ตอนที่ 1
ฉันเบรกจักรยานที่หน้าโรงเรียนซึ่งไม่ได้มานานเกือบสี่ปี ก่อนจะเข็นเข้าไปด้านในแทน และทันทีที่เท้าของฉันเหยียบย่ำลงที่เขตโรงเรียน สายตาของนักเรียนทุกคนก็หันมาราวกับนัดหมาย ทั้งหมดมองฉันแล้วก็หันไปซุบซิบกันเอง ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ต่างหน้าแดงเวลามองฉันกันทั้งนั้น
“มองอะไร -_-“
ฉันหันไปถามกลุ่มเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง พอพวกเธอได้ยินฉันพูดด้วยก็พากันวี้ดว้ายกระตู้วู้อย่างน่ารำคาญ มันน่าฟาดด้วยไม้เบสบอลจริงๆ ยัยพวกนี้ -_-*
“รุ่นพี่สโนว์ไวท์ใช่มั้ยคะ >///////////////<”
ไอ้หมอนี่มันใครอีกล่ะเนี่ย -*-!
ฉันปรายตามองผู้ชายคนหนึ่งที่ถือกล้องเข้ามาด้วยสายตาฟาดฟัน ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้วเข็นจักรยานเดินต่อไป ฉันไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นักร้อง หรืออะไรก็ตามที่ต้องมีแฟนคลับมาคอยขอถ่ายรูป ฉันเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดาๆ เพราะฉะนั้น...อย่ามายุ่งกับฉันจะได้มั้ย -_-
“ถ้าจำไม่ผิด ชมรมเบสบอลจะรับสมัครสมาชิกเฉพาะช่วงเช้า เหลืออีกสิบห้านาที! ต้องรีบแล้ว”
ฉันรีบเข็นจักรยานไปจอดไว้ที่โซนจอดจักรยานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ แล้วโรงยิมมันไปทางไหนกันนะ ให้ตายสิ! ฉันลืมไปแล้ว!
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ ^^”
“ขอถามทางไปโรง...”
“!!!”
“.....”
เหมือนเวลาของโลกใบนี้ได้หยุดหมุนไป ฉันยืนเบิกตากว้างมองผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ เขาเองก็มองฉันอย่างตกใจไม่แพ้กัน
ผมสีน้ำตาลเกรียมแดดที่ยุ่งเหยิงเหมือนไม่เคยแตะหวีมาก่อน แต่ก็ไม่น่าเกลียดสักนิดเมื่อมันอยู่บนใบหน้าของเขา นัยน์ตาสดใสรับกับจมูกเรียวโด่ง ริมฝีปากบางเฉียบสีชมพูอ่อน ที่เวลายิ้มแต่ละครั้งก็จะทำให้คนมองใจเต้นอยู่ร่ำไป...
“สโนว์...”
เขาเอ่ยชื่อฉันด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว เบาจนฉันแทบจะไม่ได้ยิน...
“นายรู้จักฉันด้วยเหรอ“
ฉันเลิกมองเขาแล้วออกเดินไปทางสนามฟุตบอลที่อยู่ข้างหลัง โดยมีเขาเดินตามมาติดๆ นี่ฝันร้ายกลายเป็นจริงทันทีเลยเหรอเนี่ย!
“อะไรกัน จำฉันไม่ได้เหรอ ^^”
“นายเป็นใคร -_-“
ฉันโต้กลับทันควัน และเร่งฝีเท้าตัวเองให้เร็วขึ้น แต่เขาก็ยังตามทัน ใบหน้าทะเล้นซุกซนโผล่มาขวางทางฉันเอาไว้
“จะไปไหนเหรอ~”
“เรื่องของฉัน -_-“
ฉันเดินเบี่ยงไปอีกทาง แต่เขาก็ยังตามมาขวางไว้เหมือนเดิม ไอ้หมอนี่ -_-*
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอกฉันเลย ^^”
“ทำไมฉันต้องบอกนาย นายเป็นใครฉันยังไม่รู้จักเลย”
ฉันเบี่ยงตัวไปอีกฝั่ง ถ้าตามมาขวางอีกคราวนี้เจอลูกเตะแน่ -_-*
หมับ!
