บทที่ 47.1 ข่าวใหญ่

1337 Words
“จริงสิ จดหมายที่หลินหว่านส่งมาให้ข้าเมื่อเช้าอยู่ไหนหรือ” เมื่อเช้ายังไม่ทันจะได้เปิดจดหมายของสหายอ่าน ท่านย่าดันเดินมาเห็นกิริยาไม่งามของนางเข้า จึงเป็นเหตุให้ถูกเคี่ยวกรำเพิ่งจะได้กลับมาพักนี่แหละ “เดี๋ยวข้าหยิบมาให้เจ้าค่ะคุณหนู” หลิงอิงเดินไปหยิบจดหมายของคุณหนูจวนหลินมาส่งให้เว่ยซือหง “ขอบใจเจ้าค่ะ” มือเล็กค่อนข้างอวบยื่นไปรับมาพร้อมคลี่จดหมายออกอ่าน เนื้อความบนกระดาษไม่มีอันใดมาก นอกจากการพร่ำบ่นของสหายที่ถูกครอบครัวเคี่ยวกรำให้เรียนและประพฤติตนตามหลักสตรีชนชั้นสูง ซือหง ช่วงนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่ ส่วนข้าไม่ค่อยสบายเท่าไรนัก ด้วยถูกท่านย่าเคี่ยวกรำศาตร์ศิลป์ทั้งสี่ ช่วงนี้ถูกบังคับให้เรียนฉินหนักมาก เจ็บนิ้วปวดแขนไปหมด ข้าไม่ชอบเลย ขอออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ กล่าวว่าสตรีในห้องหอไม่ควรเยี่ยมหน้าออกไปนอกจวนบ่อยนัก โธ่เอ๊ย ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ข้าไม่ได้ทำอันใดเสียหายสักหน่อย เจ้าบอกข้าเองไม่ใช่หรือ ว่าวัยอย่างพวกเราควรเล่นและกินให้เต็มที่ โตกว่านี้ก็ทำเช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่เจ้าดูข้าสิ ข้าสิบขวบเองนะ สิบขวบ! ซือหงเจ้าเห็นใจสหายอย่างข้าใช่หรือไม่ เจ้าไม่คิดว่าข้าน่าสงสารหรือ ข้ารู้สึกเหมือนปลาขาดน้ำเลย ข้ากำลังจะตาย สหายรักได้โปรดช่วยข้าด้วย เขียนจดหมายส่งเทียบเชิญนัดข้าไปเที่ยวสักวัน ไม่เช่นนั้นข้าตายจริง ๆ แน่ อย่าลืมเล่าซือหง ข้าจะรอ หลินหว่าน ทันทีที่อ่านเนื้อความในจดหมายจบ มุมปากได้รูปพลันยกยิ้ม ดูเหมือนจะไม่ใช่นางคนเดียวที่ถูกท่านย่าฝึกสอน เช่นนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เว่ยซือหงค่อย ๆ พับจดหมายของสหายเก็บเข้ากล่องอย่างเรียบร้อย พร้อมทั้งหยิบกระดาษแผ่นใหม่และหมึกขึ้นมาฝน ฝนจนได้ที่พู่กันขนาดเหมาะมือพลันจรดลงบนแผ่นกระดาษว่างเปล่า ตามความประสงค์ของผู้เป็นเจ้าของ เขียนเนื้อความตอบกลับสหายเสร็จรอจนหมึกแห้งดีก็พับจดหมายแล้วยื่นให้หลิงอิง “ข้ารบกวนพี่หลิงอิงนำไปส่งให้หลินหว่านทีนะเจ้าคะ” “ได้เจ้าค่ะคุณหนู ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” “พี่หลิงจูประเดี๋ยวเตรียมชุดไปเดินตลาดไว้ให้ข้าหน่อยนะเจ้าคะ อีกสองวันข้าจะไปเที่ยวเล่นกับสหายสักหน่อย” “ได้เจ้าค่ะคุณหนู คุณหนูมีชุดที่ต้องการพิเศษหรือไม่เจ้าคะ” “ข้าขอสีเขียวอ่อนแล้วกันนะ” “ทราบแล้วเจ้าค่ะ” หลังจากตอบจดหมายของสหายแล้ว เว่ยซือหงไปพักผ่อนยังศาลากลางสวนที่ตอนนี้มีพรรณไม้ดอกไม้ประดับปลูกเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็จรรโลงตา เหลียวมองสระน้ำจำลองขนาดเล็กที่อยู่ข้าง ๆ ภายในสระมีปลาหลีสีแดงและสีทองเวียนว่ายไปมาดูมีชีวิตชีวายิ่ง สระน้ำจำลองนี้ตระกูลเว่ยสร้างขึ้นมาภายหลังตามความต้องการของทายาทหญิงเพียงคนเดียว หลังสร้างเสร็จแต่เดิมที่เว่ยซือหงชอบไปนั่งพักผ่อนที่หลังเรือนตัวเองเพราะผักปราณเขียวชอุ่มเรียกความสดชื่น ก็กลายมาเป็นว่าชอบศาลากลางสวนยิ่งกว่า เพียงมองปลาหลีแหวกว่ายนางก็มีความสุขแล้ว ยิ่งตอนพวกมันกระโดดเพราะนางนำน้ำพลังปราณหยดลงไปในสระยิ่งมีความสุขมาก ไม่เพียงแค่นางเท่านั้นที่ชอบพักผ่อนยังศาลานี้ คนอื่น ๆ ในจวนต่างได้รับอิทธิพลความชื่นชอบของนางไปไม่น้อยเช่นกัน “ฟานสือหลิวเจ้าค่ะคุณหนู” หลิงจูเอ่ยขัดบรรยากาศเงียบสงบของเจ้านาย นางมาพร้อมจานฝรั่งผลไม้ปราณชนิดล่าสุดที่ไร่ตระกูลเว่ยเพิ่งได้พันธุ์มาเพาะปลูก และวางจำหน่ายไปไม่นานมานี้ “ขอบคุณพี่หลิงจู กินด้วยกันสิเจ้าคะ” ดูเอาเถอะจะมีเจ้านายจวนใดใจดีใจกว้างกับบ่าวไพร่ได้มากถึงเพียงนี้ ผักผลไม้ปราณที่ว่าแพงหาได้ยาก บรรดาเจ้านายยังยินดีแบ่งปันให้คนในจวน บ่าวทาสตลอดบนลงล่างพลอยได้รับอานิสงส์อย่างถ้วนทั่ว หลิงจูยิ่งคิดยิ่งภูมิใจที่ได้รับใช้คุณหนูตัวน้อยและตระกูลเว่ย “ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู แต่ของบ่าวมีอยู่แล้ว เชิญคุณหนูตามสบายเลยเจ้าค่ะ” เว่ยซือหงเพียงยิ้มพร้อมหยิบฝรั่งที่ถูกปอกและหั่นชิ้นพอดีคำเข้าปาก ไม่นานหลิงอิงก็กลับมาจากการส่งจดหมาย “พวกพี่ทั้งสองมีพลังปราณอยู่ในระดับแม่ทัพขั้นสูงแล้วสินะเจ้าคะ อีกไม่นานคงเลื่อนขั้นข้ามระดับเดิมได้แล้ว ยินดีกับพวกพี่ทั้งสองล่วงหน้าแล้ว” เอ่ยขึ้นหลังประเมินพลังของคนสนิททั้งสองแล้ว “ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับคุณหนูและนายท่านนายหญิงทุกคนนั่นแหละเจ้าค่ะ หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากพวกท่าน ไหนเลยบ่าวอย่างพวกข้าจะมีโอกาสเป็นผู้ฝึกปราณ และมีระดับพลังสูงถึงเพียงนี้” หลิงอิงเป็นคนเอ่ย นางซาบซึ้งในพระคุณของตระกูลเว่ยทุกคนยิ่งนัก ไม่เพียงไม่กดขี่บ่าวทาสในจวนแล้วยังให้การสนับสนุนทุกคนที่มีความสนใจฝึกปราณอีก ความเป็นอยู่ก็ดีเสียยิ่งกว่าชาวบ้านทั่วไป ไม่รู้พวกตนเคยกู้ชาติมาหรืออย่างไร ชาตินี้จึงได้พบเจอเจ้านายที่มีเมตตาเช่นนี้ “พี่หลิงอิงพูดถูกแล้วเจ้าค่ะ บ่าวขอบคุณคุณหนูมากนะเจ้าคะ ที่เลือกให้พวกข้าพี่น้องเป็นคนสนิท” สายตาไม่พอใจถูกส่งไปยังคนสนิททั้งสอง เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากัน “ข้าบอกแล้วเช่นไรว่าเวลาพูดกับข้าไม่ให้แทนตนเองว่าบ่าว ข้านับถือพวกพี่สองคนเหมือนดั่งพี่น้อง แล้วอีกอย่างพวกท่านอยู่กับข้าตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อถึงเวลาเลือกผู้ติดตามข้าจะไม่เลือกพวกท่านได้เช่นไร” “ขออภัยเจ้าค่ะคุณหนู ข้าทั้งสองจะไม่ลืมอีกแล้ว” “ช่างเถอะ จะข้าจะบ่าวความรู้สึกข้าที่มีต่อพวกท่านก็ไม่เปลี่ยน อยากจะเรียกอย่างไรก็เรียก ตามแต่ใจต้องการเลย” “คุณหนู” “ไม่ต้องมาโอดครวญ ถึงมันจะขัดใจอยู่บ้างแต่ข้าก็ไม่ได้โกรธเสียหน่อย” “ขอบคุณคุณหนูเจ้าค่ะ” เว่ยซือหงส่ายหน้าพลางยิ้มบาง ๆ ทว่าก่อนที่บทสนทนาจะดำเนินต่อ น้ำเสียงคุ้นหูที่ไม่ได้ยินมาตลอดหกเดือนพลันแทรกขึ้นมา “แกล้งอะไรสาวใช้ทั้งสองอีกเจ้าตัวแสบ” “พี่ใหญ่พี่รอง!” ร้องเรียกพี่ชายทั้งสองเสียงดังทั้งยังผุดลุกยืนวิ่งออกไปจับมือทั้งสองเข้ามายังศาลาอย่างรวดเร็ว แววตาเว่ยซือหงเปล่งประกายทั้งตื่นเต้นยินดี นางมองสำรวจพี่ชายทั้งสองอย่างช้า ๆ เมื่อไม่เห็นร่องรอยบาดเจ็บค่อยโล่งใจ ไม่ลืมสำรวจพลังของพวกเขาอีกด้วย ก่อนสีหน้าภาคภูมิใจจะปรากฏบนใบหน้าของนาง “เจ้าเด็กแก่แดด มัวคิดอะไรอยู่ทำไมไม่ตอบพี่รอง” เว่ยซือเหลียงที่แม้จะเข้าศึกษาที่สำนักศึกษาพยัคฆ์ทมิฬเหมือนพี่ชายไปแล้วสามปี ปัจจุบันมีอายุ 17 ปี ก็ยังคงความร่าเริงและขี้แกล้งเช่นเดิม เขายีหัวน้องสาวจนผมของนางยุ่งเหยิงไปหมด “ปล่อยอาหงเดี๋ยวนี้นะพี่รอง” “เรื่องอะไรพี่จะปล่อยเด็กแสบเช่นเจ้า ว่าอย่างไรแกล้งอะไรหลิงจูกับหลิงอิงอีก” “อาหงไม่ได้แกล้งสักหน่อย พี่รองจะปล่อยหรือไม่” เว่ยซือเหลียงดึงหน้ายียวนน้องสาว เว่ยซือหงสะบัดหน้าใส่พี่ชายคนรองหันไปออดอ้อนพี่ชายคนโต “พี่ใหญ่ดูพี่รองสิเจ้าคะ พี่รองรังแกอาหง”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD