบิดาเอง อิงอินไม่ได้กังวลเรื่องของบิดาเท่าใดแล้ว พอเด็ก ๆ โตท่านตาก็จะเข้าใจทุกอย่างเองนั่นล่ะ [1เค่อ=15นาที]
รถม้าของพวกนางได้เข้ามาถึงหมู่บ้านแล้วและตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาชาวบ้านต่างก็คุ้นชินกับรถม้าของสกุลอิงเป็นอย่างดี พวกเขาก็แค่หันมามองและหันกลับไปก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ไม่เหมือนครั้งแรกที่อิงอินเข้ามาหาซื้อที่ดินในหมู่บ้านจำนวนหลายร้อยหมู่รวมถึงที่นาหลายแปลง นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขาตะลึงและยังไม่หมดยังมีบ้านหลังใหญ่ที่พวกเขาเรียกว่าจวนได้ถูกสร้างเสร็จภายในหนึ่งเดือนแบบนี้พวกเขาก็เพิ่งจะเคยเห็นมันรวดเร็วเกินไปขนาดบ้านของพวกเขาหลังเล็ก ๆ ยังต้องใช้เวลาถึงสองเดือนกว่าจะแล้วเสร็จ แค่นี้พวกเขาก็รู้แล้วว่าคนที่เพิ่งมาอยู่ใหม่ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ
"ถึงแล้ว ๆ อาเล่ย อาเอิน ถึงบ้านของเราแล้วตื่นได้แล้วลูกแม่" อิงอินปลุกบุตรทั้งสองให้ตื่นขึ้นมาเมื่อถึงบ้านใหม่ เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนที่จะปล่อยให้ลูกน้อยนอนได้อีกครั้ง เด็กน้อยจะได้ไม่ตกใจหากว่าตื่นขึ้นมาผิดที่ผิดกลิ่น
"ฮูหยินขอรับธารน้ำในที่นามีปลาเยอะมากเลยพวกข้าจับมาได้หลายตัว จะให้ทำอย่างไรดีขอรับ" อาฝูเข้ามารายงานเมื่อเห็นเจ้านายเดินทางมาถึง
"ข้าขอเป็นน้ำแกงและนึ่งบ๊วยสักตัวเหลือจากนั้นพวกเจ้าอยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ" ที่นางบอกไปอย่างนั้นเพราะอาหมานบ่าวชายอีกคนทำกับข้าวได้อร่อยกว่าพวกนางเสียอีก นางคงต้องยกตำแหน่งพ่อครัวให้อาหมานได้แล้วล่ะ ส่วนพ่อบ้านคงต้องยกให้อาฝูผู้ที่คอยจัดแจงหลาย ๆ เรื่องให้กับนาง และยังมีอาไห่อีกคนให้เขาเป็นหัวหน้าคนงานก็ไม่เลว คิดได้ดังนั้นอิงอินจึงหารือกับหมอปินและสาว ๆ อีกสามนางแล้วก็เป็นไปตามที่อิงอินต้องการ ส่วนเรื่องจัดหาคนงานคงต้องเป็นหน้าที่ของถิงถิงกับพ่อบ้านฝู และหน้าที่ช่วยนางเลี้ยงดูบุตรแฝดทั้งสองก็ต้องเป็นพี่น้องเหลียนอยู่แล้ว
"ชอบที่นี่ไหมเจ้าคะ" หมอปินถามอิงอินเมื่อพวกนางรับมื้อเย็นเรียบร้อยและพากันมานั่งพักดื่มชาที่ศาลาริมสระบัว ที่พวกเขามองอย่างไรก็ยังไม่เห็นจะมีบัวเลยสักต้น
"ขอบคุณนะหมอปิน หากไม่ได้ท่านชี้แนะหลาย ๆ เรื่องข้าคงจะหาทางออกไม่เจอ ท่านหมอมาเป็นพี่สาวให้ข้าเถิดนะจะได้เป็นท่านป้าให้อาเล่ยกับอาเอินอย่างไรล่ะ" อิงอินคิดอยู่เสมอตั้งแต่นางได้รู้จักกับหมอปิน นางก็มีความรู้สึกเหมือนหมอปินเป็นพี่สาวมาตลอดมันมากกว่าคนรู้จัก นางถึงได้เอ่ยปากให้หมอปินมาอยู่ด้วย เพราะอย่างไรหมอปินก็ไม่ได้มีครอบครัวที่ไหนอยู่แล้ว
"เป็นป้าเลยนะ ไม่แก่ไปหรือ"
"หรือว่าพี่ปินไม่เต็มใจ"
"โธ่..ยิ่งกว่าเต็มใจเสียอีกข้าทำคลอดพวกเขามากับมือ ข้าย่อมยินดีที่ได้เป็นป้าของเจ้าแฝดอยู่แล้ว" ถงปินยิ้มกว้างอย่างมีความสุขเพราะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเด็กกำพร้าอย่างนางจะมีโอกาสได้มีครอบครัวเหมือนกับคนอื่นเขา
สามปีผ่านไปที่โรงหมอหน้าจวนสกุลอิง...