เขาคว้าหมับที่ข้อมือข้างหนึ่งของฉันพร้อมกับพูดอย่างรู้ทันอีกว่าฉันคิดจะทำอะไร -*-
“ฉันไม่เดินไปขวางเธออีกครั้งเพื่อให้เธอเตะได้หรอกนะ ^^”
“ปล่อยฉัน!”
ฉันพยายามบิดข้อมือออกจากการเกาะกุมของเขา แต่ก็ไม่เป็นผล
“จะไปชมรมเบสบอลใช่มั้ย”
“มันเรื่องของฉัน ปล่อย!”
“ถ้าเธอไม่ยอมให้ฉันช่วย ระวังไปสมัครไม่ทันนะ ^^”
ฉันมองเขาอย่างเคียดแค้น ทั้งที่เขาคือคนที่ฉันไม่อยากเจอที่สุดแท้ๆ แต่กลับได้เจอตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเรียน! แถมเขายังไสหน้าทะเล้นๆ ของตัวเองมาช่วยเหลือฉันอีก ให้ตายสิ! ซวยกว่านี้มีอีกมั้ย
“โรงยิมไปทางไหน -_-“
ฉันยอมเอ่ยปากขอความช่วยเหลือในที่สุด อีกสิบนาทีก็จะหมดเวลาในการสมัครเข้าชมรมแล้ว เสียฟอร์มสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง T^T
“ก็แค่นี้ ดื้อไม่เปลี่ยนเลยนะ ^^”
“อย่ามาใช้คำว่าไม่เปลี่ยนกับฉัน เพราะฉันไม่รู้จักนาย -_-!”
นี่ฉันกำลังโมโหเขาอยู่นะ ฉันกำลังโมโห! ทำไมเขาถึงได้ทำเหมือนว่าฉันกำลังยืนคุยกับเขาอย่างสนุกสนานเลยล่ะ หน้าบึ้งน่ะทำเป็นมั้ย!
“งั้น...ใช้คำว่าเหมือนเดิมก็ได้ ^^”
“เหมือนเดิมก็ไม่ได้!”
ฉันตวาดลั่น พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดให้แน่นที่สุดเพื่อระงับอารมณ์อยากฆ่าคน แต่เขาก็หัวเราะอย่างสบายอกสบายใจแล้วจับมือพาฉันไปที่ไหนสักที่
ก็น่าจะเป็นโรงยิมนั่นแหละ =__=
“ปล่อยมือฉัน ฉันเดินเองได้ -_-“
“เมื่อก่อนก็จับแบบนี้นี่นา~”
“นี่นาย!”
“บีไอครับ ^^”
“ฉันไม่ได้ถามชื่อ -_-*!”
ฉันอยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ ผู้ชายคนนี้เคยฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้างหรือเปล่า เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ไม่เปลี่ยนเลย!
มะ...ไม่เปลี่ยนเหรอ บ้าหรือไง! ฉันไม่ได้รู้จักหมอนี่สักหน่อย ฉันไม่เคยรู้จักเขา!
“คิดถึงเมื่อก่อนเนอะ เราสองคนจะเดินจับมือกันไปที่ห้องชมรมทุกวัน รู้มั้ย...ตอนนั้นมีแต่คนอิจฉาคู่เรามากเลยนะ ^^”
“นายจำผิดคนหรือเปล่า ฉันกับนายไม่เคยรู้จักกัน“
ฉันสวนกลับ ตอนนี้สายตาของฉันจดจ้องอยู่ที่มือของฉันซึ่งถูกเขากุมเอาไว้แน่นเท่านั้น ทำยังไงถึงจะหลุดออกมาได้ล่ะเนี่ย หรือต้องตัดมือทิ้งซะ มือใครล่ะ? ก็ต้องมือหมอนั่นสิ! มือฉันมีค่ามากเกินกว่าที่จะต้องโดนตัดทิ้งเพราะคนพรรค์นี้!
“งั้นเหรอ แล้วเธอชื่อสโนว์ไวท์หรือเปล่าล่ะ ถ้าใช่...ก็ไม่ผิดคนหรอก”
“นี่นาย!”
“บีไอครับ ^^”
ฉันไม่ได้ถามชื่อ (โว้ยยย!)
“คงแค่คนชื่อเหมือนกัน”
“หน้าตาก็เหมือนนะ”
“บนโลกนี้คนหน้าตาเหมือนกันเยอะแยะ!”
