again and again

1296 Words
มาจับผิดเสร็จก็เดินออกไปแบบเงียบๆ และงงๆ เหมือนวันที่บอกลากันไม่มีผิด ยังดีที่คนไข้บาดเจ็บในช่องท้องกับหัวแตกเสียเลือดค่อนข้างมากอีกสองคนเขาช่วยดูให้ สถานการณ์ ‘เยิน’ เมื่อคืนจึงไม่เลวร้ายเกินไปนัก แต่ก็นั่นล่ะ จะทักทายกันสักคำก็ไม่มี พี่น่านไม่มีทางรู้หรอกว่าเมื่อคืนตอนเห็นหน้าเขา เธอต้องประคองสติมากแค่ไหนเอาชนะอารมณ์ทั้งตกใจ ดีใจ แปลกใจ ที่ผสมปนเปกันไปหมด เพื่อรักษาคนไข้ให้ดีที่สุด อาจเพราะตั้งแต่เลิกกัน ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีเขาอยู่ในใจ และตัวเองเป็นคนผิด เพราะไม่อยากตอกย้ำแผลลึกๆ ที่เหมือนหายและตกสะเก็ดไปแล้ว ดลยาจึงเลือกตัดการรับรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขา ในเรื่องของเขา หลายครั้งที่เธอหลบเลี่ยงการนัดเลี้ยงรวมสายรหัสด้วยสารพัดเหตุผลที่หามาอ้าง มันไม่ยากเลย แค่เอ่ยปาก… แต่เธอไม่เคยถามใครว่าเขาไปอยู่ที่ไหนหลังจากเรียนจบแล้ว ได้แต่แอบส่องผ่านเฟสบุ๊คที่เพื่อนแท๊กเขามาเป็นครั้งคราวว่าเขาสบายดี ได้เห็นแค่นี้ก็สบายใจ และเธอควรสบายใจกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า เมื่อได้เจอพี่รหัสที่แอบซ่อนไว้ในส่วนลึกของหัวใจเมื่อคืน แล้วเขายังสบายดี และดูดีเหมือนเดิมไม่มีผิด ไม่สิ ดูดีกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ ถึงไรเขียวๆ ตรงคางจะบ่งบอกว่าคนที่เธอเห็นคงไม่ค่อยได้สนใจดูแลตัวเองเท่าไรก็เถอะ แต่เขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว… เธอรู้ดี เพราะเมื่อวานกว่าจะเคลียร์คนไข้ คนที่อาการค่อนข้างหนักกลับมาอยู่ในภาวะปลอดภัยได้ก็ตีสามกว่า เคสนี้หากเป็นโรงพยาบาลชุมชนทั่วไปหรือลำพังการตัดสินใจของเธอคนเดียว หลังจากเจาะปอดอาจส่งตัวไปโรงพยาบาลจังหวัดเพราะมีบุคลากรและเครื่องมือที่พร้อมกว่าแต่เพราะโรงพยาบาลที่เธออยู่กำลังจะพัฒนามีห้องไอซียูเป็นของตัวเอง บวกกับ ‘พี่รหัส’ ที่บอกลอยๆ ไม่รู้ว่าพูดกับเธอหรือพูดกับใครว่า ‘ไม่ต้องรีเฟอร์’ แล้วก็เดินออกไปอย่างไม่คิดจะสนใจอะไรอีก วันนี้จึงเป็นเช้าวันเสาร์ที่แพทย์หญิงมาราวน์ตรวจคนไข้บนวอร์ดเร็วกว่าเวลาปกติของตัวเองเล็กน้อย แม้จะยังรู้สึกเหนื่อยเพราะไม่ได้นอนเต็มที่ แต่เธออยากแน่ใจว่าคนไข้ปลอดภัยแล้วจริงๆ มากกว่า ทว่าพอเดินเข้าไปในวอร์ดยังไม่ทันได้ทำอะไร ก็เห็นบางคนมาดูคนไข้ก่อนเธอซะอีก เป็นคนไข้บาดแผลใหญ่เสียเลือดมากที่อยู่เตียงข้างๆ เพราะเขาหันมามองนิดหน่อยเธอจึงต้องทักทายเขาตามมารยาท “สวัสดีค่ะพี่น่าน” เป็นคำทักทายง่ายๆ แต่อีกฝ่ายจะรู้หรือเปล่าว่าหัวใจคนทักเต้นแรงแค่ไหนแวบหนึ่งที่เผลอสบตา ตอนเอ่ยชื่อที่เป็นชื่อต้องห้ามของหัวใจออกมาจากปาก แต่ดลยาก็นึกชื่นชมตัวเองอยู่มากที่ถึงแม้ว่าข้างในจะรู้สึกอย่างไร แต่สิ่งแสดงออกมาก็ยังดูค่อนไปในทางปกติ ไม่เป็นพิรุธให้คนตัวโตจับได้ สองมือเล็กประนมไหว้ แล้วก็ขอร้องอย่าเดาให้ยากว่า ‘เรา’ จบกันมาจากที่ไหน บางที่ใช้การยกมือไหว้ บางที่แค่โค้งให้รุ่นพี่หรืออาจารย์ทำความเคารพ แต่เธอไหว้พี่น่านมาตลอดนั่นล่ะ ไหว้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน มีช่วงหนึ่งที่เขาบอกว่าไม่ต้องไหว้ก็ได้เพราะทำให้เขารู้สึกแก่ยังไงบอกไม่ถูก แต่เธอก็ยังไหว้ จนมาถึงตอนนี้ ตรงนี้… ที่คนตัวโตเห็นแล้วทำเพียงแค่พยักหน้ารับตามมารยาทด้วยความห่างเหิน ไม่สนใจ หรือไม่ใส่ใจซะมากกว่า… แล้วหันไปสนใจคนไข้ของเขาต่อ ดลยาเดินไปที่เตียงคนไข้ในความรับผิดชอบของตัวเอง แล้วไม่ดีเลย ที่มันทำให้เราหันหน้าเข้าหากัน แต่หญิงสาวก็สามารถทำหน้าที่หมอได้ดีเสมอ เมื่ออยู่ต่อหน้าคนไข้ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งที่เหลือบขึ้นมองใบหน้าท่าทางที่ดูตั้งใจเป็นพิเศษนั้นเงียบๆ “เป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มที่เอ่ยเรื่อยๆ ทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าจากชาร์ตประวัติที่กำลังเขียนสั่งการรักษาขึ้นมอง แต่เพราะคนถามก็ยังก้มหน้าสนใจแต่งานในมือตัวเอง ก็เลยไม่แน่ว่า ‘เป็นไงบ้าง’ นี่เขาทักเธอ หรือถามอาการคนไข้กันแน่ “คะ” …แต่คิดอีกที ก็คงจะถามเรื่องอาการคนเจ็บนั่นล่ะ “ค่าออกซิเจนปกติดีแล้วค่ะ ด้ายสั่งเอ็กเรย์ไปแล้ว ถ้าไม่มีลมในปอด ก็ไม่น่ามีอะไรให้เป็นห่วง” คำเรียกแทนตัวเองอย่างสนิทสนมคุ้นเคย มีแววสงสัยปรากฏในแววตาของพยาบาลที่ติดตามมาด้วยไม่น้อย และเป็นผู้อาวุโสมากสุดที่กล้าถาม “หมอรู้จักกันด้วยเหรอคะ” หลังคำถามนั้น ตากลมเหลือบขึ้นมองคนตัวโตที่กำลังตรวจแผลให้คนไข้เตียงข้างๆ แต่เหมือนเขาจะรู้ว่ามีคนมองเลยเงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอที่มองเขาก่อน แต่ก็เพียงเสี้ยววินาที “พี่น่านเป็นพี่สายรหัสของด้ายค่ะ เราเลยพอจะสนิทกันอยู่” เมื่อเขาไม่ตอบเธอเลยต้องเป็นฝ่ายตอบ ด้วยคำตอบที่เหมือนจะประชดประชันและกระแทกกระทั้นนิดๆ แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกรู้สา เช็คแผลคนไข้ไปตามปกติ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ไม่พอ ยังเรียกเธอเข้าไปหา ให้ดูแผล ให้ลองทำแผลให้ดู แล้วบทสรุปตอนท้ายก็เธอนี่ล่ะที่โดนกินหัวเหมือนตอนเรียนไม่มีผิด!! ที่พี่น่านทำ บนใบหน้านิ่งๆ ดุๆ นั้น เธออดสงสัยไม่ได้ว่าเขากำลังแกล้งกัน หาเรื่องเอาคืนอยู่หรือเปล่า เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเธอไม่ชอบผ่าๆ ตัดๆ ไม่ชอบทำแผล ไม่ชอบศัลย์เลยสักนิด เออ!! ไม่ชอบหมอศัลย์ด้วยนั่นล่ะ โดยเฉพาะหมอศัลย์ที่เป็นทวดบรมทวดรหัสที่ชื่อว่าน่านนที!! งอน… บอกเลยว่างอน!! แอบน้อยใจด้วย เป็นพี่น้องรหัสกันแท้ๆ นี่ลืมเอาปากมาหรือยังไง จะทักทายน้องบ้างก็ไม่มี!! แต่โชคไม่ดีนิดหน่อย ที่ดันเป็นวันอาทิตย์ที่โรคกระเพาะเจ้ากรรมประจำตัวถามหา แถมชักจะตัวร้อนๆ เพราะเมื่อคืนวิ่งออกไปเก็บผ้าที่ซักตากไว้ข้างนอกเพราะฝนตกตอนตีสอง วันอาทิตย์ที่แสนสดใสที่เคยคิดวาดฝันไว้ ก็เลยกลายมาเป็นแบบนี้!! ไม่รู้นานเท่าไรที่ดลยาเผลอหลับไปเพราะอาการปวดท้อง แต่ตื่นมาแล้วก็ไม่หายแถมตัวร้อนขึ้นอีก หญิงสาวฝืนสังขารตัวเองเดินไปขอยาที่ห้องยาของโรงพยาบาล แต่ก็แวะที่อีอาร์บอกพี่พยาบาลไว้ว่าถ้ามีเหตุฉุกเฉินหรือคนไม่พอให้โทรตามได้ เธอยังไหว “แต่สภาพแย่ขนาดนี้ไม่น่าจะไหวแล้วมั้งน้องหมอ เข้าไปตรวจ แล้วให้น้ำเกลือสักขวดดีไหม เดี๋ยวพี่ไปตามให้ ตอนนี้หมอน่านดูคนไข้อยู่บนวอร์ด” แต่ให้ตายเถอะ แค่ได้ยินชื่อนี้ เธอยังงอนเขาไม่หาย ไม่ขอเข้าใกล้เป็นอันขาด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD