น้องภาวีโตขึ้นเรื่อยๆ มินตราก็มาเยี่ยมคุยกับพริกไทยบ่อยๆ พริกมีเพื่อนเก่าๆมาเยี่ยมมากมายขึ้นเพราะมินตรา
มินตราขอให้ฝากงานน้องชายน้องสาวของเธอสองคนเข้าไปในบริษัทของปองปัญญ์ ปองปัญญ์ก็พยักหน้าหงึกๆและโยนให้แนฟสัมภาษณ์ไป
น้องสาวของมินตราได้เป็นฝ่ายออกแบบโฆษณา น้องชายของมินตราเป็นได้แค่ยามประจำบริษัทเพราะเรียนมาน้อยมาก สัมภาษณ์อะไรก็ไม่ผ่านซักอย่าง สุดท้ายเลยไปจบลงที่ยามของบริษัทเท่านั้น
น่าแปลกที่ตาปองเหมือนนกรู้ทุกครั้งที่มินตรามาที่ห้อง จะมีกับข้าวมาส่งให้ทุกครั้ง จนพริกไทยน้อยใจขึ้นมา เพราะว่าปกติเธออยู่ที่บ้านก็ไม่มีอาหารมาส่งเลยซักครั้ง พริกไทยไม่กล้าคิดอะไรมาก แต่มันแปลกมากจริงๆ เธอคิดไปเองว่ามินตราคงจะบอกน้องสาวเอาไว้ว่าจะมาที่บ้านของเธอแน่ๆเลย
“ฮึ่มตาปองนะตาปอง เอาใจแขกเอาหน้าทุกครั้งเลย พอเมียอยู่บ้านคนเดียวให้ทำกับข้าวเอง ไอ้บ้าปอง”
พริกไทยด่าปองออกไปแบบโมโหมาก ก่อนที่จะพบว่าพักนี้เธอทำของหายบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นพวงกุญแจหลุยส์หรือล็อกเกตที่ถ่ายรูปคู่กับปองปัญญ์ เธอคงสะเพร่าจนลืมไปหมดแล้วว่าวางอะไรที่ตอนไหน มีลูกเล็กเธอนอนไม่ค่อยอิ่ม เลยเบลอๆไปแล้วในตอนนี้
กำลังคิดอะไรเพลินๆ แม่ผัวของเธอก็มาเยี่ยม มินตราเร่งรีบไปสวัสดีแต่แม่ปราณีก็ทำหน้าแปลกๆและไม่ค่อยพูดจาดีเท่าไหร่ พริกไทยเลยคิดว่าแม่สามีของเธอคงไม่ชอบให้มีเพื่อนของเธอมาที่บ้าน เลยขอให้มินตรากลับไปก่อน มินตราทำหน้าแหยขึ้นมา ก่อนที่คุณแม่ปราณีจะยิ้มหน้าบานขึ้นมา ที่หลานตัวน้อยๆเป่าน้ำลายเป็นฟองแล้ว
“ว๊าย ฝนตกแล้วหรือลูก เป่าน้ำลายถุยใส่ย่าทำไม ซนจริงๆเลยน้องภาวี ภาวีจ๋า ภาวีของย่า โอ๊ะน่ารักจริงๆ”
แม่ปราณีเห่อหลานมากจนเล่นกับหลานไปทั้งวัน พริกไทยเลยขอแม่ออกไปตลาดและออกไปห้างซื้อของใช้เข้ามาด้วย ระหว่างทางก็มีสายโทรเข้ามาตลอดทาง
“อยู่ไหนแล้วนะพริก ”
“อยู่ตลาด ”
“อ้าว ไปทำไมอีกล่ะพริก ปองสั่งของไปตั้งเยอะแยะไม่พอให้เพื่อนกินแล้วหรือไง ”
“เปล่า พริกทำกับข้าวเผื่อแม่กับพ่อของปองด้วย วันนี้แม่จะพาหลานไปบ้านด้วย”
“อรืม งั้นพริกไปด้วยเลยนะ ปองจะตามไปบ้านแม่เอง มันใกล้กว่าที่บ้านเราเยอะ ”
“อรืม เดี๋ยวพริกจะรีบทำกับข้าวแล้วห่อไป ”