จะเอาชนะให้ได้เลยใช่มั้ยหมอนี่ ได้...เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับสโนว์ไวท์ แบบนี้มันก็ต้องเจอกันสักตั้ง! ฉันไม่มีทางยอมแพ้คนอย่างนายแน่นอน
“ตา หู จมูก ปาก เหมือนหมดเลยนะ”
“ก็บอกแล้วไงเล่าว่าแค่หน้าเหมือน!”
เด็กในโรงเรียนนี้ก็เหมือนกัน จะมองอะไรกันนักหนา! ไม่เคยเห็นคนเดินจับมือกันไปโรงยิมหรือไง มองจนตาจะถลนออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว!
“แต่...ความรู้สึกทุกครั้งที่ได้จับมือกันก็เหมือนนะ ใจเต้นแรงมากเลย ^^”
“!!!”
ฉันหยุดเดิน ทำให้เขาต้องหยุดเดินไปด้วย บีไอหันมามองฉันอย่างงงๆ เขายังเหมือนเดิม...เหมือนเดิมจริงๆ
“ฉันจำได้แล้วว่าโรงยิมไปทางไหน”
แรงเฮือกสุดท้ายถูกฉันดึงเอามาใช้ เพื่อสะบัดมือออกจากมือของเขา และมันก็...สำเร็จ ฉันโค้งให้เขาเล็กน้อยเป็นการขอบคุณก่อนจะออกตัวเดินต่อไปเอง
“นายมันทำตัวเป็นเจ้าของโลกเหมือนเดิมจริงๆ”
ฉันพึมพำเบาๆ ขอแค่ได้พูดในสิ่งที่ตัวเองคิด คนที่ฟังจะรู้สึกยังไง คิดเห็นยังไง เขาก็ไม่แคร์ทั้งนั้น แค่ได้ทำตามใจตัวเองก็เป็นพอ
นี่แหละหมอนั่น...ไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่ฉันไม่อยากเจออีกเลยตลอดชีวิต!
ในที่สุดฉันก็มาถึงโรงยิมทันเวลาแบบเฉียดฉิว ดูเหมือนว่าโรงยิมจะใหม่ขึ้นเยอะ สงสัยคงมีการซ่อมแซมหลังจากฉันไปญี่ปุ่น แต่ก็ดี เพราะโรงยิมเป็นที่ที่ฉันชอบมาเวลามีเรื่องไม่สบายใจ การที่มันยังสะอาดเหมือนใหม่อยู่แบบนี้ก็เท่ากับว่าความทรงจำดีๆ ของฉันยังพอมีเหลืออยู่บ้าง
แอด...
ฉันเปิดประตูที่ใหญ่มากและแสนหนักของโรงยิมก่อนจะเดินเข้าไป เสียงคุยเจื้อยแจ้วดังก้องไปทั่ว คงเป็นพวกนักเบสบอลนั่นแหละ ส่วนใหญ่นักเบสบอลของโรงเรียนมักจะมาสุมหัวกันที่โรงยิมมากกว่าห้องชมรม เพราะโรงยิมที่นี่ติดแอร์ =__=;; และจะเปิดรับสมาชิกเฉพาะตอนเช้าก่อนเข้าเรียนเท่านั้น เป็นกฎที่รุ่นพี่ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งทีมเบสบอลของโรงเรียนตั้งขึ้น และก็ได้รับการสืบทอดสานต่อจากรุ่นน้องรุ่นต่อๆ มา
ทันทีที่เดินเข้าไป คนที่ฉันเพิ่งจะสลัดมือหลุดมาได้เมื่อกี้ก็เสนอหน้าเข้ามาก่อนเป็นคนแรก หมอนี่เป็นผีหรือไง! ฉันเดินมาก่อนแท้ๆ แต่เขากลับถึงก่อนแบบนี้!
“มาสมัครเข้าชมรมเหรอครับ ^^”
“อืม...”
“เชิญทางนี้ ^^”
บีไอผายมือไปที่โต๊ะรับสมัครก่อนจะปัดมือไล่นักเบสบอลที่นั่งอยู่แถวนั้นให้ออกไป หมอนี่กลายเป็นหัวหน้าชมรมเบสบอลแล้วสินะ -*- ความซวยของฉันมันไม่หมดลงง่ายๆ จริงๆ ด้วย!
