หลังรับประทานมื้อเย็นพร้อมครอบครัวเสร็จ เว่ยซือหงปลีกตัวกับเรือนมาด้วยอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก นางไม่พูดไม่จา จดจ่ออยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง ไม่สดใสเช่นเคย จนสาวใช้คนสนิททั้งสองต่างเป็นห่วง ทว่าเจ้านายตัวน้อยอย่างเด็กหญิงกลับไม่นำพาความรู้สึกของผู้อื่น นางเอาแต่คิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมา ว่าจะมีวิธีใดเข้าไปในดินแดนลับโดยที่ครอบครัวไม่อาจห้ามปรามได้บ้าง
อันที่จริงถ้าให้แอบเข้าไป เว่ยซือหงค่อนข้างมั่นใจในตัวเคล็ดวิชาพรางกายที่เพิ่งสำเร็จมาไม่นาน แต่นางไม่อยากหลบซ่อนจากครอบครัว ทว่าคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก จนในที่สุดก็ผล็อยหลับไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเล็กน้อยพร้อมคิ้วเล็ก ๆ สองข้างที่ไม่ยอมคลายออกจากกัน
ในขณะที่เว่ยซือหงหลับสนิทไปแล้ว ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด สรรพชีวิตหลับใหลราวตกอยู่ในมนต์สะกด แสงบุหลันสีทองเจิดจ้าพลันส่องผ่านหลังคากระเบื้องชั้นดีของจวนตระกูลเว่ย ก่อนลำแสงนั้นจะตกกระทบและครอบคลุมร่างของเด็กหญิงคล้ายว่ากำลังประทานพร ค้างอยู่เช่นนั้นนานกว่าหนึ่งเค่อ(15นาที) ในที่สุดลำแสงสีทองก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
กลางนภากาศลำแสงสีทองถักทอก่อตัวเป็นรูปปลาหลีสีแดงสองตัวกำลังแหวกว่ายในนที วนเวียนพันเกี่ยวสลับหัวหางเหมือนกับสัญลักษณ์หยินหยางพุ่งเข้าใส่หลังมือซ้ายของเว่ยซือหง พลันนั้นแสงสีทองทอแสงสว่างเจิดจ้าแล้วหายวับไปราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน
ความอัศจรรย์นี้ น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดพบเห็น...
อรุณรุ่งมาเยือน ทิวากรยังไม่พ้นขอบฟ้า สีส้มแดงอาบย้อมม่านนภา เสียงวิหคขับขานรับวันใหม่
เปลือกตาของเว่ยซือหงกะพริบถี่ก่อนเปิดขึ้น เจ้าตัวหยีตาเล็กน้อยเนื่องจากยังไม่ชินกับแสงยามเช้า ทว่าเพียงครู่เดียวก็ตื่นเต็มตา ใบหน้าเล็กมีความแช่มชื่นคล้ายว่านอนเต็มอิ่ม มุมปากได้รูปประดับยิ้มน้อย ๆ ดวงตากลมโตทั้งสองข้างสดใสลืมสิ้นความกังวลที่เคยมี
“หาว...” มือข้างซ้ายยกขึ้นมาปิดปากหาว ก่อนใช้หลังมือปาดน้ำตาที่หางตา แต่แล้วนางก็เห็นความผิดปกติบนร่างกายตัวเอง
“เอ๊ะ! นี่อะไร เกิดอะไรขึ้นกับอาหง”
เด็กหญิงตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปปลาหลีสีแดงสองตัวว่ายวนเป็นสัญลักษณ์หยินหยางประทับอยู่!
คิ้วเล็กขมวดเป็นปมสายตาจับจ้องไปยังหลังมือซ้ายไม่ลดละ เด็กหญิงหลับตาทำสมาธิครู่หนึ่ง เมื่อเปลือกตาเปิดอีกครั้งความสามารถของดวงเนตรสวรรค์พลันถูกใช้งาน
[สัญลักษณ์บุตรแห่งโชคชะตา : ปลาหลีสีแดงสองตัวว่ายวนเป็นรูปหยินหยาง
บุตรแห่งโชคชะตาคือผู้ถูกเลือกโดยดินแดนลับ เมื่อประตูทางเข้าเปิดออก ร่างกายของบุตรแห่งโชคชะตาจะถูกพลังอำนาจของดินแดนลับดึงดูดเข้าไปภายในทันที
หมายเหตุ สัญลักษณ์บุตรแห่งโชคชะตาจะปรากฏบนร่างของผู้ถูกเลือกเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป โดยไม่เกิน 20 ปี]
“หมายความว่าอาหงสามารถเข้าไปในดินแดนลับโดยที่คนอื่นในครอบครัวปฏิเสธไม่ได้แล้วใช่ไหม?” เว่ยซือหงยิ้มกว้างจนอวดฟันเรียงขาวสวย
“ฮ่าฮ่า นี่มันดีที่สุดเลย ดีที่สุด”
หัวใจของเว่ยซือหงเต็มไปด้วยความลิงโลด เครียดมาตั้งนานหาทางออกไม่ได้ ยังดีที่สวรรค์ไม่แล้งน้ำใจ จึงได้ประทานพรมอบสัญลักษณ์บุตรแห่งโชคแก่นาง!
เป็นเช่นนี้จะไม่ให้ตื่นเต้นอย่างไรไหว นางมีความสุขจนจะควบคุมตนเองไม่ได้อยู่แล้ว ฝ่ามือน้อย ๆ ชื้นเหงื่อจนต้องถูกันไปมา ใบหน้าสาสมใจอย่างยิ่งยวด ดวงตาเป็นประกายวาววับ
ถึงจะดูระริกระรี้มากไปสักหน่อย แต่ก็เพราะตื่นเต้นดีใจที่ตนเข้าไปในดินแดนลับได้นั่นแหละ
เว่ยซือหงค่อย ๆ สงบสติดึงอารมณ์ตัวเองกลับคืน กลัวว่าสาวใช้คนสนิททั้งสองมาเห็นท่าทางเมื่อครู่เข้าจะตกใจเอาได้ กระนั้นใบหน้าอวบอิ่มกลับไม่คิดปกปิดความดีใจเลยแม้แต่น้อย
“คุณหนูตื่นแล้วหรือยังเจ้าคะ” เสียงหลิงจูดังแว่วเข้ามา
“ข้าตื่นแล้วเจ้าค่ะพี่หลิงจู เตรียมน้ำเลย ข้าจะอาบน้ำ”
“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”
หลิงจูเดินเข้ามาในห้องนอนของเว่ยซือหง ส่วนหลิงอิงปลีกตัวไปเตรียมน้ำให้เจ้าตัวน้อย
“คุณหนูดูอารมณ์ดีนะเจ้าคะ” หลิงจูเอ่ยทักเพราะคุณหนูของนางดูจะอารมณ์ดีแปลก ๆ
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าอารมณ์ดีมากเลยด้วย” ยิ้มแย้มตอบคำ แต่ไม่อธิบายว่าอารมณ์ดีเพราะอะไร เห็นสายตาใคร่รู้ของสาวใช้คนสนิทแต่ไม่กล้าถามเว่ยซือหงพลันหลุดหัวเราะพร้อมยิ้มกริ่มส่งให้อย่างน่ารัก
“น้ำพร้อมแล้วเจ้าค่ะคุณหนู อาบน้ำเสร็จคุณหนูจะรับมื้อเช้าที่ไหนเจ้าคะ” หลิงอิงที่ออกมาจากฉากกั้นห้องอาบน้ำถามขึ้นมาบ้าง
“เรือนใหญ่ เช้านี้ข้าจะกินข้าวพร้อมทุกคน”
“ข้าจะรีบไปบอกห้องครัวให้เตรียมไว้ให้พร้อมเจ้าค่ะ”
หลิงอิงถอยเท้าแยกตัวไปจัดการทันที ส่วนหลิงจูก็ปรนนิบัติเจ้าตัวน้อยต่อไป เหตุที่ถามว่ารับมื้อเช้าที่ใด เพราะบางครั้งเว่ยซือหงจะรับอาหารที่เรือนตนเองยามติดการอ่านตำรา เช่นนั้นในทุก ๆ วันพวกนางจึงต้องถามความต้องการของเจ้านายตัวน้อยให้ชัดเจน
ต้นยามเฉิน(07:00น.)
สมาชิกตระกูลเว่ยพร้อมหน้ากันที่เรือนใหญ่เพื่อรับประทานมื้อเช้า ยังมีบทสนทนาเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ให้วงอาหารเงียบเกินไป เว่ยซือหงร่วมพูดคุยกับทุกคนด้วยเช่นกัน ทว่าอาการตื่นเต้นดีใจปกปิดไม่อยู่ของเจ้าตัวพลันไปกระตุ้นความสงสัยของทุกคนในครอบครัวเข้า
เมื่อวานนางยังอารมณ์ไม่ดีและงอนพวกเขาอยู่เลยไม่ใช่หรือ เหตุใดวันนี้ดูมีความสุขเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเล่า หรือมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแล้วพวกเขาไม่รู้?
เลื่อนระดับพลังได้หรือเปล่านะ...
คนในครอบครัวเริ่มคิดไปไกล เว่ยซือหงไม่ใช่ไม่รู้ความสงสัยของทุกคน แต่นางยังไม่รีบไขความกระจ่าง เจ้าตัวใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาเต๋าเต้ยนึ่งซีอิ๊วเข้าปากคำแล้วคำเล่าพลางเอ่ยชมไม่คิดหวงคำ
“ปลาเต๋าเต้ยนึ่งซีอิ๊ววันนี้อร่อยมากเลยเจ้าค่ะ มื้อเย็นทำอีกครั้งได้หรือไม่เจ้าคะ”
คำขอจากคุณหนูของจวนมีหรือผู้ใดกล้าขัด “ทราบแล้วขอรับคุณหนู ตอนเย็นจะทำอีกครั้ง คุณหนูอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือไม่ขอรับ”
“รากบัวต้มกระดูกหมูเจ้าค่ะ ข้าอยากกินมาก”
“ได้ขอรับ พวกข้าน้อยจะทำให้สุดฝีมือ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุงพ่อครัว”
บทสนทนาสิ้นสุดตรงนั้นพร้อมมื้ออาหารเช้าที่จบลง เว่ยซือหงถูกครอบครัวจับจ้องด้วยสายตากดดัน หากนางยังไม่ยอมปริปากง่าย ๆ มีแต่รอยยิ้มกรุ้มกริ่มกับสายตาเจ้าเล่ห์ของนางถูกส่งมาเป็นระยะ