“อ่าว หมอน่าน กำลังถามถึงอยู่เลย ว่าจะไปตามแต่ไม่แน่ใจว่าหมอเคลียร์คนไข้บนวอร์ดเสร็จหรือยัง จะรบกวนให้ช่วยดูอันนี้ให้พี่หน่อย”
…เป็นแผนงานเกี่ยวกับระบบห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลที่กำลังถูกเซตขึ้นมา หลังจากนั้นเป็นเวลาร่วมชั่วโมงที่หมอใหญ่ หัวหน้าพยาบาล และพยาบาลอีกสองสามคนในทีมร่วมปรึกษาหารือกัน
สิ่งที่กำลังจะทำให้เกิดขึ้นมา มองดูอาจเป็นเรื่องธรรมดาของโรงพยาบาลชุมชนอย่างนี้ แต่ก็คงเมื่อสักหลายสิบปีที่แล้ว หลังจากเกิดเหตุการณ์ผ่าตัดไส้ติ่ง คนไข้เสียชีวิตและเกิดการฟ้องร้องหมอ ที่ให้การผ่าตัดรักษาด้วยทีมที่ไม่พร้อม จนกลายเป็นคดีตัวอย่าง เกิดประเด็นการถกเถียงใหญ่ ทำให้ห้องผ่าตัดโรงพยาบาลชุมชนที่เคยเป็นด่านแรกในการช่วยเหลือคนไข้ถูกปิดตาย เพราะอย่างไรเสียก็คงไม่มีหมอคนไหนอยากแกว่งเท้าเข้าหาตาราง
ตั้งใจทำบุญ ตั้งใจทำงาน แต่ผลที่ได้ก็อย่างที่เห็น
สำหรับเขาเข้าใจในมุมมองของคนไข้ที่มองว่าหมอบกพร่องในหน้าที่ แต่ก็เข้าใจในฐานะแพทย์ที่เจอทุกอย่างมากับตัวว่าหมอแต่ละคนที่แบกคนไข้นับร้อยไว้บนบ่าต้องทำงานหนักแค่ไหน โดยเฉพาะในโรงพยาบาลอำเภอที่เป็นที่พึ่งของชาวบ้านโดยแท้จริงอย่างนี้
แม้ที่นี่จะอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มาก เมื่อเทียบกับชาวบ้านบนดอยที่ต้องลำบากเมื่อต้องมาโรงพยาบาล แต่ก็เป็นเส้นทางผ่านของสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง และหลายครั้งที่แม้ระยะทางจะไม่ห่างไกล แต่คนไข้ก็ทนไม่ไหว เสียชีวิตระหว่างทางที่นำตัวส่ง
หรือดีหน่อย ก็ยังรักษาชีวิตไว้ได้อยู่ แต่ไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
จะไม่ดีกว่าหรือ… ถ้าสามารถช่วยพวกเขาเหล่านั้นไว้ได้ แม้ด้วยปัจจัยหลายอย่างจะทำให้ถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้
แต่เอาเถอะ เขาอยากแกว่งเท้าเข้าหาตาราง ไม่ลองสักตั้งก็คงไม่รู้ว่าเป็นยังไง
หลังจากนั้น มีคนเจ็บรถมอเตอร์ไซด์ล้มเข้ามาสองคนพร้อมกันกับคนไข้โรคประจำตัวกำเริบ ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะจัดการได้เรียบร้อย
“นี่ถ้าไม่มีหมอน่าน แย่เลยนะคะ หมอด้ายก็ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า”
เพราะวันนี้เป็นเวรของผู้อำนวยการ แต่ท่านติดธุระกะทันหัน ตอนแรกจะฝากโรงพยาบาลไว้กับหมอกวินกับหมอพลอยแต่สองคนนั้นก็ไม่อยู่ พอดีมีหมอน่านนทีก็เลยช่วยให้เบาลงไปได้มาก ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องเรียก ‘หมอป่วย’ ให้ลุกขึ้นมาทำงานอย่างไม่มีทางเลือก
“นี่ก็เพิ่งมาขอยาไป รายนี้ก็น่าตีนะคะ พี่บอกจะเรียกหมอน่านมาดูให้ ไม่ไหวจะได้ให้น้ำเกลือสักขวด แต่ก็ไม่ยอม” พยาบาลคนเดิมบ่น ตรงข้ามกับเนื้อเสียงที่แสดงถึงความเอ็นดูอย่างเปิดเผย โดยไม่รู้ว่าเรื่องที่มีชื่อ ‘หมอด้าย’ เข้ามาเกี่ยวข้องจะเรียกให้คิ้วเข้มของคุณหมอหนึ่งเดียวในห้องตอนนี้ขมวดฉับ
“พรุ่งนี้ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า วันจันทร์คนไข้ยิ่งเยอะอยู่ด้วย”
“เป็นอะไรหรือครับ”
“เห็นบอกว่าปวดท้องโรคกระเพาะกับมีไข้ค่ะ คงเพราะหมูกระทะกับเบียร์เมื่อวาน แถมอาทิตย์นี้เวรเยินด้วยล่ะ เลยพาให้ไปกันใหญ่” คนอาวุโสกว่าตอบไปตามตรง ทว่าจะเล่าต่อแต่ก็ตัดสินใจว่าน่าจะหยุดเท่านี้น่าจะดีกว่า ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ถึงทำให้ใบหน้าคมติดจะยิ้มนิดๆ ของคุณหมอเปลี่ยนเป็นเรียบสนิท พาให้บรรยากาศคลื่นลมสงบในห้องฉุกเฉินอึมครึมเหมือนพายุกำลังจะมา
และคงมีแต่ตัวต้นเหตุ ‘การก่อพายุ’ เท่านั้นที่รู้ว่าถ้ามันจะลง คงไม่ลงในอีอาร์ตอนนี้หรอก
…แต่จะพัดไปกระหน่ำแถวๆ ‘บ้านพักแพทย์’ หลังโรงพยาบาลมากกว่า!!
นายแพทย์หนุ่มลองโทรศัพท์ไปหา ทว่าอีกฝ่ายไม่รับ ไม่รู้ว่าหลับอยู่หรือว่าอะไร พอดีกับมีเคสคนไข้แอกทีฟบนวอร์ดต้องเข้าไปดู กว่าจะเสร็จก็อีกร่วมชั่วโมง ก่อนออกมาเขาบอกพยาบาลว่าหากมีคนไข้ให้โทรหาเขาได้เลย ไม่ต้องรบกวนหมอด้าย
น่านนทีเดินตรงไปที่บ้านพักแพทย์ ระหว่างทางเขาโทรหาดลยา แต่อีกฝ่ายก็ยัง
ไม่รับสายเหมือนเดิม
เด็กดื้อ ยังไงก็เป็นเด็กดื้ออยู่วันยันค่ำ จะตอนอยู่ปีหนึ่งหรือตอนนี้ ดลยาก็หาเรื่องทำให้เขาต้องเป็นห่วงได้เสมอ
คนไข้ไม่ทำตามที่หมอบอกนี่ว่าน่าโมโหแล้ว แต่หมอที่มีความรู้ แต่ไม่รู้จักดูแลตัวเองนี่มันน่าตียิ่งกว่า!!
ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าของจมูกรั้นๆ ที่ตั้งใจพูดนี่บ้างกระทบนั้นบ้างหาเรื่องให้เขาอารมณ์ขึ้นตั้งแต่เมื่อวานเป็นแบบนี้ จากอารมณ์กรุ่นอยู่แล้ว การเคาะประตูไปร่วมห้านาที แต่คนข้างในก็ไม่มีทีท่าจะออกมาเปิดทำให้น่านนทียิ่งอารมณ์ขุ่น
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหา จนครั้งที่สามนั่นล่ะ อีกฝ่ายจึงรับ
ยิ่งเสียงงัวเงียอ่อยๆ เหมือนคนไม่มีแรงที่ปลายสายตอกลับมา ไม่อยากบอกว่ามันเป็นอินดิเคเตอร์ชั้นดีเลยล่ะ!!
ความรู้สึกคล้ายได้ยินเสียงสั่นของโทรศัพท์ เรียกคนเอาหน้าจมหมอนให้ลืมตาขึ้นมา เหลือบเห็นแสงไฟจากหน้าจอรางๆ ก็เอื้อมมือไปควานหามากดรับ
“สวัสดีค่ะ”
“พี่อยู่หน้าบ้าน” …ทว่าข้อความจากปลายสาย จากที่คิดว่าโรงพยาบาลโทรมาตามตัวพาให้เธอยิ่งงงไปกันใหญ่
“ยืนรอนานแล้วออกมาเปิดประตู” …แถมเสียงเข้มกดต่ำไม่สบอารมณ์เหมือนจะกินหัวกันได้ที่ย้ำมามันก็ฟังคุ้นหูแบบแปลกๆ
ตอนแรกเธอไม่แน่ใจนึกว่ามึนมากไปก็เลยหูฝาด แต่พอฟังชัดๆ อีกที กับเบอร์ที่เขาใช้โทรมายังเป็นเบอร์เก่าที่เธอเมมเอาไว้
แล้วก็… เวรแล้วไง!!
“พี่น่าน!!”
ดลยากระเด้งตัวลุกขึ้นแบบลืมเวียนหัว เสียงแผ่วเรียกเหมือนชื่อของเขาติดอยู่ในลำคอ ตรงข้ามกับเสียงหัวเราะเย็นๆ แต่วาบไปถึงไขสันหลังของอีกฝ่าย
มันไม่น่าไว้ใจเลย เหมือนเขาไม่อยู่ตรงนี้แต่ก็เห็นว่าเธอกำลังส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงได้ขู่
“จะเปิดหรือไม่เปิด”
ไม่… เธอไม่มีทางยอมเปิดประตูให้เขาเด็ดขาด
“หรือเธออยากให้พี่พังประตูเข้าไป”
“…”
“ถ้าไม่ ก็ออกมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้ !!”
อ่อย... แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ ทำลายทรัพย์สินราชการมันผิดกฎหมายรู้ไหมพี่น่าน
ใจร้าย เผด็จการที่สุด!! ถ้าความรักอยู่เหนือสุดเขตชายแดนที่หวังจะลงจากคาน กลับต้องมาเจอคนรักเก่า
นี่มันเป็นกรรมหรือเวรอะไรกำลังเล่นตลกกับเธอกันแน่!!