“สวัสดี ฉันบีไอ เป็นหัวหน้าชมรมเบสบอลทั้งหญิงและชาย เป็นโค้ชด้วย ^^”
“ฉันไม่ได้ถาม -_-“
“กวนแบบนี้ไม่ให้เข้าเลยดีมั้ย ^^”
“นี่นาย!”
“บีไอครับ ^^”
ฉันจะพยายามนับหนึ่งถึงร้อยทุกครั้งที่คุยกับหมอนี่ก็แล้วกัน เพราะถ้าฉันไม่ทำแบบนั้น แน่นอนเลยว่าเขาต้องถูกฉันเอาทุกสิ่งที่อยู่ใกล้มือขว้างใส่จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งแน่ๆ!
“เอาเถอะ ฉันจะมาสมัคร...”
“ชมรมเบสบอลหญิงสินะ แบตเตอร์ขาดไปคนหนึ่งพอดี”
“สมัครเป็นผู้จัดการทีม -_-“
“หา?”
เขาร้องเสียงหลง มองฉันด้วยแววตางุนงงปนสงสัย พอๆ กับสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณรอบๆ และได้ยินคำตอบของฉัน
“ทำไม...หรือฉันสมัครไม่ได้”
“สะ...สมัครได้ แต่ผู้จัดการของทีมเบสบอลหญิงมีแล้ว ขาดก็แต่ของทีมเบสบอลชาย เธอจะสมัครมั้ยล่ะ”
นั่นไง! ความซวยของฉันยังไม่หมดจริงๆ แต่จะทำไงได้ ในเมื่อฉันไม่สามารถเล่นเบสบอลได้อีกแล้ว ทางเดียวที่ฉันจะได้อยู่ข้างๆ เบสบอลต่อไปก็คือเป็นผู้จัดการ เอาก็เอา! เป็นไงเป็นกัน
“ตกลง เริ่มเย็นนี้เลย“
ฉันตอบสั้นๆ ก่อนจะก้มลงเซ็นใบสมัครแล้วเดินออกจากโรงยิม พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นนักเรียนทั้งชายและหญิงมากมายยืนออกันอยู่ที่หน้าโรงยิม สายตาทุกคนจับจ้องมาที่ฉันเหมือนฉันเป็นตัวประหลาด นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันล่ะเนี่ย -_-!
“(-_- )”
ฉันมองไปทางนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่งที่กำลังมองมาทางฉันด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะสะดุดตากับเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง หน้าตาเหมือนตุ๊กตาไม่มีผิด ละ...แล้วฉันเดินตรงมาหายัยเด็กนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ซวยล่ะสิ...จะพูดอะไรดี
“กำไลข้อมือสวยดีนะ -_-“
นะ...นี่ฉันพูดอะไรออกไป -*- แต่เอาเถอะ ดีกว่าเดินเข้ามาหาโดยไม่มีเหตุผลก็ละกัน ถึงจะยังงงๆ ว่าทำไมต้องสนใจยัยเด็กคนนี้เป็นพิเศษก็เหอะ
“เอ่อ...ขะ...ขอบคุณค่ะ”
เธอตอบกลับ ฉันมองเธอนิ่งๆ อยู่ประมาณสามวินาทีได้ก่อนจะเดินแยกออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วนี่นา ขนาดเดินเข้าไปตอนไหนฉันยังไม่รู้ตัวเลย นี่สติสตังมันหายไปไหนหมด กลับมาได้แล้วววว TOT!
ตลอดทางเดินมาห้องเรียนมีแต่คนมองมาที่ฉันและหันไปซุบซิบกัน บางคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารัวถ่ายรูปฉันกันยกใหญ่ ฉันไม่ใช่พวกความอดทนสูงนะ ทำเหมือนฉันเป็นหมีแพนด้ามาเรียนหนังสือไปได้! ที่ตัวฉันก็ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากเด็กคนอื่นเสียหน่อย
“สโนว์! ไอ้สโนว์!”
เสียงนี้มัน...คุ้นๆ
หมับ!
“จะกลับมาทำไมไม่โทรบอกกันก่อนวะ!”
