บทนำ
บทนำ...
บ้านสีขาวหลังใหญ่ ล้อมรั้วด้วยต้นตีนตุ๊กแก พันธุ์ไม้เลื้อยสีเขียวที่ไต่ไปตามกำแพงปูนก่อไว้เป็นฐาน มันเติบโตปกคลุมเนื้อปูนจนมองแทบไม่เห็น ที่เห็นจากสายตาหากมองผ่านๆ คือรั้วต้นไม้สีเขียวครึ้ม ด้านในบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควรทีเดียว มีบ้านสองหลังถูกปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ บ้านสวยหลังนี้เป็นบ้านของคนมีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในย่านนี้ เจ้าของบ้านเคย...มีหน้ามีตา เพราะเป็นคนของหลวง ท่านรับราชการเป็นครู มีอาชีพอันทรงเกียรติ แต่เมื่อหมดวันทำงาน เกษียณอายุตามกำหนด ความนับหน้าถือตาก็ลดหย่อนลง หากเป็นเมื่อสมัยเก่าก่อน มักจะมีลูกศิษย์ ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยม มาหาไม่เคยขาด แต่...คงเป็นเพราะอำนาจบารมีที่เคยมีลดลง...คนเหล่านั้นจึงหายหน้าหายตาไป และนี่เอง...เป็นต้นกำเนิดให้ เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่กับครอบครัว ‘พิศิษรุ่งเรือง’
ทะนง พิศิษรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าครอบครัว ปัจจุบันท่านอายุ63 ปีเต็มทะนงเป็นชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วมนิดๆ สุขภาพแข็งแรงตามอายุ และดูไม่แก่ หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน วันเวลา...ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยทรงภูมิทรุดโทรมลง กาลเวลาทำให้คนที่เคยมีสติ เพราะใช้สมองเป็นส่วนใหญ่คนนั้น...หายไป เมื่อประมุขเฒ่า หลงใหลในอบายมุข เนื่องจากมีเวลาว่างมากเกินไปในหนึ่งวัน ว่างจนต้องการกิจกรรมพิเศษทำ แต่สิ่งที่ทะนงเลือก คือการเดินเข้าสู่...ประตู...นรก!!
ทรัพย์สินที่เคยมี เคยสะสมไว้ในตอนที่รุ่งเรือง เริ่มถูกทยอยออกขาย เพื่อชดใช้หนี้สินที่ท่านสร้าง ใหม่ๆ การเงินก็คล่องดี เมื่อสมบัติมากมีพอให้จับจ่าย แต่เมื่อนานวันเข้า...เงินทองเริ่มร่อยหรอ...ที่นี้แหละ มันจึงเป็นที่มาของปัญหาที่ประเดประดังเข้าใส่...
“มีใครอยู่บ้างโว้ย!!”
เสียงตะโกนดังขรม ร่างสูงใหญ่แต่ค่อนไปทางท้วมยืนโอนไปเอนมา
“มีอะไรให้อิฉันช่วยไหมคะ?” สาวใหญ่อายุ อานามไม่น่าจะไกลจากท่านเท่าไร ถลันเข้ามาถาม เธอพยายามเข้าไปประคอง แต่กลับถูกผลักจนกระเด็น...
รัชนี หล่อนคือสาวใหญ่คนนั้น รัชนีเป็น ‘เมียเก็บ’ ที่ทะนงมีซุกไว้ในบ้าน ตามความนิยมของคนมียศมีตำแหน่ง เพียงแต่รัชนียินยอมเพราะความรักเทิดทูนที่มีต่อทะนง เธอเคยเป็นลูกศิษย์ในวัยเยาว์ แต่ดันแอบหลงรักอาจารย์ใหญ่ที่หล่อเหลาและมีหมาด จนยอมตกเป็นเบี้ยล่าง ยอมแม้จะถูกคนรอบข้างตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรี
“แม่นีเองเรอะ...ฉันหิวน้ำ หาน้ำให้กินหน่อยสิ...” ทะนงหันมายิ้มให้ภรรยาคนรอง หลังเพ่งมองจนแน่ใจ เขาเดินตัวเอียงไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้เหล็กที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ศีรษะของเขาตกห้อยลงมาเพราะหมดแรง
รัชนีถอนใจเบาๆ เธอเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้านเพื่อนำสิ่งที่สามีต้องการมาให้ โดยไม่ผ่านตัวบ้านหลังใหญ่ เมื่อเป็นเขตหวงห้ามสำหรับนาง...
