อกหัก

2511 Words
บิ๊กไบค์ ผมเดินนำหน้าแก้มใสมายังตันไม้ใหญ่ข้างๆ อาคารเรียน ผมพยายามรวบรวมความกล้าอยู่นาน กว่าจะกล้าเอ่ยปากบอกกับแก้มใส ยังไงวันนี้ผมก็ต้องบอกกับแก้มใสให้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไร “มีอะไรคะ” แก้มใสถามขึ้น “คือว่า...พี่” น่าขายหน้าที่สุดเลย พอถึงเวลาจริงๆ กลับพูดไม่ออกซะงั้น “ไม่มีอะไรแก้มไปนะคะ” แก้มใสหันหลังเตรียมจะเดินกลับ “พี่ชอบแก้มใส” พูดออกไปแล้ว “อะไรนะคะ” ก้มใสหันหน้ากลับมาถามด้วยสีหน้างุนงง “พี่ชอบแก้มใส ชอบตั้งแต่วันแรกที่เรามาเรียนที่นี่แล้ว” ผมสารภาพออกไป “แต่แก้มไม่ได้ชอบพี่ค่ะ” แก้มใสตอบอย่างไร้เยื่อใย ผมก้มหน้าลงอย่างสลดที่ต้องมาผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกยังไม่ได้เริ่มอะไรด้วยซ้ำ “พี่ก็ดีนะ แต่ว่าแก้มมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” ผมเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าเรียวได้รูป “มันเป็นใคร” ผมถามด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดๆ “พี่อยากรู้จริงๆ เหรอ” แก้มใสยืนกอดอกจ้องหน้าผม “ใช่” “แก้มชอบพี่โต้งค่ะ” นี่แก้มใสชอบไอ้โต้งเหรอ... นึกว่าใครที่ไหนที่แท้ก็เพื่อนตัวเอง “ชอบเถื่อนๆ แบบไอ้โต้งเหรอ” ผมเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงกวนตีนนิดๆ ไม่อยากจะสุภาพกับเธอเท่าไหร่แล้วเพราะแสนดีไปก็ใช่ว่าผู้หญิงจะชอบ “ค่ะ ชอบมากด้วย” แก้มใสเชิดหน้าตอบอย่างเย้ยหยิ่ง แบบนี้สิ ค่อยน่าตื่นเต้นหน่อย ที่ผมเลือกที่จะปฏิบัติกับเธออย่างสุภาพเพราะคิดว่า ผู้หญิงที่เรียบร้อยๆ อย่างแก้มใสน่าจะชอบ แต่ผมคิดผิดแหะ “ไอ้โต้งมันก็มีคนชอบอยู่แล้วเหมือนกัน ไม่ใช่เธอด้วย” แก้มใสแสดงแววตาความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “ใครคะ” “จะอยากรู้ไปทำไม” ผมยืนกอดอกจ้องมองเธอกลับบ้าง “ไปเป็นมารขว้างความรักของพวกเขามั่งค่ะ” ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ยินความคิดสกปรกแบบนี้ออกจากปากผู้หญิงที่ผมมองว่าน่ารักและใสซื่อ “อย่ารู้เลย รู้แค่ว่า... ไอ้โต้งมันไม่มีวันชอบเธอ ก็พอแล้ว” ผมพูดด้วยความซะใจนิดๆ “ไม่เป็นไรค่ะ แก้มรอได้ นานแค่ไหนแก้มก็จะรอ...