"ท่างป้าอังนี้คือไร ขอยับ มังมีขาอ่า" [ท่านป้า อันนี้คืออะไร ขอรับ มันมีขาน่ะ]
"คิก ๆ อันนี้เขาเรียกโสมคนเอาไว้เป็นส่วนผสมของการปรุงยา อาเล่ยชอบไหมป้าจะสอนเจ้าปรุงยาเผื่อจะได้เป็นท่านหมอน้อยแห่งอู่ซานดีหรือไม่"
"ขอยับ"
"อ๊ะ..จะเป็นท่านหมอต้องหัดพูดให้ชัดเสียก่อนเข้าใจไหม"
"เข้าใจ ขอยับ"
“……….”
"อืม..ยับก็ยับ" หึ ๆ อีกหน่อยนางคงได้ติดคำพูดของอาเล่ย แล้วเผลอเอาไปพูดกับคนไข้เป็นแน่ เฮ้อ...
จวนสกุลอิง...
"ท่านแม่ ท่านพ่ออยู่ไหนเจ้าคะ" อิงเอินตัวน้อยถามมารดาขึ้นมาแบบไม่ให้ผู้เป็นแม่ตั้งตัว ถึงนางจะแค่สามขวบแต่สำเนียงการพูดกลับชัดเจนยิ่งนัก ต่างจากคนพี่ที่ตัวก็โตยิ่งกว่าแต่กลับพูดยังไม่ค่อยชัดเลย
อิงอินสะดุ้งสุดตัว นางเคยคิดว่าสักวันบุตรของนางจะต้องถามหาบิดาแน่แต่ไม่ได้คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้ 'เอาอย่างไรดี' นางยังไม่ได้เตรียมคำพูดใด ๆ ไว้บอกกล่าวกับบุตรทั้งสองเลย
"บิดาของเจ้าเป็นทหารเขาเลยไม่ได้กลับมาบ้าน ทหารต้องอยู่แต่ในค่ายไม่ได้ออกมาง่าย ๆ อาเอินเข้าใจหรือไม่"
"อือ..เข้าใจเจ้าค่ะ เช่นนั้นลูกก็บอกกับสหายได้ว่าท่านพ่อเป็นทหาร ใช่ไหมเจ้าคะ"
"ใช่จ้ะ" หลังจากที่บอกเรื่องของบิดาให้กับบุตรสาวฟังแล้ว อิงอินได้แต่มานั่งทอดถอนหายใจอยู่อยู่ที่ศาลาพัก เฮ้อ..นางไม่ได้พูดปดกับบุตรสาวเลยนะแค่บอกยังไม่หมด เอาไว้อาเล่ยและอาเอิน โตกว่านี้นางจะบอกทุกอย่างกับพวกเขาเอง
"คิดอะไรอยู่หรืออาอิน"
"พี่มั่วชง ท่านมาตั้งแต่เมื่อใด"
"ก็มาทันได้ยินเจ้ากำลังทอดถอนหายใจอยู่นั่นไง"
แล้วอิงอินก็เล่าเรื่องของบุตรสาวให้กับฮัวมั่วชงฟังอย่างคิดไม่ตก บุรุษผู้นี้นางไว้ใจและเชื่อใจเขาประดุจพี่ชายคนหนี่ง หลังจากที่มาคุ้มกันให้กับนางครั้งนั้นฮัวมั่วชงก็คอยแวะเวียนมาที่อู่ซานบ่อยครั้งจนนางคิดว่าเขาคงย้ายมาอยู่ที่เมืองอู่แล้วแน่เลย
"ข้ามีทางออกนะ หากเจ้าเห็นดีเห็นงามกับข้ามันก็จะดีต่อเด็ก ๆ อย่างน้อยพวกเขาจะได้ไม่รู้สึกว่าขาดบิดา" มั่วชงพูดออกมาจากใจจริง บุตรของสหายก็ไม่ต่างอะไรกับบุตรของเขานี่นามั่วชงคิดถึงครั้งแรกที่พบเจออิงอิน มันมีหลายอย่างที่เขานึกสงสัยจึงให้คนไปสืบค้นอย่างละเอียดและได้รู้ว่านางก็คืออดีตหวางเฟยของชินอ๋องนั่นเอง มันทำให้เขาตัดใจจากนางได้ไม่ยากเย็นนักถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้สนใจเขาอยู่ดี อีกทั้งยังมีบางคนคอยกีดกันอยู่ตลอดเวลา ก็ป้าปิน
ของเด็กแฝดนั่นยังไงล่ะ หากมาแล้วไม่ได้เห็นหน้าหรือได้ยินเสียงของนางบ่นให้ก็เหมือนว่าเขามาไม่ถึงอู่ซาน หึ ๆ ๆ
"ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร หากเด็ก ๆ ยินดีที่จะเรียกท่านว่าบิดา"
"แน่นอนอาเล่ยกับอาเอินต้องยินดีอยู่แล้ว" ฮัวมั่วชงยกยิ้มที่มุมปากย่างเจ้าเล่ห์