เจ้าของเสียงหรือ “ซีคอน” เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ฉันมีอยู่ตั้งแต่ตอนเด็กๆ พูดอย่างดีใจพร้อมกับกอดฉันไว้แน่น ตะ...ตัวมันใหญ่กว่าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ไอ้...ไอ้ซีคอน นี่แก...สูงกว่าฉันได้ยังไง -*-“
“นี่คือคำทักทายของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบสี่ปีเหรอวะ =___=;;”
ซีคอนถามหน้าเจื่อน ก่อนจะเลื่อนมือมากอดคอฉันแทนแล้วพากันเดินต่อไป มันสูงชะลูดจนฉันอดตกใจไม่ได้จริงๆ หรือช่วงเวลาที่ฉันไม่อยู่ ไอ้ซีคอนมันแอบต่อกระดูกเพิ่มความสูง -*-
“แกอยู่ห้องเดียวกับฉันเหมือนเดิมนะเว้ย ดีใจมั้ย”
“งั้นเหรอ นี่ฉันต้องทนเรียนกับแกอีกสองปีเลยเหรอเนี่ย -_-“
“อ้าว พูดงี้เปิดเวทีมวยกันเลยมั้ยไอ้คุณเพื่อน =_=!”
“หึ...”
ฉันหัวเราะเบาๆ ในความต๊องไม่เปลี่ยนแปลงของเพื่อนซี้ นอกจากจะสูงขึ้นและหุ่นแมนขึ้นแล้ว หมอนี่ยังหล่อขึ้นอีกต่างหาก นับว่าเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เพราะเมื่อก่อนซีคอนจะเตี้ยกว่าฉันเกือบเท่าตัว ผอมบางและใส่แว่นเหมือนเด็กเนิร์ด ท่าทางติ๋มๆ คอยเดินตามหลังฉันตลอดเพราะขาสั้น ฉันเคยนึกว่ามันหยุดโตตั้งแต่ชั้นประถมซะด้วยซ้ำ ไปไหนมาไหนด้วยกันมีแต่คนคิดว่าหมอนี่เป็นน้องชายของฉัน -*-
“ฉันดีใจจังที่แกกลับมา จะได้มีคนคอยปกป้องฉันเหมือนเมื่อก่อนด้วย”
“แกเป็นเด็กสามขวบหรือไง -*- โตเป็นควายแถมยังตัวใหญ่กว่าฉันตั้งเยอะ ยังจะมาหวังให้ฉันปกป้องอะไรอีก -*-“
ตั้งแต่เกิดจนถึงตอน ม.1 ฉันก็ต้องคอยตามดูแลหมอนี่ต้อยๆ ราวกับเป็นพี่เลี้ยงมัน ด้วยความที่มันตัวเล็กและและท่าทางเรียบร้อยกว่าเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกันทั่วไปเลยตกเป็นเป้านิ่งน่าแกล้งของพวกนั้น พ่อกับแม่มันเลยมาขอให้ฉันช่วยดูแลมันให้ที เพราะเหตุนี้ไอ้ซีคอนเลยติดฉันแจอย่างกับเป็นน้องชายมากกว่าเพื่อนสนิท วันแรกที่มันรู้ว่าฉันจะต้องไปญี่ปุ่น ซีคอนเอาแต่หมกตัวร้องไห้อยู่ในห้องไม่ยอมพูดยอมจากับใคร ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน กว่าจะอธิบายให้มันเข้าใจได้ก็เกือบตาย และพอฉันไปญี่ปุ่น ฉันก็เลือกที่จะไม่ติดต่อกับมันอีก ไม่อย่างนั้นซีคอนก็คงไม่ยอมโตสักที
“แกไม่ต้องปกป้องฉันก็ได้ เพราะตอนนี้ฉันจะปกป้องแกเอง ดีมั้ยวะ”
“ทำให้ได้อย่างที่พูดละกัน”
ฉันยีหัวมันอย่างมันเขี้ยว แต่เป็นการเล่นหัวกันที่ลำบากที่สุด เมื่อก่อนมันเตี้ยกว่าฉันเลยยีหัวมันได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้มันสูงกว่าฉันเป็นสิบเซ็นต์ จะยีหัวมันแต่ละทีเลยต้องเขย่งสุดปลายเท้า ทรมานคนเตี้ยจริงๆ =___=;;