บ้านพิศิษรุ่งเรือง มีทะนงเป็นประมุข ภรรยาออกหน้าออกตาของเขา คือพิไล...อดีตครูสาวเช่นเดียวกัน อาจจะเป็นความวุ่นวายยุ่งเหยิงสักนิด เพราะครอบครัวนี้แตกต่างกับครอบครัวอื่นๆ เมื่อบ้านสองหลังที่ตั้งอยู่ภายในรั้วเดียวกันนั้น ประกอบไปด้วยบ้านใหญ่สีขาว...ซึ่งคือที่พักของทะนงกับพิไล และบ้านอีกหลัง...เป็นบ้านชั้นเดียวสีขาวอีกเช่นกันขนาดบ้านย่อมกว่าบ้านหลังแรก 3 เท่า!! เป็นบ้านของรัชนีกับบุตรสาว...
มันเป็นความโชคดี หรือโชคร้ายก็ไม่แน่ใจนัก พิไลไม่มีบุตร!! หล่อนจึงนำหลานสาวมาอุ้มชู เพื่อจะไม่ทำให้ตัวเองด้อยค่า และเป็นการคานอำนาจเมียรอง เมื่อเป็นถึงภรรยาหลวง แต่กับไม่มีทายาทให้ทะนงอุ้มชู
พิไลลักษณ์คือหลานสาวสุดโปรดที่พิไลเอามาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
วันวาด คือบุตรที่เกิดจากรัชนี และเป็นที่จงชังของพิไล เมื่อสาวน้อยนางนั้นโดดเด่นทั้งหน้าตาและผลการเรียน สร้างความภาคภูมิใจให้กับทะนง ผิดกับพิไลลักษณ์ที่มีโอกาสมากกว่าหลายร้อยเท่า!! แต่ผลการเรียนของหล่อนกลับดิ่งลงเหว ลุ่มๆ ดอนๆ จะตกไม่ตกแหล่ จนกระทั่งพิไลต้องตัดใจ หันมาส่งเสริมพิไลลักษณ์เรื่องอื่น แม้จะขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ เมื่อมันสมองของคนพระเจ้าให้มาไม่เท่ากัน
ความอลหม่าน เกิดขึ้นภายในครอบครัวนี้มานานเกือบ20 ปี...
มันคงอยู่เช่นนี้ไปอีกนาน หากความริษยายังคงอยู่ในหัวใจ ไม่มีครอบครัวไหนหรอกที่จะสงบสุข หากในรั้วบ้านเดียวกัน มีภรรยาน้อย และภรรยาหลวงอาศัยอยู่ด้วยกัน แม้ฝ่ายมาทีหลังจะอ่อนน้อมถ่อมตัว
“คุณพี่!!”
ทะนงสะดุ้งเฮือก เขาขยับตัวนั่งตรงๆ ปรือเปลือกตาขึ้นมองคนที่ยืนจังก้าตรงหน้า
“คุณพิเอง...เสียงดังทำไมหะ แก้วหูจะแตกแล้วเห็นมั้ย” ท่านบ่น ยกมือขยี้เปลือกตา พร้อมกับเหลียวมองหารัชนี “แม่นีไปเอาน้ำถึงไหนนะ ฉันหิวจะแย่”
“หึ!! พอเหยียบเข้ามาในรั้วบ้าน คุณพี่ก็เรียกหาแม่นั่นแล้วเหรอคะ...ดีจริง!!”
เสียงนางกระแทกกระทั้นจนคนฟังระอา สาวใหญ่ยังไม่หมดไฟริษยา เมื่อรู้เต็มอกว่าความรักของสามี ถูกปันให้หญิงอื่น...
“แก่จนปูนนี้แล้ว ยังจะหึงไม่รู้เรื่องอีกรึ? ฉันแค่หิวน้ำ แล้วแม่นีเขาอาสาพอดี”
ทะนงบ่น น้ำเสียงเช่นนี้เขาฟังมานานจนชิน พิไลกลายเป็นคนช่างคิดช่างแค้น หลังจากเขาพารัชนีที่กำลังท้องโย้เขามาอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันเมื่อ20กว่าปีก่อน
“อีนังนั่นก็เหมือนกัน สาระแนดีนัก...”