แค่พี่โต้งคนเดียว” แก้มใสพูดเหมือนจะร้องไห้ ความเย้ยหยิ่งเมื่อกี้หายไปไหนแล้วล่ะ ไม่สนุกแล้วล่ะ “ทำไมไม่มองคนที่เขามองเธอบ้าง” ผมลองเชิงถามเธออีกครั้ง “ก็คนมันชอบไปแล้วนี่คะ” พูดจบแก้มใสก็หันหลังเดินหนีผมไปทันที นั่นสินะ... ก็คนมันชอบไปแล้ว จะเปลี่ยนใจง่ายๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเปลี่ยนกันได้เร็วขนาดนั้น ผมยืนมองร่างบางเดินกลับไปหาเพื่อนของเธอแล้วทั้งสองก็เดินไปยังอาคารเรียนของตัวเอง โต้ง ผมถือน้ำอัดลมมาสองขวดเดินกลับมายังโต๊ะที่เพื่อนทั้งสองคนนั่งรออยู่แต่กลับไม่เห็นพวกมันสองคนไม่รู้ไปไหนกัน “โต้ง เลโอ” เสียงหวานใสเรียกมาจากด้านหลัง ผมรับรู้ได้ทันทีว่าเป็นใครโดยที่ไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ มิริน “อ้าว พี่มิริน มาได้ไงครับ” เลโอทักทายมิริน “ก็มาแสดงความยินดีกลับพวกเราไง” มิรินตอบ เธออยู่ในชุดนักศึกษาของมหาลัยที่เธอเรียนอยู่ ซึ่งมันก็คือมหาลัยเดียวกันกับที่ผมและเพื่อนๆ สอบติด มิรินเดินมาพร้อมช่อดอกไม้ขนาดกลางถือพอดีมือ “แล้วราเรซกับบิ๊กไบค์ไปไหนแล้วล่ะ” เธอถามหาเพื่อนผมอีกสองคน “ไม่รู้เหมือนกันครับ ก่อนจะไปซื้อของพวกมันก็ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอยู่เลย” เลโอตอบเธอ “มิริน ขอคุยอะไรด้วยหน่อยดิ” ผมพูดกับเธอ “อะไรล่ะ” มิรินเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “เลโอมึงไปตามหาไอ้สองตัวนั้นดิ เอาน้ำไปให้พวกมันด้วย” ผมยัดน้ำอัดลมสองขวดใส่มือเลโอแล้วก็บังคับให้มันเดินออกไปจากตรงนี้ เลโอเดินออกไปอย่างมึนงงแต่มันก็ทำตามแต่โดยดี “คือโต้ง... โต้ง...” ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ตึกๆ ๆ ๆ ๆ ทำไมมันพูดยากจังวะ กะอีแค่ไม่กี่คำเนี่ย “จะเรียกชื่อตัวเองอีกนานไหม” มิรินมองหน้าผมพร้อมกับยิ้มขำๆ “โต้งชอบ...” มิรินหยุดขำแล้วตั้งใจฟังสิ่งที่ผมจะพูด “ชอบมิริน” ในที่สุดก็พูดออกมาจนได้ รู้สึกเหมือนเหงื่อเม็ดเล็กๆ จะพุดขึ้นตามซอกนิ้วมือหน่อยๆ “คือ... อย่างงี้นะโต้ง มิรินขอบใจนะที่โต้งมีความรู้สึกดีๆ ให้ แต่ว่าเราเป็นพี่น้องกันดีกว่าเนอะ” คำพูดฟังดูดีแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกดีเลยสักนิด “ทำไม” ผมถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ “จะต้องให้พูดตรงๆ ใช่ไหมถึงจะเข้าใจ” “ก็พูดมาตรงๆ ดิ” ผมเริ่มขึ้นเสียงใส่ “โต้งยังเด็กเกินไป แค่นี้ยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เลย หัดใจเย็นซะบ้าง” เหตุผลแค่นี้นะเหรอ ที่ว่าเด็กเกินไปนี้ก็ห่างกันแค่ปีเดียวเอง มันจะอะไรกันนักหนาวะ “เหตุผลแค่เนี่ย” ผมจ้องหน้ามิรินด้วยอารมณ์ขุ่นๆ “พี่ชอบคนที่มีวุฒิภาวะสูงกว่าพี่และมีความเป็นผู้นำ” “ชอบคนแก่ว่างั้น” ผมเดินเข้าชิดตัวยื่นหน้าเข้าไปถามแสดงความกวนตีนใส่มิรินนิดๆ “ไม่มีไรแล้วพี่กลับก่อนนะ” มิรินหันหลังให้เตรียมจะเดินหนี “บอกว่าไง... อย่างแทนตัวเองว่าพี่” ผมพูดย้ำอีกครั้ง “ฉันเป็นพี่นาย” มิรินเดินกลับมายัดช่อดอกไม้ใส่มือผมพร้อมกับพูดย้ำชัดถึงสถานะระหว่างผมกับเธอ ใจร้ายไปแล้วนะ อย่าให้ถึงทีผมบ้างก็แล้วกัน เธอไม่รอดแน่ มิริน ผมเดินกลับมายังห้องเรียนของตัวเองอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผมจะโดนหญิงปฏิเสธ เธอไม่รู้หรือไง ว่าผมเนี่ยฮอตที่สุดในโรงเรียนเลยนะ ใครๆ ก็อยากจะคบกับผมทั้งนั้น มีแต่เธอ มิริน ที่คิดว่าฉันเป็นเด็ก คิดแล้วมันน่าโมโหชะมัด พอผมเดินเข้ามาในห้องเรียนก็เจอเพื่อนทั้งสามคนนั่งอยู่คนละมุม ราเรซนั่งเหม่อมองออกไปนอนหน้าต่าง บิ๊กไบค์นั่งเอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะ เลโอนั่งเล่นเกมจากโทรศัพท์มือ ผมเดินมานั่งที่เก้าอี้ของตัวเองในห้องเรียนตอนนี้มีแค่พวกผมสามคนที่อยู่ในห้องเรียน คนอื่นๆ คงจะถ่ายรูปกันอยู่ที่หอประชุม “กูอยากแดกเหล้าวะ” ผมพูดขึ้น “กูด้วย” บิ๊กไบค์ “เหมือนกัน” ราเรซ “นี่พวกมึงเป็นไรกันวะ” เลโอ เงียบ... ไม่มีใครตอบเลโอ “ทำอยากกับว่าโดนหญิงหักอกมางั้นแหละ” การเดาของเลโอชั่งตรงใจซะจริง มันดันเดาถูกซะด้วย แต่กับไอ้สองคนนั้นผมไม่รู้หรอกว่ามันโดนเหมือนผมหรือเปล่า แต่ที่รู้ๆ ผมโดน... “ไปเอสทีผับกัน เดี๋ยวกูไปรับพวกมึงเอง เวลาสองทุ่มตรง” ราเรซบอก พอมันนัดแนะเสร็จก็ลุกออกจากเก้าอี้เดินออกจากห้องเรียนไป แล้วบิ๊กไบค์ก็เดินตามออกไปอีกคน แล้วผมจะนั่งบืออยู่ทำไม ไปเตรียมตัวรอดีกว่า คิดได้ดังนั้นผมก็ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินตามเพื่อนออกไปอีกคน “เฮ้ย! รอกูด้วย” เสียงเลโอตะโกนไล่หลังมา ST ผับ Draw me my picture I’ ll draw your picture And we’ ll move the furnitures in the motel room Sing me a lullaby And kiss me goodnight Like everything’ s still fine in that motel room วาดภาพฉันสิ และฉันจะวาดภาพเธอ แล้วเราจะย้ายเฟอร์นิเจอร์ในห้องโมเต็ลนี้ ร้องเพลงกล่อมให้ฉัน และจูบราตรีสวัสดิ์ฉัน เหมือนทุกๆ อย่างยังปกติดีในห้องโมเต็ลนั้น We knew this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead end เรารู้ว่าเรื่องนี้มันต้องจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตัน Let’ s just drive out of town Let’ s runaway Let’ s get high Forget the world Forget everything มาขับรถออกไปจากเมืองนี้กันเถอะ มาวิ่งหนีไปด้วยกัน มามีความสุขด้วยกัน