”อรืม ห่อไปทั้งหม้อเลยนะ ไม่ต้องใส่ถุงพลาสติกหรอกลดคาร์บอน “
“อรืม ”
แล้วพริกไทยก็เร่งรีบชอปปิ้ง วิ่งหัวฟูไปจ่ายตลาดและเดินห้างแบบรีบๆ ต่อแถวมาได้ก็เร่งโบกแท็กซี่ไป เพราะปองปัญญ์นั้นเอารถไปทำงานด้วย พริกไทยมาถึงห้องก็เร่งแยกของออกมาจากในถุง แม่ปราณีหัวเราะเบาๆขึ้นมาแล้วบอกเธอเบาๆ
“ไม่ต้องรีบหรอกลูก หนูทำกับข้าวกินก่อน เรากินข้าวกันก่อน ค่อยมาเก็บของแล้วห่อข้าวไปให้คนอื่นกิน เราลูกอ่อนจะรีบไปทำไม ถ้าไม่สบายไปเดี๋ยวใครจะเลี้ยงตาหนูล่ะ ”
“ค่ะแม่ งั้นพริกไปทำกับข้าวก่อนนะคะ ”
พริกไทยเร่งทอดไก่แล้วก็ทำน้ำแกงหมูสับกับฟักทองขึ้นมาชามหนึ่ง ก่อนจะยกมาให้แม่สามีของเธอแล้วกินกันสองคน โดยมีเสียงเป่าน้ำลายของน้องภาวีดังขึ้นมาฟู่ๆ ฟู่
”เดี๋ยวเราหน่ะเอาของใช้ของตาหนูไปให้ครบ แม่อยากให้อยู่นานหน่อย เอาเสื้อผ้าเรากับตาปองไปด้วยเลย ขนไปเยอะๆเลย แบบย้ายบ้านหน่ะ ทำเป็นไหม “
แม่ปราณีสั่งแปลกๆ พริกไทยก็งงๆ ก่อนที่จะมีแนฟมาช่วยขนของลงไป แล้วก็มีคุณพ่อมาขอเข้าห้องน้ำอีกครั้ง
”เดี๋ยวพ่อปิดประตูให้เราไปกันก่อนเลย “
พริกไทยงงๆขึ้นมา แล้วก็โดนดันขึ้นไปบนรถตู้นุ่มๆของแนฟ เธอหลับไปในทันทีที่เจอแอร์เย็นๆจากในรถ มีเสียงคุยกันเบาๆ ก่อนที่รถจะขับไปอย่างยาวนาน พอทุกคนลงไปแล้ว เสียงของปองปัญญ์ก็ดังขึ้นมา
”ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่ครับ คุณแม่พริก “
พริกไทยลืมตาขึ้นมาที่หน้าบ้านสุดหรู ที่มีสนามหญ้าสีเขียว มีของเล่นเด็กที่หน้าบ้าน พริกไทยร้องไห้ขึ้นมาในทันที
”โฮ ปอง บ้านนี้สวยมากเลย สวยมากๆเลย “
”ฮ่า ฮ่า ติดหนี้จร้า ติดหนี้อีกแล้ว อย่าชมเยอะ “
ปองปัญญ์หัวเราะขึ้นมา แล้วบอกว่าคุณพ่อจะคุมคนขนของมาให้เอง คนมาช่วยแพ็คของก็เป็นหลานๆที่บ้าน ไม่ต้องกลัวว่าอะไรหาย ไม่มีใครเอาไปแน่ พริกไทยพยักหน้าขึ้นมา คุณแม่ปราณีหัวเราะคิกๆนั่งเล่นกับน้องภาวีที่ในห้องเด็ก ที่คุณแม่เอาแผ่นหนังมาบุผนังเอง แล้วยังทำคอกกั้นให้เองกับมือเลย พริกไทยน้ำตารื้นขึ้นมากอดปองปัญญ์จนแน่นไปในที่สุด
”พริกดีใจมากเลยปอง ดีใจมากๆเลย “
”อรืม ปองทำงานหนักในช่วงนี้ เลยกลัวว่าพริกอยู่ในคอนโดจะแย่ เลยอยากให้มีแสงแดดมากๆในบ้านเรา เลยเลือกบ้านโปร่งๆที่มีสวน มีบ่อปลา ให้กับพริก ไม่กล้าเลือกแบบมีสระว่ายน้ำในตอนนี้ กลัวว่าเดี๋ยวพอลูกวิ่งได้น้องจะวิ่งซนมากจนตกน้ำไป กลัวดูไม่ไหวในตอนนั้น ”
“อรืม สนามหญ้าแบบนี้อ่ะดีแล้ว ”
พริกไทยยิ้มออกมาทั้งน้ำตาเลย ตอนนี้ทุกอย่างดีที่สุดในโลก ปองปัญญ์พาพริกไทยเดินขึ้นไปชมบ้านที่มีมุมห้องแต่งตัวกับมุมอบซาวน่าหลังคลอดให้น้ำหนักลดของพริกไทยด้วย ปองปัญญ์กับแนฟถึงกับใส่ผ้าขนหนูมาทดลองให้ดูเลย สอนพริกให้กดปรับลดอุณภูมิลง และสอนเปิดบานเกร็ดให้ไอน้ำลดลงไปกันหน้ามืดด้วย งานนี้คุณแม่ชอบใจมาก ถึงกับขอมาอบซาวน่าที่นี่บ่อยๆเลย
“ดีจังเลยที่นี่มีห้องอบตัวแล้ว แม่จะได้มาหาหลานแล้วอบตัวไปด้วยในทีเดียว ”
ไม่นานคุณพ่อก็คุมคนขนของมา แนฟเข้าไปช่วยยก มีคนช่วยจัด ผ่านไปหลายชั่วโมงก็จบดี
แนฟกับปองปัญญ์ หลานๆและคุณพ่อกรนคร่อกๆ นอนเรียงกัน น้องภาวีร้องขึ้นมาอีกครั้ง แต่ห้องในบ้านนี้ค่อนข้างกันเสียงได้ดีมาก เลยไม่มีใครตื่นลงมา พริกไทยกับคุณแม่ช่วยกันดูหลานและทำกับข้าว ก่อนที่คุณแม่จะบอกออกมาอีกครั้ง
“ถ้าหนูอยากไปทำงาน ให้แม่มาเลี้ยงตาภาวีนะลูก จ้างคนอื่นมันอันตรายมาก แม่ไม่เห็นด้วยเลยนะ ”
“แล้วแม่จะไหวเหรอคะ จ้างพี่เลี้ยงดีไหมคะ ”
“ไม่ต้องหรอกลูก จ้างคนมาอีกทำไม มันสิ้นเปลือง ”
แม่ปราณีบอกขึ้นมาแล้วอุ้มหลานกล่อมไปทั้งวันจนติดมือคุณย่า วางปุ๊ปร้องขึ้นมาปั๊ป พริกไทยถอนหายใจขึ้นมาในทันที
“สงสัยต่อไปจะวุ่นวายแล้วจริงๆ ”
พริกไทยถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วค่อยๆแกะกล่องของจุกจิกออกมา แล้วพบว่าของใช้ของเธอหายไปอยู่หลายอย่างเลย
“ไปทำหล่นที่ไหนนะ แย่จังเลยนะ ”
เธอบ่นเรื่องล็อคเกตกับพวกสร้อยแหวนกำไล ที่เธอเคยชอบใส่มันบ่อยๆตอนเรียนหนังสือ ของพวกนั้นไม่แพงมากแต่ก็มีราคาอยู่หลายพัน เธอเสียดายมากจริงๆแต่ก็ไม่ได้ติดใจนัก ไม่ได้บอกปองออกไป
พอมีบ้านใหม่ มินตราขอมาเยี่ยมบ้าน พริกไทยก็บอกออกไปตรงๆว่าแม่สามีอยู่ที่บ้านไม่ค่อยสะดวกนัก มินตราโกรธเธอขึ้นมา แต่ก็ต้องข่มใจลงไปและบอกว่าไว้วันไหนแม่สามีของเธอไม่อยู่จะไปหาแล้วกัน พริกไทยจึงขอโทษเพื่อนออกไปในที่สุด
”ขอโทษนะมิน แม่ของปองเค้าไม่ชอบคนแปลกหน้าหน่ะ ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวหน่อย “
”อรืม ไม่เป็นไรหรอกพริก ไม่เป็นไร “