นางก่นว่าผู้หญิงอีกคนของสามี ความเกลียดชังในหัวใจไม่เคยลดทอนลง มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นตามวันเวลา เมื่อสองแม่ลูกนั่น คือหอกข้างแคร่ของนางที่มองเห็นเต็มตา แต่กลับทำได้แค่...กระแหนะกระแหน
“จะโวยวายทำไมหึคุณพิ!! เราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ คนรองมือรองเท้าให้คุณพิก็มีแต่แม่นีแค่คนเดียว ทำดีกับเขาบ้าง...คงไม่เสียหลายหรอกมั้ง”
มันเหมือนฟาดแส้ลงบนผิวเปลือยเพราะคำย้ำชัดของสามี พิไลตวัดสายตามองสามีแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่ใช่เพราะเขาหรอกเหรอ ชีวิตบั้นปลายของนางจึงได้น่าทุเรศแบบนี้ จากคนมีหน้ามีตามีเงินทองจับจ่ายไม่ขาดมือ กลับต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะหนี้สินล้นพ้นตัว
“มันสมควรทำแล้วนี่คะ ก็เพราะมันอยากทำตัวเป็นแบบนั้นเอง...” นางตอบเสียงขุ่นคลัก สะบัดค้อนให้สามีวัยชราซ้ำ “แล้วนี่หายหัวไปไหนมาอีกคะ หรือว่า...” นางรีบถามเสียงหลง หวังลึกๆ ในใจว่าสามีจะไม่ออกไปสร้างหนี้เพิ่ม
“โธ่! ฉันจะไปไหนได้ล่ะคุณพิ นอกจาก...” ทะนงตอบเสียงสลด เขาไม่มีที่ไป จะไปวัดเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน ใจมันก็ร้อนรุ่มเกินจะทนนั่งสนทนาธรรมกับคนอื่นได้ เมื่อหลงใหลอบายมุขเข้าเสียแล้ว ทะนงรู้สึกว่าตัวเองมีค่า เมื่อยังมีคนให้ความสนใจนับถือ แค่เดินผ่านประตูเข้าไป...ก็มีแต่คนยกมือไหว้
“ได้...หรือเสียล่ะคะวันนี้?” นางถามกลับเสียงสั่นลุ้นระทึกขอให้สามีไม่ผลาญสตางค์อีก สมบัติเก่าที่สะสมไว้ถูกเทขายจนหมด เวลานี้ที่มีไว้ประดับตัวก็แค่ของปลอม...เงินรายได้ที่พอจะมีซื้อข้าวซื้อน้ำภายในครัวเรือน ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของวันวาด เพราะหากหวังพึ่งพาพิไลลักษณ์คงได้แทะก้อนเกลือกิน เมื่อหลานสาวแท้ๆ ของนาง ใช้จ่ายแบบคนจมไม่ลง ทำตัวอวดรวยเหมือนเดิม จนเงินเดือนแทบไม่พอยาไส้
“ถ้าฉันได้...ฉันจะกลับมาตัวเปล่าเรอะ!!”
ชายสูงวัยตอบเสียงกระแทกกระทั้น เสียครั้งนี้ไม่ได้เสียแค่เงินที่หยิบยืมคนรู้จักไปเป็นทุน ยังเป็นหนี้ก้อนใหญ่กับเจ้าของบ่อนด้วยเสียอีก เขากำลังกลุ้มใจ!! เมื่อคิดจนศีรษะจะแตกยังหาวิธีหาเงินก้อนใหญ่ไม่ได้ และเมื่อเหลียวมองในบ้านก็ไม่รู้จะหาอะไรในบ้านไปขายอีก สมบัติมากมีมลายหายไปก่อนหน้านั้นแล้ว...แต่เพื่อหาเงินก้อนนั้น เอาไปคืนเจ้าหนี้รายใหม่ ที่ใครๆ ก็เล่าขาน ผู้ชายคนนั้น เหี้ยมเกรียมกว่าพญามัจจุราช
“แสดงว่าเสีย...หึ!! คราวนี้คงได้เฉือนเนื้อเอาไปขาย เพราะต้องวิ่งวุ่นหาเงินใช้หนี้อีกนาน”