ลืมโลกนี้ไป ลืมทุกๆ อย่าง ไปให้หมด Don’ t worry about this crowd No one you know is around We can do anything we want ไม่ต้องกังวลเรื่องผู้คนเหล่านี้หรอก ไม่มีคนที่เธอรู้จักอยู่หรอกนะ เราอยากทำอะไรก็ได้ But soon this has to end And we could only pretend Cause our love only leads to dead end แต่เรื่องนี้มันจะจบลง และเราทำได้แต่แสร้งทำว่ามันยังดีอยู่ เพราะความรักของเรามันมุ่งสู่ทางตัน ราเรซ ใครมันชั่งเปิดเพลงเศร้ากันวะ มาเที่ยวผับทั้งทีมันก็ต้องเปิดเพลงมันส์ๆ ดิ เล่นเปิดเพลงเศร้าแบบนี้ ผมกับเพื่อนก็นั่งหงอยสิครับ ยกเว้น เลโอ มีแค่มันคนเดียวที่ยังนั่งยิ้มหน้าระรื่นอยู่ เพราะอะไรนะเหรอ... ก็ตอนนี้มีสาวสวยที่ไหนไม่รู้มานั่งจู๋จี๋กระดี๊กระด๊ากับมันอยู่เนี่ย เห็นแล้วหงุดหงิดชะมัด มันช่างดูสถานการณ์เอาซะเลยว่าตอนนี้ ผม บิ๊กไบค์ โต้ง ดูเหงาหงอยสุดๆ “ทำไมนั่งเป็นหมาหงอยกันอย่างนั้นล่ะหนุ่มๆ” อาโลโค่เดินมานั่งข้างผมแล้วถามขึ้น “ก็ดูดีเจเปิดเพลงดิ เศร้าขนาดนี้ใครมันจะสนุกออกล่ะครับ” ผมหันไปบ่นให้อาโลโค่นิดหน่อย “ก็มันยังไม่ดึกเท่าไรนิ เขาก็เปิดวอมร่างกายก่อนดิ ใจร้อนไปได้” อาโลโค่บอก อาโลโค่เป็นเพื่อนรุ่นน้องที่ถือว่าสนิทกับพ่อเรย์ของผมมาก แล้วผับนี้ก็เป็นของอาแกด้วยซึ่งมีพ่อเรย์เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อยู่ด้วย ต้องขอบคุณอาโลโค่ที่ทำให้เด็กอายุ 18 อย่างพวกผมเข้ามาเที่ยวได้ แถมยังจัดโต๊ะวีไอพีไว้ให้อีก ไม่ว่าพวกผมอยากจะเมา อยากจะมันส์แค่ไหนก็ได้ ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับพวกผมอยู่แล้ว “สาวๆ หน่อยไหม จะได้อารมณ์ดีขึ้นหน่อย” อาโลโค่หันมาถามผม “เฮ้ยๆ หลานมันแค่ 18 เอง มัน...หญิงเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้” เสียงพูดจากวนๆ มาจากผู้ชายที่มีรอยสักแทบจะเต็มตัวอยู่แล้วมั้ง ลุงเจ และก็ตามมาด้วยลุงซัมดี ผมกับเพื่อนยกมือไหว้ลุงทั้งสองคนซึ่งแกก็รับไหว้พวกผม พร้อมกับเดินมานั่งร่วมวงด้วย “สิบแปดแล้วไงครับ เอาได้ก็แล้วกันแหละ” นั่นไม่ใช่เสียงผม แต่เป็นโต้งที่พูดขึ้นมาพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ผมกับบิ๊กไบค์หันมามองหน้ากันโดยอัตโนมัติแล้วก็ทำตาปริบๆ อย่างอึ้งๆ ปกติโต้งมันก็พูดจาแรงๆ อยู่แล้วล่ะ แต่รู้สึกว่าวันนี้มันจะหนักกว่าทุกวัน “โห... นี่กูแซวไอ้เด็กพวกนี้แรงไปรึเปล่าวะ” ลุงเจหันไปถามลุงซัมดี “ไม่หรอก ไอ้สามตัวนี่มันโดนหญิงหักอกมา” ลุงซัมดีพูด ทำให้ผม บิ๊กไบค์ โต้ง หันไปมองลุงซัมดีแทบจะพร้อมกัน ลุงรู้ได้ไง แล้วก็ไอ้สองคนนี้ก็ด้วยเหรอ ผมนึกว่ามีผมคนเดียวซะอีก “ทำไมว่ะ! กูเด็กตรงไหน เดี๋ยวกูแก้ผ้าโชว์แม่งเลย! จะได้รู้ว่าเด็กหรือเปล่า” โต้งยังโวยไม่เลิก “เฮ้ย! ใจเย็นๆ” อาโลโค่ปลอบโต้ง “มึงสองคนไปโดนใครหักอกมาวะ” ผมเอ่ยถามบิ๊กไบค์กับโต้ง พวกมันหันไปมองหน้ากันพร้อมกับถอนหายใจแรงๆ “มึงบอกก่อนดิ” บิ๊กไบค์บอกโต้ง “มึงนั่นแหละ” โต้งบอกบิ๊กไบค์ “บอกมาพร้อมกัน” ผมบอกเพื่อนทั้งสอง “แก้มใส/มิริน” ห้ะ! ไอ้โต้งน่ะ ผมพอรู้อยู่ว่าใคร แต่ไอ้บิ๊กไบค์นี่ดิ เห็นเงียบๆ ไม่นึกว่ามันจะอกหักไปกับเขาด้วย บิ๊กไบค์บอกว่าแก้มใสงั้นเหรอ เพื่อนของต้าหนิงสินะ “แล้วมึงล่ะ/แล้วมึงล่ะ” แล้วเพื่อนทั้งสองก็พร้อมใจกันถามผม ทีนี้จะตอบมันยังไงดีล่ะ ถ้าบอกว่าต้าหนิงไอ้โต้งก็ต้องควันออกหูแน่ เพราะมันเคยพูดไว้แล้วว่าห้ามเพื่อนในกลุ่มจีบน้องมัน “กูก็...เลิกกับฝ้ายไง” ผมหาคำตอบที่ดูน่าเชื่อถือที่สุด ทั้งที่ความจริงแล้ว เรื่องที่เลิกกับฝ้ายนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับผมเลยด้วยซ้ำ “ก็สมควรอยู่หรอก มึงไม่เคยสนใจเขาเลยนิ” เลโอพูดแขวะผม “เอาล่ะๆ เรื่องมันผ่านไปแล้ว เดี๋ยวก็ขึ้นมหาลัยกันแล้วนิ สาวๆ เยอะกว่าในโรงเรียนอีกนะ จะมัวมานั่งเศร้ากันอยู่ทำไม” ลุงเจบอก จากนั้นผมกับเพื่อนๆ ก็สังสรรค์กันจนดึกดื่นไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว พอเริ่มเมาได้ที่ก็พากันเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อสนุกกับสาวๆ ที่เต้นยั่วยวนกันสุดฤทธิ์อยู่ที่ชั้นล่างของผับ พอเริ่มเหนื่อยผมก็เตรียมจะเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ก็มีมือบางของใครไม่รู้มาลูบไล้บริเวณอกแกร่งของผมเล่น ผมหันไปมองหน้าเธอด้วยแววตาราบเรียบไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไปกับสัมผัสของเธอเลย “ชื่อซินดี้นะ ชื่ออะไรเหรอ” เธอถามผม มือบางของเธอยังไม่เลิกซุกซนอีก ยังไล่วนไปมาบริเวณอกแกร่งแล้วลากลงไปเรื่อยๆ จนจะถึงขอบกางเกงยีนที่ผมสวมใส่อยู่ “ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเอา ขอตัวนะ” ผมตอบ “ไม่เป็นไร เอาไว้ ถ้ามีอารมณ์เมื่อไรโทรมาเบอร์นี้ก็แล้วกันนะ” เธอยัดนามบัตรของตัวเองใส่มาในกระเป๋ากางเกงของผม แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับส่งจูบมาให้ เธอก็ดูสวยดีอยู่นะ แต่ว่าผมไม่มีอารมณ์จริงๆ อ่ะ ความรู้สึกเหมือนจะตายซะให้ได้เลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD